ความเสี่ยง
การบริหารความเสี่ยงที่ไม่มีประสิทธิภาพอาจส่งผลกระทบโดยตรงต่อบริษัทฯ ทั้งด้านการเงิน ชื่อเสียง และความเชื่อมั่น ตลอดจนความสามารถในการดำเนินธุรกิจในระยะยาว นอกจากนี้ ยังก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงสุขภาพและความปลอดภัยของผู้มีส่วนได้เสีย ซึ่งส่งผลต่อความไว้วางใจในบริษัทฯ และนำไปสู่การต่อต้านหรืออุปสรรคในการขยายธุรกิจในอนาคต
โอกาส
การบริหารความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้บริษัทฯ เติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน โดยเสริมสร้างความสามารถในการมองเห็นและตอบสนอง (Sense and Response) ต่อความเสี่ยงและโอกาสต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว ท่ามกลางความไม่แน่นอนและการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมในปัจจุบัน นอกจากนี้ ยังช่วยให้บริษัทฯ สามารถมองเห็นโอกาสทางธุรกิจที่อาจเกิดขึ้นจากการบริหารความเสี่ยงได้อีกด้วย
การบริหารจัดการความเสี่ยงของบริษัทฯ อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของคณะกรรมการบริษัท โดยมีคณะกรรมการบริหารความเสี่ยง (Risk Management Committee) ทำหน้าที่กำหนดนโยบาย และแนวทางการบริหารจัดการความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพ และกำกับดูแลการทำงานของคณะทำงานบริหารความเสี่ยงองค์กร ให้เหมาะสมกับการดำเนินธุรกิจในสถานการณ์ปัจจุบัน คณะกรรมการบริหารความเสี่ยง ประกอบด้วยกรรมการอิสระจำนวน 2 คน กรรมการที่เป็นผู้บริหารจำนวน 2 คน และผู้บริหารระดับสูง จำนวน 4 คน รวมทั้งหมด 8 คน โดยมีกรรมการอิสระเป็นประธานและรองประธานคณะกรรมการบริหารความเสี่ยง (รายละเอียดข้อมูลเกี่ยวกับคณะกรรมการบริหารความเสี่ยงปรากฏในแบบแสดงข้อมูลประจำปี / รายงานประจำปี (แบบ 56-1 One Report) หัวข้อ “โครงสร้างการกำกับดูแลกิจการ และการบริหารจัดการความเสี่ยง”)
และเพื่อให้บริษัทฯ สามารถดำเนินงานด้านการบริหารจัดการความเสี่ยงได้ครอบคลุมทั้งองค์กรอย่างมีประสิทธิภาพ ตอบสนองต่อนโยบายหลักของบริษัทฯ ด้านการบริหารจัดการความเสี่ยงและภาวะวิกฤต คณะกรรมการบริหารความเสี่ยงจึงได้แต่งตั้งคณะทำงานบริหารความเสี่ยงองค์กร (Enterprise Risk Management Working Committee) ซึ่งประกอบด้วยผู้บริหารและตัวแทนจากฝ่ายต่าง ๆ และกรรมการผู้จัดการบริษัทย่อย จำนวนรวม 24 คน โดยมีประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน เป็นประธาน คณะทำงานบริหารความเสี่ยงองค์กรมีหน้าที่ความรับผิดชอบ ดังนี้
บริษัทฯ กำหนดให้การบริหารจัดการความเสี่ยงเป็นความรับผิดชอบของพนักงานในทุกระดับ ที่ต้องตระหนักถึงความเสี่ยงที่มีในห่วงโซ่ธุรกิจขององค์กร และในขั้นตอนการปฏิบัติงานในหน่วยงานของตน โดยมีการบริหารจัดการความเสี่ยงด้วยวิธีการที่เหมาะสมและเพียงพอ ดังนั้น ทุกฝ่ายภายในบริษัทฯ และบริษัทย่อยจึงได้กำหนดให้มีผู้แทนที่ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ประสานงานความเสี่ยงในระดับปฏิบัติการ ทำงานร่วมกับคณะทำงานบริหารความเสี่ยงองค์กรในการระบุความเสี่ยงและจัดทำแผนบริหารความเสี่ยงและติดตามผล โดยมีฝ่ายกลยุทธ์และการบริหารความเสี่ยงองค์กรเป็นผู้สนับสนุนและช่วยเหลือ ตลอดจนส่งเสริมให้พนักงานในแต่ละฝ่ายและบริษัทย่อยตระหนักถึงความสำคัญของการบริหารจัดการความเสี่ยงและมีส่วนร่วมในการจัดการความเสี่ยงในส่วนงานรับผิดชอบของตนเอง
แนวทางการบริหารจัดการความเสี่ยง
บริษัทฯ กำหนดให้มีกระบวนการบริหารจัดการความเสี่ยงองค์กรที่เป็นไปตามมาตรฐานที่ดีตามแนวปฏิบัติสากล เพื่อให้เกิดการบริหารจัดการความเสี่ยงที่อาจส่งผลกระทบกับการดำเนินงานของกลุ่มอมตะได้อย่างมีประสิทธิภาพ เกิดการพัฒนาและปฏิบัติงานด้านการบริหารจัดการความเสี่ยงทั่วทั้งองค์กรไปในทิศทางเดียวกัน โดยนำระบบการบริหารจัดการความเสี่ยงมาเป็นส่วนหนึ่งในการตัดสินใจ การวางแผนกลยุทธ์ แผนงาน และการดำเนินงานของบริษัทฯ เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์และเป้าหมายตามกลยุทธ์ที่กำหนดไว้
บริษัทฯ ได้กำหนด "นโยบายบริหารความเสี่ยง" โดยได้นำกรอบการบริหารความเสี่ยงของ The Committee of Sponsoring Organizations of the Treadway Commission (COSO) ทั้ง version COSO ERM 2017 (Enterprise Risk Management - Integrating with Strategy and Performance) และ COSO ESG 2018 (Enterprise Risk Management – Applying enterprise risk management to environmental, social, and governance-related risks) มาใช้เป็นแนวทางในการบริหารความเสี่ยงขององค์กร โดยปรับให้เหมาะสมกับการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ เพื่อให้มีการบริหารความเสี่ยงในทุกระดับและเชื่อมโยงทั่วทั้งองค์กร ซึ่งนอกเหนือจากความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจโดยตรงแล้ว บริษัทฯ ยังให้ความสำคัญกับความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการ (ESG-related Risks) ที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อการบรรลุวัตถุประสงค์และเป้าหมายของบริษัทฯ ในระยะยาวด้วย โดยมีนายสัทธา วนลาภพัฒนา รักษาการประธานเจ้าหน้าที่กลยุทธ์และผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหารเป็นผู้มีหน้าที่รับผิดชอบการดำเนินงานด้านการบริหารความเสี่ยงทั่วทั้งองค์กร
บริษัทฯ ทำการทบทวนและประเมินความเสี่ยงองค์กรเป็นประจำทุกปี โดยพิจารณาทบทวนประเด็นความเสี่ยงที่มีอยู่ในปัจจุบัน และระบุประเด็นความเสี่ยงที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต จากภาวะเศรษฐกิจ การแข่งขันของธุรกิจ การพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมต่าง ๆ นโยบายและกฎระเบียบของรัฐ การเปลี่ยนแปลงของสังคมและสิ่งแวดล้อม ที่อาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ บริษัทฯ ได้นำประเด็นต่าง ๆ มาวิเคราะห์และประเมินความเสี่ยง เพื่อจัดทำแผนบริหารจัดการความเสี่ยงที่เหมาะสม และกำหนดตัวชี้วัดความเสี่ยง (Key Risk Indicator: KRI) และค่าความเสี่ยงที่ยอมรับได้ (risk appetite) เพื่อติดตามผลการจัดการความเสี่ยงและประสิทธิภาพของมาตรการควบคุมความเสี่ยง ตลอดจนพิจารณาโอกาสทางธุรกิจจากปัจจัยความเสี่ยงต่าง ๆ เหล่านี้ และได้มอบหมายให้หน่วยงานเจ้าของความเสี่ยงระดับองค์กรจัดทำแผนการบริหารจัดการความเสี่ยงดังกล่าวพร้อมกับกำหนดตัวชี้วัดด้านความเสี่ยง
บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการจัดการความเสี่ยงเชิงบูรณาการร่วมกันระหว่างหน่วยงาน จึงสนับสนุนและส่งเสริมความร่วมมือในการจัดการความเสี่ยงเชิงรุก (collaborative proactive risk management) ในแต่ละความเสี่ยงองค์กร เพื่อนำไปสู่การพัฒนาแผนการจัดการลดผลกระทบความเสี่ยงที่ได้รับมุมมองอย่างรอบด้าน และคำนึงถึงผลกระทบของทุกภาคส่วน นอกจากนี้ บริษัทฯ จัดให้มีการสอบทานกระบวนการบริหารความเสี่ยงโดยสำนักงานตรวจสอบภายในจากภายนอก (outsourced internal auditor) เพื่อให้มั่นใจว่า บริษัทฯ มีการดำเนินการด้านบริหารความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพ เหมาะสม และเพียงพอ ตลอดจนให้ข้อเสนอแนะและเสนอความเห็นเกี่ยวกับผลการตรวจสอบภายในต่อฝ่ายบริหารและคณะกรรมการตรวจสอบเป็นประจำ โดยมีนางสาวเด่นดาว โกมลเมศ ประธานเจ้าหน้าที่การเงินและกรรมการบริหารความเสี่ยง เป็นผู้รับผิดชอบในการดำเนินงานของสำนักงานตรวจสอบภายใน
คณะทำงานบริหารความเสี่ยงองค์กรติดตามผลการตอบสนองต่อความเสี่ยงและติดตามสถานการณ์ที่เป็นสาเหตุของความเสี่ยง และรายงานผลสรุปในที่ประชุมคณะผู้บริหาร (Management Meeting) ซึ่งประกอบด้วยประธานกรรมการ ประธานเจ้าหน้าที่ทุกคน และกรรมการผู้จัดการบริษัทย่อย และรายงานให้คณะกรรมการบริษัททราบต่อไป
นอกจากนี้ บริษัทฯ ต้องการให้พนักงานมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการความเสี่ยงมากขึ้น เนื่องจากการบริหารจัดการความเสี่ยงเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินงานในทุกระดับ ดังนั้น บริษัทฯ จึงสร้างความตระหนักรู้และวัฒนธรรมองค์กรด้านการบริหารความเสี่ยงให้แก่พนักงานทุกระดับ โดยการให้ความรู้ผ่านกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การฝึกอบรม เป็นต้น
ในปี 2567 บริษัทฯ ได้ขยายการลงทุนธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ แต่สภาวการณ์โลกยังคงมีความผันผวน มีวิกฤตการณ์สำคัญเกิดขึ้นมากมายที่เชื่อมโยงและส่งผลกระทบต่อเนื่องกันเป็นห่วงโซ่ โดยเฉพาะจากสาเหตุการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศที่รุนแรงมากขึ้นและเหตุการณ์ความขัดแย้งที่เพิ่มสูงขึ้นในบางภูมิภาคของโลก สร้างผลกระทบทางภูมิรัฐศาสตร์และความผันผวนทางเศรษฐกิจในหลายด้าน เช่น อัตราเงินเฟ้อ ค่าครองชีพที่สูงขึ้นจากต้นทุนทางพลังงานที่ได้รับผลกระทบจากภาวะสงคราม เป็นต้น ตลอดจนทำให้การค้าการลงทุนระหว่างประเทศชะลอตัว
บริษัทฯ จึงให้ความสำคัญในการติดตามความเสี่ยงต่าง ๆ อย่างใกล้ชิด ทบทวนและประเมินความเสี่ยงอันเกิดจากปัจจัยและสภาวะแวดล้อมภายนอกเป็นประจำ รวมถึงจัดทำแผนบริหารจัดการความเสี่ยงองค์กรให้ครอบคลุมในทุกบริษัทของกลุ่มอมตะ โดยบูรณาการนำแนวทางการบริหารความเสี่ยงองค์กรด้านความยั่งยืน (ESG Risk) เป็นกรอบหนึ่งในการบ่งชี้ความเสี่ยงระดับองค์กร บริษัทฯ ได้ประเมินความเสี่ยงโดยพิจารณาถึงความสอดคล้องของแผนกลยุทธ์องค์กรในระยะกลางและระยะยาว ตลอดจนพลวัตของการเปลี่ยนแปลงในอนาคตของทั้งสภาพเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ที่ได้รับอิทธิพลจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลก รวมถึงการเปลี่ยนแปลงหรือการเกิดขึ้นใหม่ของนโยบาย กฎเกณฑ์ต่าง ๆ ที่จะส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจในอนาคต โดยนำมาวิเคราะห์ในการกำหนดแผนจัดการความเสี่ยงทั้งในระยะกลาง และระยะยาว ควบคู่ไปกับการทำแผนกลยุทธ์องค์กร เพื่อให้การดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ สามารถบรรลุเป้าหมายตามที่ตั้งไว้และลดความรุนแรงของผลกระทบที่อาจเกิดต่อองค์กรและผู้มีส่วนได้เสียได้
บริษัทฯ ได้ทบทวนประเด็นความเสี่ยงหลักขององค์กร โดยให้ความสำคัญความเสี่ยงของประเด็นด้านความยั่งยืนที่มีความสำคัญเชิงกลยุทธ์ต่อบริษัทฯ (strategic priorities) ทั้งด้านสิ่งแวดล้อม สังคม เศรษฐกิจและการกำกับดูแลกิจการที่ดี (ESG-related risk) และความเสี่ยงที่เกิดขึ้นใหม่ (emerging risk) มากขึ้น คณะทำงานบริหารความเสี่ยงองค์กรได้จำแนกความเสี่ยงเป็น 5 ประเภท ได้แก่ ความเสี่ยงด้านกลยุทธ์ (strategic risk) ความเสี่ยงด้านการปฏิบัติการ (operational risk) ความเสี่ยงด้านการปฏิบัติตามกฎระเบียบข้อบังคับ (compliance risk) ความเสี่ยงด้านการเงิน (financial risk) และความเสี่ยงที่เกิดขึ้นใหม่ (emerging risk) ซึ่งบริษัทฯ จัดทำแผนบริหารความเสี่ยงองค์กรครอบคลุมประเด็นสำคัญเชิงกลยุทธ์ทั้งหมด (ร้อยละ 100) และได้ทบทวนและปรับปรุงแผนบริหารความเสี่ยงองค์กรและตัวชี้วัดความเสี่ยง (key risk indicators: KRI) เป็นประจำทุกไตรมาส เพื่อติดตามและเฝ้าระวังการเกิดขึ้นของความเสี่ยงดังกล่าว
รายละเอียดเกี่ยวกับการบริหารความเสี่ยงดังกล่าวปรากฏในแบบแสดงข้อมูลประจำปี / รายงานประจำปี (แบบ 56-1 One Report) หัวข้อ “ความเสี่ยงต่อการดำเนินธุรกิจทั้งในปัจจุบันและความเสี่ยงที่เกิดขึ้นใหม่ (emerging risks)”
จากการประเมินความเสี่ยงของบริษัทฯ พบว่า มีความเสี่ยงที่เกิดขึ้นใหม่ที่สำคัญที่อาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ใน 3-5 ปีข้างหน้า จำนวน 1 ประเด็น ได้แก่ ความเสี่ยงจากการเปลี่ยนผ่านของอุตสาหกรรมและเทคโนโลยี แม้ว่าในปัจจุบันความเสี่ยงนี้ยังไม่ปรากฏหรือส่งผลกระทบอย่างเด่นชัด แต่หากเกิดขึ้นแล้วจะส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ อย่างมีนัยสำคัญ จึงได้ยกระดับขึ้นเป็นความเสี่ยงองค์กร ที่ต้องติดตามประเมินสถานการณ์และระดับความเสี่ยงอย่างใกล้ชิด
บริษัทฯ ได้ดำเนินการเก็บข้อมูลเชิงลึกโดยการสัมภาษณ์ลูกค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมต่าง ๆ ที่ประกอบกิจการอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมอมตะทั้งสองแห่งเป็นประจำทุกปี เพื่อใช้ข้อมูลในการวิเคราะห์เพื่อปรับปรุงแผนกลยุทธ์องค์กรและแผนการดำเนินธุรกิจ บริษัทฯ พบว่า การเปลี่ยนผ่านของอุตสาหกรรมและเทคโนโลยี (industry transition and disruptive technology) เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการในนิคมอุตสาหกรรมอย่างมีนัยสำคัญ การเปลี่ยนผ่านสู่อุตสาหกรรมและเทคโนโลยีใหม่ที่มาทดแทนอุตสาหกรรมแบบเดิมในปัจจุบัน เช่น อุตสาหกรรมรถยนต์สันดาป ทำให้ผู้ประกอบการที่อยู่ในห่วงโซ่อุปทานในอุตสาหกรรมเดิมต้องเร่งปรับตัวและนำนวัตกรรมเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ให้มากขึ้น หากผู้ประกอบการรายใดไม่สามารถปรับตัวได้ทัน ส่งผลให้ต้องมีการลดกำลังการผลิต หรืออาจต้องหยุดดำเนินการไป ซึ่งกระทบต่อรายได้ของบริษัทฯ ในส่วนของสาธารณูปโภคและบริการทางอุตสาหกรรมต่าง ๆ
นอกจากนี้ การเข้ามาของอุตสาหกรรมใหม่ที่เน้นเทคโนโลยีขั้นสูง ใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ เช่น กลุ่มดาต้าเซ็นเตอร์ หรือ เซมิคอนดักเตอร์ จะมีความต้องการโครงสร้างพื้นฐานและสาธารณูปโภคที่แตกต่างจากอุตสาหกรรมแบบเดิมอย่างมาก ทั้งคุณภาพและปริมาณ ซึ่งจะกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่เปลี่ยนแปลงแนวทางการพัฒนาธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมในอนาคต หากบริษัทฯ ไม่สามารถปรับตัวให้รองรับอุตสาหกรรมเหล่านี้ได้ หรือมีโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานและสาธารณูปโภคที่ไม่เพียงพอ อาจทำให้สูญเสียโอกาสในการดึงดูดนักลงทุนรายใหม่ และลดทอนความสามารถในการแข่งขันของบริษัทฯ ในอนาคตได้
การส่งเสริมวัฒนธรรมด้านการบริหารจัดการความเสี่ยง
บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของผู้บริหารและพนักงานในการบริหารจัดการความเสี่ยงในองค์กร โดยเฉพาะการจัดการความเสี่ยงในหน้าที่และความรับผิดชอบในภารกิจปกติเป็นหลัก ทั้งนี้ เพราะต้องการให้ระบบบริหารความเสี่ยงเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินงานตามภารกิจปกติจนเกิดเป็นวัฒนธรรมองค์กรในที่สุด นอกจากผู้บริหารของแต่ละหน่วยงานและบริษัทย่อยที่เป็นผู้ขับเคลื่อนการบริหารจัดการความเสี่ยงในหน่วยงานนั้น ๆ แล้ว ยังมีพนักงานที่เป็นตัวแทนรับผิดชอบงานด้านการบริหารจัดการความเสี่ยง ที่เข้าร่วมประชุมกับคณะทำงานบริหารความเสี่ยงองค์กร และนำไปถ่ายทอดให้แก่พนักงานในระดับปฏิบัติการต่อไป
ในปี 2567 บริษัทฯ ได้กำหนดแนวทางดำเนินการเพื่อส่งเสริมวัฒนธรรมด้านการบริหารจัดการความเสี่ยงองค์กรให้กับพนักงานทุกระดับ สามารถจำแนกรูปแบบการดำเนินออกเป็น 4 กลุ่ม คือ 1) EDUCATE การสร้างความรู้ความเข้าใจ 2) PARTICIPATE การสร้างการมีส่วนร่วม 3) MANAGE การจัดการความเสี่ยงอย่างเป็นระบบ และ 4) ENCOURAGE การบูรณาการการบริหารจัดการความเสี่ยงในการทำงาน
บริษัทฯ ตระหนักดีว่าความรู้ความเข้าใจของพนักงานทุกคนเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้กระบวนการบริหารจัดการความเสี่ยงองค์กรมีประสิทธิภาพ และบรรลุตามวัตถุประสงค์ในการบริหารจัดการความเสี่ยง บริษัทฯ จึงได้จัดให้มีการอบรมเชิงปฏิบัติการ และการบรรยายพิเศษในหัวข้อที่เกี่ยวข้องในแต่ละความเสี่ยง โดยบริษัทฯ กำหนดให้มีการจัดการอบรม และการบรรยายพิเศษเป็นประจำต่อเนื่องทุกปี ผลการดำเนินงานในปี 2567 ได้แก่
บริษัทฯ จัดให้มีการประชุมเชิงปฏิบัติการในรูปแบบออนไลน์ (Virtual Workshop) จำนวน 4 ครั้ง ตลอดทั้งปี ให้กับคณะทำงานบริหารจัดการความเสี่ยงองค์กร ซึ่งประกอบไปด้วยผู้บริหารระดับสูง ผู้บริหารระดับฝ่ายและแผนก และพนักงานระดับปฏิบัติการ เพื่อติดตามการบริหารจัดการความเสี่ยงองค์กร กำหนดตัวชี้วัดความเสี่ยงและความเสี่ยงที่ยอมรับได้ ประเมินระดับความเสี่ยงหลังการดำเนินมาตรการควบคุมความเสี่ยง จัดทำแผนบริหารจัดการเพื่อลดความเสี่ยง (Risk Mitigation Plan) เพิ่มเติม พร้อมทั้งกำหนดเป้าหมาย ตัวชี้วัดความเสี่ยง และมีการติดตามการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้จัดการประชุมเชิงปฏิบัติการในระดับพนักงาน (Risk Workshop) อีก 1 ครั้ง เมื่อวันที่ 24 มกราคม 2567 เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมของพนักงานที่เป็นตัวแทนของแต่ละหน่วยงานในบริษัทฯ และเสริมสร้างความตระหนักรู้เรื่องความเสี่ยงทั่วทั้งองค์กร ตลอดจนสามารถนำความรู้ที่ได้ไปถ่ายทอดและใช้บริหารความเสี่ยงได้จริงในหน่วยงาน
การบริหารจัดการความเสี่ยงระดับองค์กร (Enterprise Risk Management) ของบริษัทฯ ใช้แนวทางของ The Committee of Sponsoring Organizations หรือ COSO โดยกำหนดให้มีการกำกับดูแลภายในอย่างเป็นระบบตามแนวทางการป้องกันความเสี่ยง 3 ระดับ (3 Lines of Defense) ประกอบด้วยหน่วยงานผู้รับผิดชอบความเสี่ยงเป็นผู้บริหารจัดการความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง (1st Line of Defense) หน่วยงานกลยุทธ์และการบริหารความเสี่ยงองค์กรเป็นผู้ กำหนดแนวทางและมาตรฐานด้านการบริหารความเสี่ยง และติดตามดูแลการดำเนินงาน (2nd Line of Defense) และหน่วยงานตรวจสอบภายในเป็นผู้ตรวจสอบประสิทธิภาพของระบบบริหารความเสี่ยงขององค์กรโดยอิสระ (3rd Line of Defense) โดยผลการดำเนินงานจะถูกรายงานอย่างน้อยไตรมาสละ 2 ครั้ง ต่อผู้บริหารระดับสูง และคณะกรรมการบริหารความเสี่ยง เพื่อพิจารณาตามลำดับ
ในปี 2567 บริษัทฯ ได้มีรายงานผลการดำเนินงานด้านการบริหารจัดการความเสี่ยงต่อคณะผู้บริหารระดับสูง รวม 4 ครั้ง รายงานต่อคณะกรรมการบริหารความเสี่ยงรวม 4 ครั้ง และ รายงานต่อคณะกรรมการบริษัทรวม 4 ครั้ง
บริษัทฯ กำหนดตัวชี้วัดผลงานขององค์กร (Corporate KPI) และของผู้บริหารระดับสูง ให้มีความสอดคล้องกับความเสี่ยงขององค์กรหรือตัวชี้วัดความเสี่ยง (Key Risk Indicator: KRI) ซึ่งจะถูกประเมินทุก 6 เดือน และเชื่อมโยงกับตัวชี้วัดผลงานของหน่วยงานผู้รับผิดชอบความเสี่ยงเช่นกัน เพื่อให้มีการติดตามและประเมินประสิทธิผลของมาตรการควบคุมและแผนการดำเนินงานด้านความเสี่ยง ที่สอดคล้องกับกลยุทธ์หลักขององค์กร โดยหน่วยงานผู้รับผิดชอบได้กำหนดเป้าหมายตัวชี้วัดผลงานให้สอดคล้องกับตัวชี้วัดความเสี่ยง ตัวอย่างเช่น ความเสี่ยงด้านน้ำแล้ง บริษัทฯ กำหนดค่าตัวชี้วัดความเสี่ยงที่ยอมรับได้ คือปริมาณน้ำดิบสำรองของนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ชลบุรีที่ต้องมีคงเหลือไม่น้อยกว่า 14 เดือน และนิคมอุตสาหกรรมอมตะชิตี้ระยอง ต้องคงเหลือไม่น้อยกว่า 6 เดือน จากตัวชี้วัดดังกล่าว หน่วยงานผู้รับชอบการบริหารจัดการน้ำ คือ บริษัท อมตะ ยู จำกัด ได้กำหนดตัวชี้วัดผลสำเร็จของงาน (KPI) ในการบริหารจัดการปริมาณน้ำดิบสำรองให้เพียงพอต่อความต้องการของลูกค้าในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ชลบุรี ให้มีปริมาณน้ำดิบสำรองอยู่ที่ 24 เดือน และสำหรับพื้นที่นิคมอมตะ ชิตี้ ระยอง กำหนดตัวชี้วัดผลสำเร็จของงาน (KPI) โดยรักษาระดับปริมาณน้ำดิบสำรองให้เพียงพอตลอดทั้งปีที่ร้อยละ 80 ของความจุบ่อ เป็นต้น
นอกจากนี้ บริษัทฯ ให้ความสำคัญในด้านการให้บริการที่สามารถตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าในนิคม และได้ยกระดับความเสี่ยงในด้านความพร้อมของผลิตภัณฑ์และบริการที่ยั่งยืนที่สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้า เป็นความเสี่ยงระดับองค์กร บริษัทฯ จึงได้กำหนดระดับความพึงพอใจของลูกค้า ที่รวมถึงความพึงพอใจในผลิตภัณฑ์และบริการที่ยั่งยืนด้วย เป็นตัวชี้วัดผลงานระดับองค์กร (Corporate KPI) และตัวชี้วัดของหน่วยงานที่รับผิดชอบคือ ฝ่ายขายของทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ในบริษัทฯ โดยมีเป้าหมายคะแนนความพึงพอใจของลูกค้าต้องมากกว่า 90%
+84 251 3991 007 (ใต้)
+84 203 3567 007 (เหนือ)
+95 1 230 5627
(+856) 21 810007
(+856) 20 5710007 (ภาษาจีน)
(+856) 20 57550007 (ภาษาอังกฤษ)
© AMATA CORPORATION PCL. All rights reserved. Web by Toneyes