การสร้างความยั่งยืนในห่วงโซ่อุปทาน

ความเสี่ยง

บริษัทฯ มีการจัดซื้อสินค้าและจัดจ้างบริการจากคู่ค้าและผู้รับเหมาในกิจกรรมหลักของการดำเนินธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม และงานที่สนับสนุนการบริหารจัดการนิคมอุตสาหกรรม ดังนั้น คุณภาพสินค้าและการทำงานของคู่ค้าและผู้รับเหมาจึงส่งผลกระทบโดยตรงทั้งเชิงบวกและเชิงลบต่อบริษัทฯ และผู้มีส่วนได้เสียของบริษัทฯ การดำเนินงานของคู่ค้าและผู้รับเหมาที่ไม่ได้มาตรฐานหรือมีความเสี่ยงด้าน ESG สูง อาจเกิดการละเมิดกฎหมายและระเบียบข้อบังคับต่างๆ หรือส่งผลกระทบต่อสังคมโดยรวม เช่น การจัดการของเสีย และความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน รวมถึงบริษัทฯ อาจมีส่วนสนับสนุนการละเมิดสิทธิมนุษยชนของแรงงานของคู่ค้าและผู้รับเหมาได้หากไม่มีกระบวนการตรวจสอบที่ดี ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือของบริษัทฯ ได้ นอกเหนือจากคุณภาพของงานและระยะเวลาส่งมอบงานที่มีผลกระทบด้านเศรษฐกิจโดยตรงต่อบริษัทฯ

โอกาส

การบริหารจัดการคู่ค้าและผู้รับเหมาอย่างมีประสิทธิภาพ จะช่วยให้บริษัทฯ ลดความเสี่ยงและผลกระทบทางสังคมและสิ่งแวดล้อมในห่วงโซ่อุปทานจากการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ และผลกระทบต่อชุมชนโดยรอบนิคมอุตสาหกรรม ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว และช่วยเพิ่มคุณภาพและประสิทธิภาพในการทำงานของบริษัทฯ ที่ทำให้ลูกค้ามีความพึงพอใจในผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ มากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ การคัดกรองและพัฒนาคู่ค้าและผู้รับเหมาจะช่วยยกระดับคุณภาพมาตรฐานของคู่ค้าและผู้รับเหมาให้สนับสนุนการขยายธุรกิจของบริษัทฯ และเติบโตร่วมกันต่อไปในระยะยาว

แนวทางการบริหารจัดการ

บริษัทฯ ได้กำหนด "นโยบายการจัดซื้อจัดจ้างอย่างยั่งยืน" เพื่อยกระดับการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานให้มีความรับผิดชอบ โปร่งใส และสอดคล้องกับหลักการพัฒนาอย่างยั่งยืน นโยบายนี้มุ่งเน้นการจัดหาและจัดซื้อจัดจ้างวัตถุดิบ วัสดุอุปกรณ์ และบริการที่คำนึงถึงผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม สังคม และหลักธรรมาภิบาล (ESG) ควบคู่ไปกับประสิทธิภาพทางเศรษฐกิจ บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการคัดเลือกและการพัฒนาคู่ค้าและผู้รับเหมาเพื่อให้มีการปฏิบัติต่อแรงงานตามมาตรฐานและเป็นธรรม การใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ และการลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ ยังมุ่งเสริมสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจตลอดห่วงโซ่อุปทาน เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่น ลดความเสี่ยง และสร้างคุณค่าร่วมที่ส่งผลดีต่อสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อมในระยะยาว

บริษัทฯ ได้มอบหมายให้คณะทำงานการจัดซื้อจัดจ้างของกลุ่มบริษัทอมตะ (AMATA Procurement Working Committee) นำโดย ประธานเจ้าหน้าที่การเงินเป็นประธาน คณะทำงานประกอบด้วยผู้บริหารระดับสูงของบริษัทฯ และบริษัทย่อย รับผิดชอบในการพัฒนาแนวทางปฏิบัติการจัดซื้อจัดจ้างที่สอดคล้องกับมาตรฐานสากลและมาตรฐานจริยธรรม เพื่อกำหนดเป็นมาตรฐานการจัดซื้อจัดจ้างของกลุ่มอมตะ ตลอดจนดำเนินการจัดทำและเผยแพร่ “จรรยาบรรณธุรกิจสำหรับคู่ค้า (Supplier Code of Conduct) บนเว็บไซต์ของบริษัทฯ และแจ้งคู่ค้าแต่ละรายโดยตรง เพื่อสื่อสารเจตนารมณ์ของบริษัทฯ ที่จะทำธุรกิจอย่างมีจริยธรรม มีความรับผิดชอบ และคำนึงถึงผลกระทบด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม โดยมีเนื้อหาครอบคลุมประเด็นดังนี้

จริยธรรมทางธุรกิจ

ปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบข้อบังคับ, ดำเนินธุรกิจบนพื้นฐานความถูกต้องและความซื่อสัตย์, ต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่น, เปิดเผยข้อมูลอย่างโปร่งใสตรวจสอบได้

หลักสิทธิมนุษยชน

การจ้างงานที่ถูกต้องและปฏิบัติตามกฎหมาย, การปฏิบัติอย่างเท่าเทียมและไม่มีการใช้แรงงานเด็กหรือแรงงานบังคับทุกรูปแบบ

ความปลอดภัยและอาชีวอนามัย

ปฏิบัติตามกฎหมายด้านสุขอนามัยและความปลอดภัย, จัดหาอุปกรณ์คุ้มครองความปลอดภัยให้เหมาะสมกับลักษณะงาน, บันทึกสถิติการเจ็บป่วยในงานและความรุนแรงรวมไปถึงมีการสื่อสารให้เข้าใจและปฏิบัติตาม

ความรับผิดชอบต่อสังคม

มีช่องทางการรับข้อร้องเรียนจากผู้มีส่วนได้เสียและคำนึงถึงผลกระทบที่เกิดจากกระบวนการทำงาน

ความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม

ปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบข้องบังคับเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม, มีมาตรการป้องกันและลดผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากการทำงาน, ส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่

บริษัทฯ กำหนดให้คู่ค้าและผู้รับเหมาทุกรายที่อยู่ในกลุ่มคู่ค้าสำคัญที่ทำธุรกิจโดยตรงกับบริษัทฯ (critical tier-1 suppliers) และคู่ค้าใหม่ทุกราย ต้องรับทราบถึงจรรยาบรรณธุรกิจสำหรับคู่ค้า และคู่มือการจัดซื้อจัดจ้าง (Procurement Manual) กลุ่มบริษัทอมตะ ตามแนวทางการบริหารจัดการความยั่งยืนในห่วงโซ่อุปทาน เพื่อส่งเสริมให้คู่ค้าตระหนักถึงความสำคัญและเป็นแนวปฏิบัติให้แก่คู่ค้าในการดำเนินธุรกิจให้สอดคล้องกับแนวปฏิบัติของบริษัทฯ ที่ให้ความสำคัญกับความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ตลอดจนการดำเนินธุรกิจที่ซื่อสัตย์ ยุติธรรม และโปร่งใส โดยในปี 2567 บริษัทฯ ได้แจ้งคู่ค้าสำคัญและคู่ค้าใหม่ทั้งหมดรวม 140 ราย ซึ่งทุกรายได้ส่งแบบตอบรับรับทราบจรรยาบรรณธุรกิจสำหรับคู่ค้าของอมตะ (ร้อยละ 100)

บริษัทฯ กำหนดแนวทางดำเนินงานในการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานที่ยั่งยืน ดังนี้

บริษัทฯ ได้ดำเนินการตามแนวทางที่กำหนดโดยมีหลักเกณฑ์และกระบวนการที่ชัดเจนในการจัดกลุ่มคู่ค้าสำคัญ (critical suppliers) การประเมินความเสี่ยงด้านความยั่งยืนของคู่ค้าและผู้รับเหมา และกำหนดแนวทางบริหารจัดการและกลยุทธ์ที่เหมาะสมกับคู่ค้าและผู้รับเหมาแต่ละกลุ่ม และจัดให้มีการพัฒนายกระดับศักยภาพของคู่ค้าและผู้รับเหมา เพื่อลดความเสี่ยงด้านความยั่งยืนและผลกระทบจากการดำเนินธุรกิจทั้งในระยะสั้นและระยะยาว โดยมีผลการดำเนินงานในปี 2567 ดังนี้

1. การจัดกลุ่มคู่ค้าสำคัญ

บริษัทฯ พิจารณาระบุคู่ค้าสำคัญ (critical supplier) จากกลุ่มคู่ค้า 2 กลุ่ม ได้แก่ คู่ค้าที่ทำธุรกิจโดยตรงกับบริษัทฯ (tier-1 suppliers)  และคู่ค้าที่ไม่ได้ทำธุรกิจกับบริษัทฯ โดยตรง (non-tier 1 suppliers) และทำการวิเคราะห์เพื่อระบุคู่ค้าสำคัญโดยใช้ปัจจัยดังต่อไปนี้เป็นเกณฑ์ในการพิจารณาทั้งสองกลุ่ม

  • เป็นคู่ค้าและผู้รับเหมาที่มีมูลค่าซื้ออยู่ใน 80% แรกของมูลค่าการจัดซื้อจัดจ้างทั้งหมด หรือ
  • เป็นผู้ขายวัตถุดิบหรือให้บริการที่เป็นองค์ประกอบสำคัญของธุรกิจ หรือ
  • เป็นผู้ขายน้อยราย หรือไม่สามารถหาทดแทนได้

 

ในปี  2567 บริษัทฯ มีคู่ค้าและผู้รับเหมาที่อยู่ในห่วงโซ่อุปทาน (tier-1 supplier) ทั้งหมด 732 ราย  ที่มีการทำธุรกิจกับบริษัทฯ อย่างต่อเนื่อง จากการวิเคราะห์พบว่ามีคู่ค้าและผู้รับเหมาที่อยู่ในกลุ่มคู่ค้าสำคัญของบริษัทฯ โดยตรง (critical tier-1 suppliers) จำนวน 51 ราย ซึ่งมีมูลค่าการจัดซื้อจัดจ้างคิดเป็นร้อยละ 82 ของมูลค่าการจัดซื้อจัดจ้างทั้งหมด จำแนกเป็นคู่ค้าสำคัญในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และให้เช่าจำนวน 18 ราย คู่ค้าสำคัญในธุรกิจสาธารณูปโภคและการบริการจำนวน 11 ราย และคู่ค้าสำคัญในธุรกิจสินค้าและบริการ 22 ราย คิดเป็นมูลค่าการซื้อขายจำแนกตามกลุ่มธุรกิจหลักที่ร้อยละ 40 40 และ 20 ตามลำดับ ส่วนคู่ค้าสำคัญที่ไม่ได้ทำธุรกิจกับบริษัทฯ โดยตรง (critical non-tier 1 supplier)  มีจำนวน 18 ราย

2.การประเมินความเสี่ยงในห่วงโซ่อุปทาน

บริษัทฯ มีกระบวนการประเมินความเสี่ยงด้านความยั่งยืนของคู่ค้าโดยให้ความสำคัญกับกลุ่มคู่ค้าสำคัญที่ทำธุรกิจโดยตรงกับบริษัทฯ เป็นลำดับแรก โดยใช้แบบประเมินความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อม สังคม เศรษฐกิจ (ESG Risk Evaluation Form) และคู่ค้าใหม่ทั้งหมดใช้แบบประเมินตนเอง (Self-Assessment Questionnaire: SAQ) ที่ครอบคลุมประเด็นด้านเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล และจัดกลุ่มคู่ค้าแยกตามระดับความเสี่ยง 4 ระดับ โดยมีรายละเอียดและความถี่ในการตรวจประเมินตามระดับความเสี่ยงของคู่ค้า นอกจากนี้ บริษัทฯ มีการประเมินคุณภาพคู่ค้าประจำปีโดยฝ่ายจัดซื้อและหน่วยงานที่เป็นผู้ใช้สินค้าหรือบริการ แต่มีความถี่แตกต่างกันตามระดับความเสี่ยงของคู่ค้า สำหรับคู่ค้าที่มีความเสี่ยงระดับสูงและสูงมาก คู่ค้าต้องจัดทำแผนมาตรการป้องกันแก้ไข โดยบริษัทฯ จะช่วยให้คำแนะนำในการจัดทำแผนการปรับปรุงและพัฒนาข้อบกพร่องต่าง ๆ และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับคู่ค้า

บริษัทฯ กำหนดเป้าหมายให้คู่ค้าสำคัญของบริษัทฯ โดยตรง และคู่ค้าใหม่ทั้งหมดได้รับการประเมินความเสี่ยงทั้งด้านเศรษฐกิจและด้านความยั่งยืนในการดำเนินงานซึ่งประกอบด้วยประเด็นความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อม สังคมและบรรษัทภิบาล ในปี 2567 บริษัทฯ ได้ทำการประเมินความเสี่ยงคู่ค้าและผู้รับเหมาในกลุ่มคู่ค้าสำคัญที่ทำธุรกิจโดยตรงกับบริษัทฯ ทั้งหมด 51 ราย (ร้อยละ 100) และคู่ค้าใหม่ทั้งหมด 89 ราย (ร้อยละ 100) เป็นไปตามเป้าหมาย

จากผลประเมินความเสี่ยงคู่ค้าพบว่า มีคู่ค้าสำคัญของบริษัทฯ โดยตรงที่มีความเสี่ยงด้านสังคม และสิ่งแวดล้อมในระดับสูง จำนวน 1 ราย คิดเป็นร้อยละ 1.96 ของคู่ค้าสำคัญทั้งหมด เนื่องจากไม่มีนโยบายและกระบวนการจัดการผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและนโยบายด้านความปลอดภัยเกี่ยวกับสภาพการทำงานและการจัดเตรียมอุปกรณ์ป้องกันสำหรับลูกจ้างเป็นลายลักษณ์อักษร บริษัทฯ จึงได้ทำการตรวจประเมิน ณ สถานประกอบการทันทีและกำหนดให้คู่ค้าจัดทำเอกสารนโยบายและข้อกำหนดเพิ่มเติม รวมถึงให้ประกาศใช้ในองค์กรของคู่ค้าเพื่อให้พนักงานรับทราบและปฏิบัติตามนโยบาย ซึ่งหน่วยงานจัดซื้อและหน่วยงานของบริษัทฯ ที่ใช้บริการของคู่ค้ารายนี้ได้ติดตามเอกสารและลงสำรวจพื้นที่อีกครั้งพบว่ามีการปรับปรุงแก้ไขตามที่บริษัทฯ กำหนดเรียบร้อยแล้ว และบริษัทฯจะดำเนินการตรวจติดตาม ณ สถานประกอบการอีกครั้งในปี 2568 ส่วนความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจและบรรษัทภิบาล ไม่มีคู่ค้ารายใดมีความเสี่ยงอยู่ในระดับสูงหรือสูงมาก

 

3. การตรวจประเมินคู่ค้า

บริษัทฯ กำหนดให้คู่ค้าสำคัญทุกรายที่ผ่านการประเมินความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจและด้านความยั่งยืนด้วยวิธีประเมินตนเอง (Self-Assessment Questionnaire: SAQ) แล้ว จะได้รับการตรวจประเมินในสถานประกอบการครอบคลุมประเด็นด้านเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (on-site ESG audit) ต่อไป โดยมีรายละเอียดและความถี่ในการตรวจประเมินตามระดับความเสี่ยงของคู่ค้า ในกรณีที่คู่ค้าสำคัญมีระดับความเสี่ยงสูงและสูงมาก จะต้องถูกตรวจประเมิน ณ สถานประกอบการทันที คู่ค้าสำคัญที่มีความเสี่ยงระดับปานกลางจะได้รับการตรวจประเมินปีละ 1 ครั้ง และคู่ค้าสำคัญที่มีความเสี่ยงต่ำจะได้รับการตรวจประเมินทุก 2 ปี ตามข้อกำหนดและรายการที่บริษัทฯ กำหนดไว้และมาตรฐานระบบการจัดการสิ่งแวดล้อม (ISO 14001) ซึ่งแนวทางในการตรวจประเมินคู่ค้า กระทำโดยการตรวจเอกสารที่เกี่ยวข้องจากคู่ค้าและการลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบโดยคณะทำงานการจัดซื้อจัดจ้างของกลุ่มบริษัทอมตะ

ในปี 2567 บริษัทฯ มีคู่ค้าสำคัญที่ต้องถูกตรวจประเมิน ณ สถานประกอบการตามเกณฑ์ที่กำหนดจำนวนรวม 21 ราย ซึ่งบริษัทฯ สามารถดำเนินการตรวจประเมินได้ครบทั้ง 21 ราย (ร้อยละ 100)

นอกจากนี้บริษัทฯ กำหนดให้คู่ค้าและผู้รับเหมาที่ดำเนินธุรกิจกับบริษัทฯ ทุกรายได้รับการประเมินผลงานประจำปีและประเมินความสัมพันธ์ของผู้ขายสินค้า/บริการรายนั้น ๆ กับบริษัทฯ หลังจากการดำเนินการเสร็จสิ้น เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาในการจัดซื้อจัดจ้างครั้งต่อไปด้วย

บริษัทฯ มีมาตรการบริหารจัดการความเสี่ยงสำหรับคู่ค้าแต่ละราย และจัดให้มีการพัฒนาคู่ค้าเพื่อลดโอกาสในการเกิดความเสี่ยงและลดผลกระทบจากความเสี่ยงดังกล่าวให้กับคู่ค้าและผู้รับเหมา ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังไม่มีการยุติการดำเนินธุรกิจกับคู่ค้าและผู้รับเหมาที่ได้รับการประเมินแต่อย่างใด (ร้อยละ 0)

4. การขึ้นทะเบียนคู่ค้าใหม่

บริษัทฯ กำหนดแนวทางในการพิจารณาคัดเลือกคู่ค้าใหม่ประกอบด้วยกระบวนการตรวจสอบคุณสมบัติเบื้องต้นและผลงานที่ผ่านมาของคู่ค้าและผู้รับเหมาก่อนการจัดซื้อจัดจ้าง ว่ามีคุณสมบัติตามมาตรฐานที่ได้กำหนดไว้หรือไม่ และกำหนดให้คู่ค้าใหม่ทุกรายต้องผ่านการประเมินความเสี่ยงด้านความยั่งยืนครอบคลุมด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และบรรษัทภิบาล โดยใช้แบบฟอร์มประเมินตนเองของคู่ค้า (Self-Assessment Questionnaire : SAQ) ก่อนขึ้นทะเบียนคู่ค้าใหม่ หากผลคะแนนผ่านเกณฑ์และไม่พบประเด็นความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และบรรษัทภิบาล จะให้คู่ค้าใหม่ลงนามรับทราบจรรยาบรรณธุรกิจ (Supplier Code of Conduct) แล้วบันทึกชื่อคู่ค้าลงในทะเบียนคู่ค้าใหม่ แต่หากคะแนนไม่ผ่านเกณฑ์ประเมินหรือมีความเสี่ยง คู่ค้าต้องจัดทำมาตรการป้องกันหรือแก้ไขและแผนการตรวจติดตามที่ชัดเจนมาเสนอ จนคะแนนอยู่ในระดับที่ยอมรับได้จึงจะได้รับการขึ้นทะเบียนคู่ค้าใหม่

ปี 2567 บริษัทฯ มีคู่ค้าใหม่จำนวน 89 รายโดยผ่านระบบการคัดเลือกตามกระบวนการที่กำหนดไว้คิดเป็นร้อยละ 100 ของคู่ค้ารายใหม่

5. การมีส่วนร่วมในการช่วยเหลือคู่ค้าและการพัฒนาคู่ค้า

บริษัทฯ ให้ความสำคัญต่อการดำเนินธุรกิจอย่างเป็นธรรมกับคู่ค้า เพื่อส่งเสริมสภาพคล่องด้านการจัดการเงินสดและการบริหารเงินทุนทั้งของคู่ค้าและของบริษัทฯ ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้พิจารณาถึงข้อปฏิบัติให้เป็นไปตามข้อตกลงและข้อผูกพันที่มีต่อคู่ค้าด้วยความเสมอภาค บริษัทฯ มีนโยบายหรือมาตรการในการตรวจสอบคัดกรองคู่ค้าของกลุ่มบริษัทฯ เช่น ผู้ผลิต ผู้รับจ้าง ผู้รับเหมาต่าง ๆ ด้วยแนวทางหรือมาตรฐานเดียวกันอย่างมีประสิทธิภาพ และตระหนักถึงความรับผิดชอบต่อสังคม โดยบริษัทฯ มีระเบียบปฏิบัติในการจัดซื้อจัดจ้าง และมีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการจัดซื้อจัดจ้าง เพื่อให้การคัดเลือกคู่ค้ามีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ และประกาศให้ถือปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด

การจ่ายเงินให้คู่ค้า บริษัทฯ ได้กำหนดระยะเวลาการให้สินเชื่อการค้าโดยยึดหลักความเป็นธรรมและความเหมาะสม เพื่อสร้างโอกาสและความร่วมมือทางธุรกิจ ซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่งที่สำคัญต่อการดำเนินธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน โดยบริษัทฯ กำหนดนโยบายระยะเวลาสินเชื่อทางการค้า (Credit Term Policy) สำหรับระยะเวลาการจ่ายเงินให้เจ้าหนี้การค้าภายในระยะเวลา 30-60 วัน โดยบริษัทฯ ใช้วิธีการจ่ายเงินผ่านช่องทางธนาคารแห่งหนึ่ง ซึ่งจะทำให้คู่ค้ามีความเชื่อมั่นและสามารถรับเงินได้ตามกรอบเวลาของนโยบายที่บริษัทกำหนดได้  แต่อย่างไรก็ตามระยะเวลาการจ่ายเงินอาจไม่เป็นไปตามนโยบาย เนื่องจากข้อจำกัดของแต่ละธุรกิจและปัจจัยต่าง ๆ ที่ต้องพิจารณาเพิ่มเติม เช่น ประเภทธุรกิจของสินค้าและการให้บริการ ระยะเวลาตามสัญญากับคู่ค้า คุณภาพมาตรฐานของสินค้าและการให้บริการ เป็นต้น ข้อมูลระยะเวลาการจ่ายเงินให้เจ้าหนี้การค้าเฉลี่ย (Average Account Payables Days) ของบริษัทฯ ในส่วนของสินค้าและการให้บริการมีรายละเอียดดังนี้

นอกจากนี้ บริษัทฯ ให้ความสำคัญในการพัฒนาคู่ค้าและผู้รับเหมาในห่วงโซ่อุปทาน โดยเฉพาะคู่ค้าสำคัญในธุรกิจสาธารณูปโภคและการบริการ เพื่อลดความเสี่ยงและผลกระทบด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม ตลอดจนความเสี่ยงในการละเมิดกฎหมายข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง อีกทั้งสนับสนุนการพัฒนาประสิทธิภาพการทำงานของคู่ค้าและผู้รับเหมาให้ดียิ่งขึ้นและเป็นไปตามมาตรฐานของบริษัทฯ เช่น สนับสนุนให้คู่ค้าและผู้รับเหมาที่ส่งมอบผลิตภัณฑ์และบริการหลักให้แก่บริษัทฯ มีการพัฒนาในกระบวนการดำเนินธุรกิจและได้รับการรับรองระบบการบริหารจัดการที่สอดคล้องตามมาตรฐานสากล เช่น ISO 9001 ISO 14001 ISO 17025 และ OSHA 18000 เป็นต้น

  

การพัฒนาคู่ค้าด้านการปฏิบัติตามกฎระเบียบและมาตรฐานที่เกี่ยวข้อง

  • วันที่ 27 มีนาคม 2567 บริษัท อมตะ ฟาซิลิตี้ เซอร์วิส จำกัด ได้จัดประชุมผู้มีส่วนได้เสียประจำปี 2567 ขึ้น ณ ห้องประชุมราชพฤกษ์ และผ่านช่องทางออนไลน์ โดยมุ่งเน้นที่คู่ค้าและผู้รับเหมาของบริษัทฯ เป็นหลัก เพื่อรับทราบนโยบายการทำงานและควบคุมงานตามระบบมาตรฐานต่าง ๆ กฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง ระบบการจัดซื้อจัดจ้าง และการแสดงความคิดเห็นร่วมกันในการยกระดับและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้มากยิ่งขึ้นและสอดคล้องกับหลักการความยั่งยืนในระดับสากล ทั้งนี้ บริษัทฯ จะทำการตรวจประเมินคู่ค้า และประเมินผลการทำงานของผู้รับเหมา ประจำปี เพื่อวัดผลสำเร็จในการดำเนินงานร่วมด้วย

การพัฒนาคู่ค้าด้านความปลอดภัย

  • วันที่ 14 มีนาคม 2567 บริษัท อมตะ ฟาซิลิตี้ เซอร์วิส จำกัด ได้จัดอบรมหลักสูตรคัดแยกขยะอย่างไรให้ปลอดภัยแก่พนักงานของบริษัทผู้รับเหมาด้านการจัดการขยะ เพื่อเพิ่มทักษะและยกระดับความปลอดภัยในการปฏิบัติงานของพนักงานของบริษัทผู้รับเหมา
  • วันที่ 25 พฤษภาคม 2567 บริษัท อมตะ ฟาซิลิตี้ เซอร์วิส จำกัด จัดฝึกซ้อมเก็บกู้การหกรั่วไหลของขยะมูลฝอย  ให้แก่พนักงานเคลื่อนย้ายและคัดแยกขยะประจำโรงคัดแยกขยะของบริษัทผู้รับเหมา เพื่อเพิ่มความรู้และทักษะด้านการจัดการขยะและสิ่งแวดล้อม และยกระดับความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานของพนักงานของบริษัทผู้รับเหมา 
  • วันที่ 21 และ 28 มิถุนายน 2567 บริษัท อมตะ ฟาซิลิตี้ เซอร์วิส จำกัด ได้จัดอบรมหลักสูตรการป้องกันอุบัติเหตุและโรคจากการทำงาน และกฎระเบียบข้อบังคับในการทำงาน ให้แก่พนักงานของบริษัทผู้รับเหมาด้านการจัดการขยะ เพื่อเตรียมความพร้อมให้พนักงานในโรงคัดแยกขยะมีความรู้ความเข้าใจในการปฏิบัติงานให้ถูกต้องตามกฎระเบียบ ทำงานด้วยความปลอดภัย และมีสุขภาวะที่ดีในการทำงาน
  • วันที่ 2 พฤศจิกายน 2567 บริษัท อมตะ ฟาซิลิตี้ เซอร์วิส จำกัด ได้จัดอบรมหลักสูตรดับเพลิงขั้นต้นและอพยพหนีไฟ ให้กับพนักงานของผู้รับเหมาที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ของบริษัทฯ เพื่อเตรียมความพร้อมให้พนักงานในโรงคัดแยกขยะมีทักษะในการป้องกันและรับมือกับเหตุเพลิงไหม้ รวมทั้งเพื่อป้องกันเหตุที่จะเกิดขึ้น ซึ่งอาจนำไปสู่ความเสียหายทั้งชีวิตและทรัพย์สิน

จากการทบทวนและสร้างความตระหนักรู้ด้านความปลอดภัยให้พนักงานของบริษัทผู้รับเหมาด้านการจัดการขยะอย่างต่อเนื่อง  ส่งผลให้การดำเนินงานในปี 2567 ไม่มีพนักงานของบริษัทผู้รับเหมาเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงถึงขั้นบาดเจ็บต้องหยุดงานหรือเสียชีวิตอีกทั้งยังทำให้สภาพแวดล้อมของนิคมอุตสาหกรรมมีความสะอาด เป็นระเบียบเรียบร้อย และลดโอกาสในการปนเปื้อนขยะและของเสียสู่สิ่งแวดล้อม

การพัฒนาคู่ค้าด้านความรู้ความสามารถและประสิทธิภาพในการทำงาน

  • วันที่ 29 สิงหาคม 2567 บริษัท อมตะ ซัมมิท เรดดี้ บิลท์ จำกัด ได้จัดการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการร่วมกับบริษัท โทคุระ ประเทศไทย จำกัด เพื่อร่วมกันศึกษาและพัฒนาการนำเทคโนโลยี Building Information Modeling (BIM) มาใช้งาน โดยระบบจะสร้างแบบจำลองเสมือนของอาคารได้อย่างแม่นยำ แบบจำลองเหล่านี้รองรับการออกแบบในแต่ละขั้นตอน ซึ่งช่วยในการวิเคราะห์และควบคุมการก่อสร้างได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • วันที่ 11 ธันวาคม 2567 บริษัท อมตะ ยู จำกัด ได้เชิญคู่ค้าเข้าร่วมอบรมความรู้ด้านการจัดการน้ำและขยะ ภายใต้โครงการ “พัฒนาชุมชนด้านการจัดการน้ำและขยะอย่างยั่งยืน” จัดขึ้น ณ อาคารอมตะ เซอร์วิส เซ็นเตอร์
  • ในปี 2567 บริษัท อมตะ ยู จำกัด ได้ทำการติดตามและผลักดันคู่ค้าอย่างต่อเนื่อง โดยการมอบนโยบายประจำปี ผ่านการประชุมร่วมคู่ค้า ในเรื่องการประหยัดพลังงานและการใช้ทรัพยากร โดยผู้รับจ้างต้องส่ง “แผนการใช้พลังงานและทรัพยากรให้คุ้มค่า” ให้ บริษัท อมตะ ยู จำกัด ประจำทุกปี ซึ่งแผนงานดังกล่าวจะถูกนำมาวิเคราะห์ และทำการตรวจสอบการปฏิบัติงานจริง รวมถึงตั้งเป้าหมายในการพัฒนาต่อยอดมาตรการการประหยัดพลังงานต่อไป

ร่วมสร้างอนาคต
ไปกับอมตะ

ร่วมสร้างอนาคต
ไปกับอมตะ

ติดต่อเราเพิ่มเติม

ประเทศไทย
+66 38 939 007
เวียดนาม

+84 251 3991 007 (ใต้)
+84 203 3567 007 (เหนือ)

พม่า

+95 1 230 5627

ลาว

(+856) 21 810007
(+856) 20 5710007 (ภาษาจีน)
(+856) 20 57550007 (ภาษาอังกฤษ)