เป็นปัจจัยหลักของภาคอุตสาหกรรมและการดำรงชีพของสิ่งมีชีวิตทุกชนิดบนโลก

ดังนั้นความต้องการใช้น้ำในปริมาณมากในอนาคตอันเป็นผลจากการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรมในพื้นที่ภาคตะวันออก และการเพิ่มจำนวนอย่างรวดเร็วของประชากร ตลอดจนการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศที่ส่งผลให้เกิดวิกฤตน้ำ ล้วนแล้วแต่ทำให้เกิดความเสี่ยงและความท้าทายในการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ นอกจากน้ำใช้แล้ว  การจัดการกับน้ำเสียที่เกิดขึ้นในนิคมอุตสาหกรรมยังเป็นเรื่องที่บริษัทฯ และผู้มีส่วนได้เสียให้ความสำคัญเพราะสามารถส่งผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมได้หากมีการจัดการที่ไม่ดี ประเด็นการบริหารจัดการน้ำและการบริหารจัดการน้ำเสียจึงเป็นประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืนที่อยู่ในความสนใจของบริษัทฯ และผู้มีส่วนได้เสียมาโดยตลอด 

ความเสี่ยง

การพึ่งพาน้ำดิบผิวดินในกระบวนการผลิตน้ำประปาเพื่อใช้ในนิคมอุตสาหกรรมนั้น ทำให้บริษัทฯ เกิดความเสี่ยงสูงในการขาดแคลนน้ำใช้ในช่วงภัยแล้ง ซึ่งจะกระทบโดยตรงต่อกระบวนการผลิตของลูกค้าภายในนิคมอุตสาหกรรม

นอกจากนี้หากกระบวนการบริหารจัดการน้ำเสียไม่มีประสิทธิภาพหรือไม่สามารถดูแลการปล่อยน้ำเสียของโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมได้ จะเพิ่มความเสี่ยงในการรั่วไหลของน้ำเสียออกสู่ภายนอกนิคม ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อมและสังคมโดยรอบ และกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้มีส่วนได้เสียที่มีต่อบริษัทฯ

โอกาส

การประยุกต์ใช้องค์ความรู้ตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน รวมถึงการนำนวัตกรรมด้านการบริหารจัดการน้ำมาใช้ภายในนิคมอุตสาหกรรม จะช่วยลดต้นทุนในการดำเนินงาน และสร้างความมั่นคงทางทรัพยากรน้ำ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นต่อผู้มีส่วนได้เสีย และต่อนักลงทุน อีกทั้งยังช่วยเพิ่มความสามารถทางการแข่งขัน ในการเป็นนิคมอุตสาหกรรมที่มีความมั่นคงทางทรัพยากรน้ำสูง

แนวทางการบริหารจัดการ

บริษัทฯ ตระหนักถึงความสำคัญในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการบริหารจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ บริษัทฯ จึงได้มอบหมายคณะทำงานบริหารจัดการน้ำ (Water Management Committee) ซึ่งประกอบด้วย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร คณะทำงานจากฝ่ายวิศวกรรม และบริษัทย่อย ได้แก่ บริษัท อมตะ วอเตอร์ จำกัด และบริษัท อมตะ ฟาซิลิตี้ เซอร์วิส จำกัด ให้เป็นผู้รับผิดชอบดูแลเรื่องการบริหารจัดการน้ำภายในนิคมอุตสาหกรรมของอมตะ โดยรายงานตรงต่อประธานเจ้าหน้าที่บริหาร

บริษัทฯ ปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องภายใต้พระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2522 พระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 และมาตรฐานสิ่งแวดล้อม ISO 14001:2015 อย่างเคร่งครัด มีการตรวจวัดคุณภาพน้ำเป็นประจำโดยห้องปฏิบัติการที่ขึ้นทะเบียนกับกรมโรงงานอุตสาหกรรม และเปิดเผยผลการดำเนินงานเรื่องการบริหารจัดการน้ำใช้และน้ำเสียในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA: Environmental Impact Assessment) และนำเสนอรายงานผลการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA Monitoring Report) เป็นประจำทุก 6 เดือน ให้คณะกรรมการตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อมของนิคมอุตสาหกรรมอมตะทั้งสองแห่งรับทราบ รวมไปถึงการควบคุมดูแลลูกค้าในนิคมอุตสาหกรรมให้ปฏิบัติตามกฎระเบียบของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เพื่อป้องกันปัญหา และลดผลกระทบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม 

บริษัทฯ ได้วางแผนการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืนโดยใช้ทรัพยากรน้ำดิบผิวดินอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด และกำหนดเป็นเป้าหมายของบริษัทฯ ในการบริหารจัดการน้ำเสียโดยไม่มีการปล่อยน้ำทิ้งออกสู่ภายนอกนิคมอุตสาหกรรมตามหลักการ Zero Discharge ตั้งแต่เริ่มต้นทำธุรกิจ รวมถึงทำการตรวจวัดคุณภาพน้ำของแหล่งน้ำที่ใช้เป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรมและน้ำเสียในจุดต่างๆ อย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อผู้มีส่วนได้เสียทั้งในระยะสั้นและระยะยาว

นอกจากนี้ บริษัทฯได้ส่งเสริมให้ชุมชนรอบนิคมอุตสาหกรรมมีความรู้ความเข้าใจในการดำเนินธุรกิจและการบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืนของบริษัทฯ รวมถึงใช้ความรู้ความสามารถที่บริษัทฯ มีไปช่วยพัฒนาการบริหารจัดการน้ำของชุมชน โดยบูรณาการความร่วมมือระหว่างบริษัทฯ หน่วยงานราชการ และชุมชน เพื่อวางแผนการทำงานร่วมกัน

การจัดหาและพัฒนาแหล่งน้ำสำรองเพื่อการอุตสาหกรรม

ในห่วงโซ่ธุรกิจของบริษัทฯ นั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องพึ่งพาทรัพยากรน้ำ เพื่อใช้สนับสนุนกระบวนการผลิตและดำเนินงานของโรงงานในนิคมอุตสาหกรรม บริษัทฯ ได้ทำการศึกษาผลกระทบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมจากความต้องการใช้น้ำของนิคมอุตสาหกรรมอมตะทั้งสองแห่ง ก่อนที่จะเริ่มดำเนินกิจการ เพื่อประเมินโอกาสและความเสี่ยงจากการใช้ทรัพยากรน้ำร่วมกับชุมชน

พื้นที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะทั้งสองแห่ง ตั้งอยู่ในเขตภาคตะวันออกซึ่งมีโอกาสเกิดวิกฤตภัยแล้งค่อนข้างสูง บริษัทฯ ได้มีการประเมินผลกระทบจากภัยแล้งในพื้นที่โดยรอบนิคมอุตสาหกรรมอมตะ บริษัทฯ พบว่าพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะทั้งสองแห่ง มีลักษณะของผลกระทบจากภัยแล้งที่แตกต่างกัน โดยนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ชลบุรี ตั้งอยู่ในส่วนท้ายของพื้นที่รับน้ำ (Catchment Area) ก่อนไหลออกสู่ทะเลอ่าวไทย ทำให้ความเสี่ยงหลักคือปริมาณน้ำสำรองภายในนิคมอุตสาหกรรม ซึ่งบริษัทฯ มีแผนการบริหารจัดการแหล่งน้ำสำรองทั้งภายในและภายนอกนิคมอุตสาหกรรม และการนำน้ำผ่านการบำบัดกลับมาใช้ประโยชน์ให้ได้มากที่สุด

ส่วนนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ระยอง ตั้งอยู่ในส่วนต้นของพื้นที่รับน้ำ ความเสี่ยงหลักที่เกิดขึ้นคือการอนุรักษ์ความสมบูรณ์แหล่งต้นน้ำ และความเสี่ยงต่อความเชื่อมั่นในการกักเก็บทรัพยากรน้ำจากชุมชนโดยรอบ บริษัทฯ จึงได้มีการพัฒนาอ่างเก็บน้ำสำรองภายในนิคมอุตสาหกรรม ร่วมกับการจัดหาแหล่งน้ำสำรองจากภายนอกนิคมอุตสาหกรรม การดำเนินโครงการอนุรักษ์ป่าริมน้ำและป่าต้นน้ำในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ระยอง และการจัดสร้างระบบสนับสนุนน้ำประปาให้กับชุมชนเมื่อเกิดวิกฤตภัยแล้งในพื้นที่ เป็นต้น

บริษัทฯ กำหนดนโยบายและเป้าหมายเกี่ยวกับการสำรองน้ำในอ่างเก็บน้ำทั้งภายในและภายนอกนิคมอุตสาหกรรมไว้ว่าต้องมีน้ำสำรองไว้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 150 ของความต้องการบริโภคในนิคมอุตสาหกรรม และเพื่อรับมือกับสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงในปัจจุบัน ดังนั้นบริษัทฯ จึงไม่เคยประสบปัญหาขาดแคลนน้ำในนิคมอุตสาหกรรมอมตะมาตลอดระยะเวลา 30 ปีที่ผ่านมา 

ในปี 2564 มีความต้องการใช้น้ำดิบภายในนิคมอุตสาหกรรมอมตะ 31 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี บริษัทฯ ได้สำรองน้ำในอ่างเก็บน้ำในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะทั้งสองแห่ง จำนวนรวม 19 แห่ง ขนาดความจุรวม 61.4 ล้านลูกบาศก์เมตร และจัดหาแหล่งน้ำสำรองภายนอกพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะ ทำให้ปัจจุบันบริษัทฯ มีน้ำดิบผิวดินสำรองใช้มากกว่าร้อยละ 150 ของความต้องการใช้น้ำทั้งหมดภายในนิคมอุตสาหกรรมอมตะตลอดทั้งปี

การใช้ทรัพยากรน้ำอย่างมีความรับผิดชอบ

การบริหารจัดการน้ำเสียในนิคมอุตสาหกรรม

ในกระบวนการบริหารจัดการน้ำเสียของนิคมอุตสาหกรรมนั้น บริษัทฯ มีการกำกับดูแลคุณภาพน้ำเสียที่ถูกปล่อยออกมาจากโรงงานอุตสาหกรรม โดยกำหนดให้มีการแยกรางระบายน้ำฝนออกจากรางระบายน้ำเสีย โดยโรงงานอุตสาหกรรมส่งน้ำเสียที่ผ่านการบำบัดเบื้องต้นเพื่อควบคุมคุณภาพจากภายในโรงงานตามระเบียบของการนิคมอุตสาหกรรม ผ่านท่อส่งน้ำเสียมายังศูนย์รวบรวมน้ำเสียส่วนกลางของนิคมอุตสาหกรรมซึ่งถูกดูแลโดยบริษัท อมตะ วอเตอร์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ดูแลและบริหารจัดการน้ำทั้งหมดภายในนิคมอุตสาหกรรมอมตะ

น้ำเสียที่ถูกส่งมานี้จะถูกบำบัดให้ได้ค่าตามมาตรฐานตามประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2559 และตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม พ.ศ. 2560 โดยค่ามาตรฐานของน้ำเสียที่ผ่านการบำบัดนี้จะถูกตรวจสอบคุณภาพอย่างละเอียดโดยห้องปฏิบัติการเอกชนที่ขึ้นทะเบียนโดยกรมโรงงานอุตสาหกรรม และต้องผ่านเกณฑ์มาตรฐานทุกรายการก่อนนำกลับมาใช้ประโยชน์ในรูปแบบต่าง ๆ โดยบริษัทฯ มีระบบในการควบคุมและกำกับดูแลโรงงานโดยการตรวจสอบคุณภาพน้ำเสียที่ถูกส่งออกมาจากโรงงานเป็นประจำทุกเดือน หากพบว่าคุณภาพน้ำเสียที่ถูกส่งออกมาจากโรงงานนั้นไม่เป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนด บริษัทฯ จะทำหนังสือแจ้งเตือนให้โรงงานปรับปรุงแก้ไขและเรียกเก็บค่าปรับการบำบัดน้ำเสียพิเศษ

การบริหารจัดการน้ำตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน

บริษัทฯ ตระหนักถึงความสำคัญของการใช้ทรัพยากรน้ำอย่างมีประสิทธิภาพและคุ้มค่า และมีเป้าหมายในการนำน้ำเสียที่เกิดขึ้นกลับมาใช้ประโยชน์ได้ทั้งหมดตามหลักการ Zero Discharge ในปี 2564 บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายในการลดการใช้น้ำดิบผิวดินลงเหลือร้อยละ 59 ของความต้องการใช้น้ำดิบทั้งหมด เพื่อลดการพึ่งพาแหล่งน้ำธรรมชาติและสร้างสมดุลให้กับสิ่งแวดล้อมและชุมชน และเพิ่มสัดส่วนการใช้น้ำที่ผ่านการบำบัดมาทดแทน

จากการพัฒนาระบบบำบัดน้ำเสีย และการควบคุมคุณภาพการบริหารจัดการน้ำเสียอย่างต่อเนื่อง ทำให้น้ำเสียที่ถูกบำบัดจากระบบบำบัดน้ำเสียส่วนกลาง และได้ค่ามาตรฐานตามที่กำหนดตามประกาศทรวงฯ สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ทั้งหมด (ร้อยละ 100) โดยสามารถจำแนกการใช้ประโยชน์ของน้ำเสียที่ผ่านระบบบำบัดน้ำเสียส่วนกลางออกเป็น 3 รูปแบบคือ นำไปใช้ดูแลพื้นที่สีเขียวภายในนิคมอุตสาหกรรม นำไปใช้ในระบบหล่อเย็นของโรงไฟฟ้าภายในนิคมอุตสาหกรรม และนำไปใช้ผลิตเป็นน้ำคุณภาพสูงด้วยระบบ Water Reclamation ด้วยวิธี Reverse Osmosis และใช้ในการจ่ายน้ำประปา

ในปี 2564 พบว่ามีน้ำเสียที่เข้าสู่ระบบบำบัดน้ำเสียส่วนกลางทั้งสิ้น 21.3 ล้านลูกบาศก์เมตร บริษัทฯ ใช้น้ำที่ผ่านการบำบัดแล้วทั้งหมด (ร้อยละ 100) กลับมาใช้ประโยชน์ในนิคมอุตสาหกรรม โดยน้ำที่ผ่านการบำบัดแล้วร้อยละ 57 ถูกนำใช้ไปผลิตเป็นน้ำคุณภาพสูงด้วยระบบ Water Reclamation น้ำที่ผ่านการบำบัดแล้วส่วนที่เหลือถูกนำไปใช้ในระบบหล่อเย็นของโรงไฟฟ้าภายในนิคมอุตสาหกรรม และนำไปใช้ในการดูแลพื้นที่สีเขียว ร้อยละ 28 และ ร้อยละ 15 ตามลำดับ

การลดกการพึ่งพิงน้ำดิบผิวดิน

บริษัทฯ ได้ลงทุนพัฒนากระบวนการผลิตน้ำคุณภาพสูงโดยนำน้ำที่ผ่านการบำบัดแล้วมาผลิตเป็นน้ำคุณภาพสูงโดยการใช้ระบบ Reclamation ด้วยเทคโนโลยี Reverse Osmosis ตั้งแต่ปี 2551 และได้ขยายกำลังการผลิตน้ำคุณภาพสูงด้วยระบบ Reclamation อย่างต่อเนื่อง น้ำคุณภาพสูงที่ผลิตได้จะถูกนำไปใช้ทดแทนน้ำดิบจากแหล่งน้ำธรรมชาติในการผลิตน้ำประปา เพื่อการอุตสาหกรรมต่อไป

จากเป้าหมายของบริษัทฯ ในปี 2564 ในการลดสัดส่วนการใช้น้ำดิบผิวดินลงเหลือร้อยละ 59 ของน้ำใช้ทั้งหมดในการผลิตน้ำประปาส่งให้โรงงานในนิคมอุตสาหกรรม ปัจจุบันระบบ Reclamation มีกำลังการผลิตน้ำคุณภาพสูงรวมทั้งหมด 35,360 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน  ส่งผลให้ในปี 2564 บริษัทฯ สามารถลดการใช้น้ำดิบจากแหล่งน้ำผิวดินลงเหลือ 31 ล้านลูกบาศก์เมตร (Disclosure 303-1) หรือคิดเป็นร้อยละ 59 ของปริมาณน้ำทั้งหมดที่ใช้ที่ใช้ในกระบวนการผลิตน้ำประปา ลดลงจากร้อยละ 60 ในปี 2563  และทำให้บริษัทฯ สามารถประหยัดค่าใช้จ่ายในการจัดหาน้ำดิบลง 76.5 ล้านบาทต่อปี

ผลจากการดำเนินงานดังกล่าวทำให้บริษัทฯ มีน้ำดิบสำรองใช้เพิ่มขึ้นได้อีก 5 เดือน ลดความเสี่ยงในการขาดแคลนน้ำ และยังสามารถช่วยสนับสนุนชุมชนท้องถิ่นหากเกิดวิกฤตภัยแล้งได้อีกทางหนึ่ง นอกจากนี้ การขยายกำลังการผลิตระบบ Reclamation ยังช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ลูกค้าและชุมชมรอบนิคมอุตสาหกรรมในด้านความมั่นคงของแหล่งน้ำและการบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืนภายในนิคมอุตสาหกรรม ลดการสร้างผลกระทบเชิงลบต่อแหล่งน้ำสาธารณะและลดโอกาสในการปนเปื้อนจากอุตสาหกรรมสู่สิ่งแวดล้อมอีกด้วย

การส่งเสริมการบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน

ศูนย์การเรียนรู้ด้านการบริหารจัดการน้ำ

น้ำเป็นวัตถุดิบสำคัญสำหรับทุกอุตสาหกรรมและชุมชน บริษัทฯ จึงส่งเสริมให้ผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่มตระหนักรู้ถึงการบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน ดังนั้น บริษัทฯ จึงได้จัดตั้งศูนย์เรียนรู้ด้านการบริหารจัดการน้ำภายในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ชลบุรี เปิดให้ชุมชนโดยรอบและบุคคลภายนอกเข้าเยี่ยมชม และศึกษารูปแบบการบริหารจัดการน้ำของนิคมอุตสาหกรรม เพื่อเผยแพร่องค์ความรู้จากการดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการบริหารจัดการน้ำภายในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ชลบุรี และปลูกฝังจิตสำนึกและความร่วมมือในการอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำให้แก่ผู้เยี่ยมชม เพื่อประโยชน์แก่หน่วยงานราชการ ชุมชน โรงเรียน และโรงงานอุตสาหกรรรมในนิคมอุตสาหกรรมทั้งสองของบริษัท 

นับตั้งแต่ที่เปิดดำเนินการศูนย์เรียนรู้ด้านการบริหารจัดการน้ำภายในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ชลบุรี มาตั้งแต่ปี 2552 ศูนย์แห่งนี้รองรับการเยี่ยมชมของคณะศึกษาดูงานด้านการบริหารจัดการน้ำมาแล้วทั้งสิ้น 336 คณะ รวมจำนวนผู้ที่เคยมาเยี่ยมชมศูนย์บริหารจัดการน้ำทั้งสิ้น 10,845 คน

บริษัทฯ มีเป้าหมายให้กลุ่มผู้มีส่วนได้เสียหลัก เช่น ลูกค้า ชุมชนท้องถิ่น มีความรู้ความเข้าใจในการบริหารจัดการน้ำของนิคมอุตสาหกรรมอมตะดียิ่งขึ้น  นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังเปิดโอกาสให้กลุ่มบุคคลทั่วไป องค์กรและหน่วยงานต่างๆ ที่มีความสนใจ เข้าเยี่ยมชมศูนย์เรียนรู้ด้านการบริหารจัดการน้ำภายในนิคมอุตสาหกรรมได้ โดยแจ้งความประสงค์มายังบริษัท อมตะ วอเตอร์ จำกัด หรือผ่านทางบริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) 

ในปี 2564 เนื่องด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 จึงมีผู้เยี่ยมชมศูนย์เรียนรู้ด้านการบริหารจัดการน้ำในนิคมอุตสาหกรรมอมตะ ซิตี้ ชลบุรี ทั้งสิ้น 80 คน แบ่งออกเป็น ผู้ประกอบการในนิคมอุตสาหกรรมจำนวน 1 คณะ ผู้สนใจทั่วไปจำนวน 7 คณะ รวมทั้งสิ้น 8 คณะ

ร่วมสร้างอนาคตไปกับอมตะ

AMATA

Contact us for more details.

Thailand
+66 38 939 007
Vietnam

+84 251 3991 007 (South)
+84 203 3567 007 (North)

Myanmar
+95 1 230 5627
Laos

+85 620 5758 0007

© AMATA CORPORATION PCL. All rights reserved.  Web by Toneyes  Web by Toneyes