การพัฒนานิคมอุตสาหกรรมนั้นแม้ว่าจะส่งผลกระทบเชิงบวกต่อการเติบโตของเศรษฐกิจในภาพรวมของประเทศและชุมชนท้องถิ่น แต่ในขณะเดียวกันก็อาจจะส่งผลกระทบเชิงลบต่อความหลากหลายทางชีวภาพและระบบนิเวศ จากการใช้ประโยชน์ที่ดิน การขยายตัวของชุมชนเมืองเพื่อรองรับภาคอุตสาหกรรมที่เติบโตขึ้น 

บริษัทฯ จึงให้ความสำคัญกับประเด็นการปกป้องฟื้นฟูระบบนิเวศและความหลากหลายทางชีวภาพ และมีบริหารจัดการเพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดผลกระทบเชิงลบด้านความหลากหลายทางชีวภาพ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม รวมถึงการฟื้นฟูระบบนิเวศที่ช่วยชะลอการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจากการเก็บและดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์

ความเสี่ยง

การลดลงของความหลากหลายทางชีวภาพ ทำให้เพิ่มความเสี่ยงด้านความสมดุลของระบบนิเวศในพื้นที่ ซึ่งมีผลต่อความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรทางธรรมชาติที่เป็นวัตถุดิบหลักของการดำเนินธุรกิจเช่น น้ำ และคุณภาพของสิ่งแวดล้อมโดยรวม ตลอดจนกระทบต่อคุณภาพชีวิตของผู้มีส่วนได้เสียที่อยู่อาศัยและใช้ประโยชน์จากธรรมชาติในพื้นที่

โอกาส

บริษัทฯ มองเห็นโอกาสในการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมให้เป็นเมืองที่มีความสมดุลระหว่างการเติบโตทางเศรษฐกิจกับการดูแลรักษาคุณภาพสังคมและสิ่งแวดล้อม ทำให้ภาคอุตสาหกรรมสามารถอยู่ร่วมกันกับชุมชนโดยรอบได้อย่างราบรื่น การอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพให้คงอยู่อย่างมีคุณภาพและสมดุล จะสามารถส่งต่อทรัพยากรที่เพียงพอ และสำคัญต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้มีส่วนได้เสียทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ให้แก่คนรุ่นต่อไปได้อย่างยั่งยืน 

แนวทางการบริหารจัดการ

บริษัทฯ มุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับการดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด

เคร่งครัด  จึงได้กำหนดนโยบายด้านความหลากหลายทางชีวภาพ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันความเสียหายและลดผลกระทบที่มีต่อความหลากหลายทางชีวภาพในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะ และเพื่อสนับสนุนและส่งเสริมให้ผู้มีส่วนได้เสียในพื้นที่ร่วมกัน ดูแล ฟื้นฟู และอนุรักษ์ ความหลากหลายทางชีวภาพในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะทั้งสองแห่ง

บริษัทฯ ได้ดำเนินการอนุรักษ์และฟื้นฟูความหลากหลายทางชีวภาพในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ชลบุรี และนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ระยอง อย่างต่อเนื่องผ่านโครงการฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม การเพิ่มพื้นที่สีเขียว และการอนุรักษ์สายพันธุ์สัตว์น้ำท้องถิ่นในชุมชน เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดผลกระทบเชิงลบต่อความหลากหลายทางชีวภาพ ตามแนวคิดขององค์กรระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ (International Union for Conservation of Nature: IUCN) ว่าด้วยการชดเชยความหลากหลายทางชีวภาพ (Biodiversity Offset) หลักการลำดับขั้นของการลดผลกระทบต่อความหลากหลายทางชีวภาพ (Mitigation Hierarchy) ประกอบไปด้วย 4 แนวทาง ได้แก่ การหลีกเลี่ยง การลดผลกระทบ การฟื้นฟู และการชดเชย

ผลการดำเนินงาน

The Company has operated two industrial estates in Thailand, i.e. AMATA City Chonburi and AMATA City Rayong Industrial Estate covering the area of 27,356 rais (43.30 km2) and 16,895 rais (27.03 km2), respectively.

นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ชลบุรี และนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ระยอง มีพื้นที่ทั้งหมด ทั้งหมด 27,356 ไร่ (43.30 ตารางกิโลเมตร) และ 16,895 ไร่ (27.03 ตารางกิโลเมตร) ตามลำดับ โดยพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมทั้ง 2 แห่ง ตั้งอยู่ในเขตอุตสาหกรรมตาม พระราชบัญญัติการผังเมือง พ.ศ2562 และไม่มีพื้นที่อนุรักษ์และพื้นที่คุ้มครองตามประกาศของหน่วยงานภาครัฐเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือพื้นที่ระบบนิเวศที่มีความสำคัญที่ได้รับประกาศจัดตั้งทั้งในระดับประเทศและสากล อยู่ในเขตรัศมี 5 กิโลเมตร (Disclosure 304-1)

อย่างไรก็ตาม กิจกรรมการพัฒนาพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมทั้ง 2 แห่งของบริษัทฯ อาจจะส่งผลกระทบเชิงลบต่อความหลากหลายทางชีวภาพ ซึ่งเกิดได้ทั้งทางตรงและทางอ้อม เช่น ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการใช้ประโยชน์ที่ดิน การขยายตัวของชุมชนเมืองโดยรอบนิคม มลพิษที่เกิดจากกิจกรรมต่าง ๆ ภายในนิคมอุตสาหกรรม รวมถึงผลกระทบที่เกิดจากการดำเนินงานของคู่ค้าและผู้รับเหมาของบริษัทฯ เป็นต้น โดยสามารถเกิดขึ้นได้ตั้งแต่กระบวนการพัฒนาที่ดินของบริษัทฯ ไปจนถึงเมื่อพัฒนาแล้วเสร็จกลายเป็นพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม (Disclosure 304-2)

บริษัทฯ จึงได้ดำเนินโครงการต่าง ๆ เพื่อหลีกเลี่ยงและลดผลกระทบ รวมถึงการฟื้นฟูและชดเชยผลกระทบเชิงลบที่อาจที่เกิดขึ้นจากการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ชลบุรี และนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ระยอง (Disclosure 304-3) ดังนี้ 

1) การบริหารจัดการพื้นที่สีเขียวภายในนิคมอุตสาหกรรมอมตะ

บริษัทฯ มีเป้าหมายในการพัฒนาพื้นที่สีเขียวภายในนิคมอุตสาหกรรมอมตะทั้งสองแห่ง เพื่อให้เป็นเมืองที่มีสภาพแวดล้อม ที่ดีส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีสำหรับผู้ที่ทำงานอยู่ในนิคมอุตสาหกรรม โดยตั้งเป้าหมายให้มีพื้นที่สีเขียวไม่น้อยกว่าร้อยละ 10 ของพื้นที่ดำเนินการทั้งหมดนิคมอุตสาหกรรม บริษัทฯ ได้จัดทำผังแม่บทและกำหนดแผนการพัฒนาพื้นที่สีเขียวภายในนิคมอุตสาหกรรมอมตะรายปี เพื่อดำเนินการปลูกต้นไม้เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียว (restoration) ภายในนิคมอุตสาหกรรมอมตะอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทฯ ได้กำหนดชนิดพันธุ์ต้นไม้ในการปลูกโดยอ้างอิงข้อมูลประเภทป่าไม้ของจังหวัดชลบุรีและระยอง ของกรมป่าไม้  ซึ่งพื้นที่ป่าบนบก (Terrestrial Forest) ส่วนใหญ่ในจังหวัดชลบุรีและระยอง เป็นพื้นที่ป่าประเภทป่าเบญจพรรณ (Mixed-deciduous Forest) และป่าดิบแล้ง (Dry Evergreen Forest)

นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ชลบุรี

นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ชลบุรี มีพื้นที่โครงการทั้งหมด 27,356 ไร่ มีพื้นที่ที่พัฒนาแล้วทั้งหมด 17,497 ไร่ และมีพื้นที่สีเขียวทั้งหมด 1,936 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 11.06 ของพื้นที่พัฒนาแล้ว ในปี 2564 บริษัทฯ ได้ดำเนินการปลูกไม้ยืนต้นภายในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ชลบุรี ไปประมาณ 5,000 ต้น เพื่อปรับปรุงพื้นที่ว่างเปล่าที่ไม่สามารถพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ได้ให้กลายเป็นพื้นที่สีเขียว การปลูกไม้ยืนต้นทดแทนกล้าไม้ที่ตายลง และการปรับปรุงภูมิทัศน์ โดยมีอัตราการรอดตายของกล้าไม้ที่ร้อยละ 80 โดยปลูกไม้ยืนต้นชนิดพันธุ์ท้องถิ่นทั้งหมดร้อยละ 100 ซึ่งเป็นชนิดที่พบในพื้นที่จังหวัดชลบุรี และเป็นชนิดพันธุ์ไม้ของป่าเบญจพรรณ และป่าดิบแล้ง ตามรายงานของกรมป่าไม้และมีความทนต่อสภาพดินเค็ม เช่น พะยูง ยางนา ตะแบก กัลปพฤกษ์ ทรงบาดาล นนทรี ตะแบกน้ำ แคนา มะฮอกกานี ประดู่ป่า มะขาม มะขามเทศ เป็นต้น

นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ระยอง

นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ระยอง มีพื้นที่โครงการทั้งหมด 16,895 ไร่ มีพื้นที่ที่พัฒนาแล้ว ทั้งหมด 14,546 ไร่ และมีพื้นที่สีเขียวทั้งหมด 1,506 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 10.36  ของพื้นที่พัฒนาแล้ว ในปี 2564 บริษัทฯ ได้ดำเนินการปลูกไม้ยืนต้นภายในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ระยอง ไปทั้งสิ้น 10,000 ต้น โดยมีอัตราการรอดตายของกล้าไม้เท่ากับร้อยละ 85 ซึ่งจะมีการปลูกทดแทนกล้าไม้ที่ตายไปอยู่เสมอ โดยปลูกไม้ยืนต้นชนิดพันธุ์ท้องถิ่นทั้งหมดร้อยละ 100 ซึ่งเป็นชนิดที่พบในพื้นที่จังหวัดระยอง และเป็นชนิดพันธุ์ไม้ของป่าเบญจพรรณ และป่าดิบแล้ง ตามรายงานของกรมป่าไม้ เช่น ต้น มะค่า หว้า ยางนา พะยอม ตะแบก ขี้เหล็ก เป็นต้น

2) การพัฒนาพื้นที่สาธารณะให้กลายเป็นพื้นที่สีเขียว

บริษัทฯ จัดทำโครงการร่วมกับโรงงานผู้ประกอบการในนิคมอุตสาหกรรมอมตะ เพื่อฟื้นฟูพื้นที่รกร้างให้กลายเป็นพื้นที่สีเขียว (rehabilitation) ด้วยการปลูกพันธุ์ไม้ท้องถิ่นยืนต้น เช่น โครงการ Forest for Life ปลูกป่า ปลูกชีวิต ร่วมกับบริษัท โตไค ริคะ (ไทยแลนด์) จำกัด ปลูกป่าในพื้นที่ป่าเสื่อมโทรม ซึ่งเป็นพื้นที่สาธารณะตั้งอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ระยอง ขนาด 12 ไร่ โดยระยะเวลาโครงการ 4 ปี ตั้งแต่ปี 2562-2565 โดยปัจจุบันปลูกต้นไม้ไปแล้วทั้งสิ้น 11,600 ต้น ในพื้นที่ 6 ไร่ ในปี 2562 ได้ทำการปลูกต้นไม้ไปแล้ว 5,800 ต้น บนพื้นที่ 3 ไร่ และในปี 2563 ได้ปลูกเพิ่มเติม จำนวน 5,800 ต้น บนเนื้อที่ 3 ไร่ โดยตั้งเป้าหมายว่าจะปลูกได้ครบทั้งพื้นที่ทั้ง 12 ไร่ในปี 2565

3)การอนุรักษ์สายพันธุ์สัตว์น้ำท้องถิ่นอมตะซิตี้ ระยอง

พื้นที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ระยอง เป็นพื้นที่กลางน้ำ มีลำห้วยภูไทรซึ่งรับน้ำมาจากเขตลุ่มน้ำเขาไม้แก้ว ไหลผ่านพื้นที่นิคมฯ ก่อนจะไหลออกไปสู่อ่างเก็บน้ำดอกกราย ซึ่งเป็นอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ความจุกว่า 79 ล้านลูกบาศก์เมตร มีพื้นที่กว่า 2.08 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 1,300 ไร่ ในจังหวัดระยอง แม้ว่าอ่างเก็บน้ำดอกกราย จะอยู่นอกเขตรัศมี 5 กิโลเมตรจากนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ระยอง แต่เป็นพื้นที่ที่มีความสำคัญในเชิงระบบนิเวศน้ำจืด และแหล่งเศรษฐกิจสำคัญของชุมชน เนื่องจากเป็นแหล่งอนุบาลสัตว์น้ำ และพื้นที่ประมงพื้นบ้านของประชาชนในอำเภอนิคมพัฒนาจำนวนกว่า 500 หลังคาเรือน ทำให้ชุมชนท้องถิ่นเกิดความกังวลในผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อคุณภาพน้ำ และส่งผลต่อสัตว์น้ำซึ่งเป็นแหล่งอาชีพดั้งเดิมที่สำคัญของชุมชน 

บริษัทฯ จึงร่วมกับประมงจังหวัดระยอง กลุ่มบริหารจัดการทรัพยากรประมงน้ำจืด อ่างเก็บน้ำดอกกราย ซึ่งเป็นคณะกรรมการชุมชนที่คอยดูแล ควบคุม การใช้ประโยชนในพื้นที่อ่างเก็บน้ำ และพันธมิตรกลุ่มต่าง ๆ เช่น หน่วยงานท้องถิ่น และโรงงานผู้ประกอบการในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ระยอง พัฒนาโครงการ “อมตะร่วมใจพัฒนาแหล่งน้ำสู่ความยั่งยืน” เพื่อดูแล ฟื้นฟูแหล่งน้ำ รวมถึงอนุรักษ์สายพันธุ์สัตว์น้ำท้องถิ่น ซึ่งนอกจากจะเป็นแหล่งอาชีพ และแหล่งอาหารของชุมชนแล้ว ยังสามารถใช้เป็นดัชนีชี้วัดคุณภาพน้ำที่มีประสิทธิภาพได้อีกด้วย

ในปี 2564 บริษัทฯ ได้ดำเนินการปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำ ซึ่งเป็นชนิดพันธุ์ที่ถูกสำรวจพบในพื้นที่อ่างเก็บน้ำโดยประมงจังหวัดระยอง จำนวนรวมทั้งสิ้น 10  ชนิด จำนวน 314,000 ตัว เช่น ปลาตะเพียน ปลากราย ปลายี่สกไทย ปลายี่สกเทศ ปลาสวาย ปลาจีน เป็นต้น คิดเป็นมูลค่าพันธุ์สัตว์น้ำทั้งสิ้น 100,000 บาท และได้ร่วมกับสำนักงานประมงจังหวัดระยอง ปล่อยกุ้งก้ามกราม จำนวน 500,000 ตัว 

ผลการดำเนินกิจกรรมที่เกิดขึ้น นอกจากจะเป็นการอนุรักษ์สายพันธุ์ท้องถิ่น และเพิ่มปริมาณสัตว์น้ำในอ่างเก็บน้ำดอกกรายแล้ว ยังเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับชุมชนท้องถิ่นถึงคุณภาพน้ำที่ไหลผ่านนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ระยอง ว่าบริษัทฯ มีการจัดการ ควบคุม และเฝ้าระวังคุณภาพของน้ำเป็นอย่างดี ในอนาคตบริษัทฯ มีแผนการสำรวจความหลากหลายทางชนิดพันธุ์ของสัตว์น้ำ ในพื้นที่อ่างเก็บน้ำดอกกราย รวมกับประมงจังหวัดระยอง และกลุ่มบริหารจัดการทรัพยากรประมงน้ำจืด อ่างเก็บน้ำดอกกราย เพื่อใช้เป็นข้อมูลพื้นฐานในการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ และดัชนีชี้วัดคุณภาพน้ำในอนาคต

ร่วมสร้างอนาคตไปกับอมตะ

AMATA

Contact us for more details.

Thailand
+66 38 939 007
Vietnam

+84 251 3991 007 (South)
+84 203 3567 007 (North)

Myanmar
+95 1 230 5627
Laos

+85 620 5758 0007

© AMATA CORPORATION PCL. All rights reserved.  Web by Toneyes  Web by Toneyes