ความเสี่ยง

การบริหารความเสี่ยงที่ไม่มีประสิทธิภาพอาจส่งผลกระทบโดยตรงต่อบริษัทฯ ทั้งด้านการเงิน ชื่อเสียง และความเชื่อมั่น ตลอดจนความสามารถในการดำเนินธุรกิจในระยะยาว นอกจากนี้ ยังก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงสุขภาพและความปลอดภัยของผู้มีส่วนได้เสีย ซึ่งส่งผลต่อความไว้วางใจในบริษัทฯ และนำไปสู่การต่อต้านหรืออุปสรรคในการขยายธุรกิจในอนาคต

โอกาส

การบริหารความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้บริษัทฯ เติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน โดยเสริมสร้างความสามารถในการมองเห็นและตอบสนอง (Sense and Response) ต่อความเสี่ยงและโอกาสต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว ท่ามกลางความไม่แน่นอนและการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมในปัจจุบัน นอกจากนี้ ยังช่วยให้บริษัทฯ สามารถมองเห็นโอกาสทางธุรกิจที่อาจเกิดขึ้นจากการบริหารความเสี่ยงได้อีกด้วย

โครงสร้างการบริหารจัดการความเสี่ยง

การบริหารจัดการความเสี่ยงของบริษัทฯ อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของคณะกรรมการบริษัท โดยมีคณะกรรมการบริหารความเสี่ยง (Risk Management Committee) ทำหน้าที่กำหนดนโยบาย และแนวทางการบริหารจัดการความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพ และกำกับดูแลการทำงานของคณะทำงานบริหารความเสี่ยงองค์กร ให้เหมาะสมกับการดำเนินธุรกิจในสถานการณ์ปัจจุบัน คณะกรรมการบริหารความเสี่ยง ประกอบด้วยกรรมการอิสระจำนวน 2 คน กรรมการที่เป็นผู้บริหารจำนวน คน และผู้บริหารระดับสูง จำนวน 4 คน รวมทั้งหมด 8 คน โดยมีกรรมการอิสระเป็นประธานและรองประธานคณะกรรมการบริหารความเสี่ยง (รายละเอียดข้อมูลเกี่ยวกับคณะกรรมการบริหารความเสี่ยงปรากฏในแบบแสดงข้อมูลประจำปี / รายงานประจำปี (แบบ 56-1 One Report) หัวข้อ โครงสร้างการกำกับดูแลกิจการ และการบริหารจัดการความเสี่ยง”)

และเพื่อให้บริษัทฯ สามารถดำเนินงานด้านการบริหารจัดการความเสี่ยงได้ครอบคลุมทั้งองค์กรอย่างมีประสิทธิภาพ ตอบสนองต่อนโยบายหลักของบริษัทฯ ด้านการบริหารจัดการความเสี่ยงและภาวะวิกฤต คณะกรรมการบริหารความเสี่ยงจึงได้แต่งตั้งคณะทำงานบริหารความเสี่ยงองค์กร (Enterprise Risk Management Working Committee) ซึ่งประกอบด้วยผู้บริหารและตัวแทนจากฝ่ายต่าง ๆ และกรรมการผู้จัดการบริษัทย่อย จำนวนรวม 24 คน โดยมีประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน เป็นประธาน คณะทำงานบริหารความเสี่ยงองค์กรมีหน้าที่ความรับผิดชอบ ดังนี้

  1. ประเมินปัจจัยความเสี่ยงที่สำคัญของบริษัทฯ ในระดับองค์กรที่สอดคล้องกับทิศทางการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ และความเสี่ยงในห่วงโซ่ธุรกิจอย่างครบถ้วน อาทิเช่น ความเสี่ยงด้านกลยุทธ์ ด้านการลงทุนและพัฒนาธุรกิจแต่ละประเภททั้งในและนอกประเทศ ด้านปฏิบัติการที่ครอบคลุมเรื่องความปลอดภัย สุขภาพ สังคม และสิ่งแวดล้อม ด้านการเงิน และด้านกฎหมายและกฎระเบียบ และประเด็นความเสี่ยงอื่น ๆ ที่อาจมีผลกระทบในระดับองค์กร โดยให้เสนอแนะวิธีป้องกันและวิธีลดระดับความเสี่ยงให้อยู่ในระดับที่ยอมรับได้
  2. ติดตาม ประเมินผล และปรับปรุงแผนการดำเนินงานเพื่อลดความเสี่ยงอย่างต่อเนื่อง และเหมาะสมกับสภาวะการดำเนินธุรกิจ และรายงานผลการประเมินความเสี่ยงและการดำเนินงานเพื่อลดความเสี่ยงต่อคณะกรรมการบริหารความเสี่ยงเพื่อทราบเป็นประจำ
  3. จัดให้มีแผนดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่อง (Business Continuity Plan) ในระดับองค์กรเพื่อรับมือความเสี่ยงที่สำคัญ
  4. ส่งเสริมการเรียนรู้ อบรม เผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับความเสี่ยงและการบริหารจัดการความเสี่ยงให้แก่บุคลากรในบริษัทฯ ทุกระดับ และสร้างวัฒนธรรมองค์กรด้านการบริหารจัดการความเสี่ยง

บริษัทฯ กำหนดให้การบริหารจัดการความเสี่ยงเป็นความรับผิดชอบของพนักงานในทุกระดับ ที่ต้องตระหนักถึงความเสี่ยงที่มีในห่วงโซ่ธุรกิจขององค์กร และในขั้นตอนการปฏิบัติงานในหน่วยงานของตน โดยมีการบริหารจัดการความเสี่ยงด้วยวิธีการที่เหมาะสมและเพียงพอ ดังนั้น ทุกฝ่ายภายในบริษัทฯ และบริษัทย่อยจึงได้กำหนดให้มีผู้แทนที่ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ประสานงานความเสี่ยงในระดับปฏิบัติการ ทำงานร่วมกับคณะทำงานบริหารความเสี่ยงองค์กรในการระบุความเสี่ยงและจัดทำแผนบริหารความเสี่ยงและติดตามผล โดยมีฝ่ายกลยุทธ์และการบริหารความเสี่ยงองค์กรเป็นผู้สนับสนุนและช่วยเหลือ ตลอดจนส่งเสริมให้พนักงานในแต่ละฝ่ายและบริษัทย่อยตระหนักถึงความสำคัญของการบริหารจัดการความเสี่ยงและมีส่วนร่วมในการจัดการความเสี่ยงในส่วนงานรับผิดชอบของตนเอง

แนวทางการบริหารจัดการความเสี่ยง

บริษัทฯ กำหนดให้มีกระบวนการบริหารจัดการความเสี่ยงองค์กรที่เป็นไปตามมาตรฐานที่ดีตามแนวปฏิบัติสากล เพื่อให้เกิดการบริหารจัดการความเสี่ยงที่อาจส่งผลกระทบกับการดำเนินงานของกลุ่มอมตะได้อย่างมีประสิทธิภาพ เกิดการพัฒนาและปฏิบัติงานด้านการบริหารจัดการความเสี่ยงทั่วทั้งองค์กรไปในทิศทางเดียวกัน โดยนำระบบการบริหารจัดการความเสี่ยงมาเป็นส่วนหนึ่งในการตัดสินใจ การวางแผนกลยุทธ์ แผนงาน และการดำเนินงานของบริษัทฯ เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์และเป้าหมายตามกลยุทธ์ที่กำหนดไว้

บริษัทฯ ได้กำหนด "นโยบายบริหารความเสี่ยง" โดยได้นำกรอบการบริหารความเสี่ยงของ The Committee of Sponsoring Organizations of the Treadway Commission (COSO) ทั้ง version COSO ERM 2017 (Enterprise Risk Management - Integrating with Strategy and Performance) และ COSO ESG 2018 (Enterprise Risk Management – Applying enterprise risk management to environmental, social, and governance-related risks) มาใช้เป็นแนวทางในการบริหารความเสี่ยงขององค์กร โดยปรับให้เหมาะสมกับการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ เพื่อให้มีการบริหารความเสี่ยงในทุกระดับและเชื่อมโยงทั่วทั้งองค์กร ซึ่งนอกเหนือจากความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจโดยตรงแล้ว บริษัทฯ ยังให้ความสำคัญกับความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการ (ESG-related Risks) ที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อการบรรลุวัตถุประสงค์และเป้าหมายของบริษัทฯ ในระยะยาวด้วย โดยมีนายสัทธา วนลาภพัฒนา รักษาการประธานเจ้าหน้าที่กลยุทธ์และผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหารเป็นผู้มีหน้าที่รับผิดชอบการดำเนินงานด้านการบริหารความเสี่ยงทั่วทั้งองค์กร

บริษัทฯ ทำการทบทวนและประเมินความเสี่ยงองค์กรเป็นประจำทุกปี โดยพิจารณาทบทวนประเด็นความเสี่ยงที่มีอยู่ในปัจจุบัน และระบุประเด็นความเสี่ยงที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต จากภาวะเศรษฐกิจ การแข่งขันของธุรกิจ การพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมต่าง ๆ นโยบายและกฎระเบียบของรัฐ การเปลี่ยนแปลงของสังคมและสิ่งแวดล้อม ที่อาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ บริษัทฯ ได้นำประเด็นต่าง ๆ มาวิเคราะห์และประเมินความเสี่ยง เพื่อจัดทำแผนบริหารจัดการความเสี่ยงที่เหมาะสม และกำหนดตัวชี้วัดความเสี่ยง (Key Risk Indicator: KRI) และค่าความเสี่ยงที่ยอมรับได้ (risk appetite) เพื่อติดตามผลการจัดการความเสี่ยงและประสิทธิภาพของมาตรการควบคุมความเสี่ยง ตลอดจนพิจารณาโอกาสทางธุรกิจจากปัจจัยความเสี่ยงต่าง ๆ เหล่านี้ และได้มอบหมายให้หน่วยงานเจ้าของความเสี่ยงระดับองค์กรจัดทำแผนการบริหารจัดการความเสี่ยงดังกล่าวพร้อมกับกำหนดตัวชี้วัดด้านความเสี่ยง

บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการจัดการความเสี่ยงเชิงบูรณาการร่วมกันระหว่างหน่วยงาน จึงสนับสนุนและส่งเสริมความร่วมมือในการจัดการความเสี่ยงเชิงรุก (collaborative proactive risk management) ในแต่ละความเสี่ยงองค์กร เพื่อนำไปสู่การพัฒนาแผนการจัดการลดผลกระทบความเสี่ยงที่ได้รับมุมมองอย่างรอบด้าน และคำนึงถึงผลกระทบของทุกภาคส่วน  นอกจากนี้ บริษัทฯ จัดให้มีการสอบทานกระบวนการบริหารความเสี่ยงโดยสำนักงานตรวจสอบภายในจากภายนอก (outsourced internal auditor) เพื่อให้มั่นใจว่า บริษัทฯ มีการดำเนินการด้านบริหารความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพ เหมาะสม และเพียงพอ ตลอดจนให้ข้อเสนอแนะและเสนอความเห็นเกี่ยวกับผลการตรวจสอบภายในต่อฝ่ายบริหารและคณะกรรมการตรวจสอบเป็นประจำ โดยมีนางสาวเด่นดาว โกมลเมศ ประธานเจ้าหน้าที่การเงินและกรรมการบริหารความเสี่ยง เป็นผู้รับผิดชอบในการดำเนินงานของสำนักงานตรวจสอบภายใน

คณะทำงานบริหารความเสี่ยงองค์กรติดตามผลการตอบสนองต่อความเสี่ยงและติดตามสถานการณ์ที่เป็นสาเหตุของความเสี่ยง และรายงานผลสรุปในที่ประชุมคณะผู้บริหาร (Management Meeting) ซึ่งประกอบด้วยประธานกรรมการ ประธานเจ้าหน้าที่ทุกคน และกรรมการผู้จัดการบริษัทย่อย และรายงานให้คณะกรรมการบริษัททราบต่อไป

นอกจากนี้ บริษัทฯ ต้องการให้พนักงานมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการความเสี่ยงมากขึ้น เนื่องจากการบริหารจัดการความเสี่ยงเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินงานในทุกระดับ ดังนั้น บริษัทฯ จึงสร้างความตระหนักรู้และวัฒนธรรมองค์กรด้านการบริหารความเสี่ยงให้แก่พนักงานทุกระดับ โดยการให้ความรู้ผ่านกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การฝึกอบรม เป็นต้น

ผลการดำเนินงาน

ในปี 2567 บริษัทฯ ได้ขยายการลงทุนธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ แต่สภาวการณ์โลกยังคงมีความผันผวน  มีวิกฤตการณ์สำคัญเกิดขึ้นมากมายที่เชื่อมโยงและส่งผลกระทบต่อเนื่องกันเป็นห่วงโซ่  โดยเฉพาะจากสาเหตุการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศที่รุนแรงมากขึ้นและเหตุการณ์ความขัดแย้งที่เพิ่มสูงขึ้นในบางภูมิภาคของโลก สร้างผลกระทบทางภูมิรัฐศาสตร์และความผันผวนทางเศรษฐกิจในหลายด้าน เช่น อัตราเงินเฟ้อ ค่าครองชีพที่สูงขึ้นจากต้นทุนทางพลังงานที่ได้รับผลกระทบจากภาวะสงคราม เป็นต้น ตลอดจนทำให้การค้าการลงทุนระหว่างประเทศชะลอตัว

บริษัทฯ จึงให้ความสำคัญในการติดตามความเสี่ยงต่าง ๆ อย่างใกล้ชิด ทบทวนและประเมินความเสี่ยงอันเกิดจากปัจจัยและสภาวะแวดล้อมภายนอกเป็นประจำ รวมถึงจัดทำแผนบริหารจัดการความเสี่ยงองค์กรให้ครอบคลุมในทุกบริษัทของกลุ่มอมตะ โดยบูรณาการนำแนวทางการบริหารความเสี่ยงองค์กรด้านความยั่งยืน (ESG Risk) เป็นกรอบหนึ่งในการบ่งชี้ความเสี่ยงระดับองค์กร บริษัทฯ ได้ประเมินความเสี่ยงโดยพิจารณาถึงความสอดคล้องของแผนกลยุทธ์องค์กรในระยะกลางและระยะยาว ตลอดจนพลวัตของการเปลี่ยนแปลงในอนาคตของทั้งสภาพเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ที่ได้รับอิทธิพลจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลก รวมถึงการเปลี่ยนแปลงหรือการเกิดขึ้นใหม่ของนโยบาย กฎเกณฑ์ต่าง ๆ ที่จะส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจในอนาคต โดยนำมาวิเคราะห์ในการกำหนดแผนจัดการความเสี่ยงทั้งในระยะกลาง และระยะยาว ควบคู่ไปกับการทำแผนกลยุทธ์องค์กร เพื่อให้การดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ สามารถบรรลุเป้าหมายตามที่ตั้งไว้และลดความรุนแรงของผลกระทบที่อาจเกิดต่อองค์กรและผู้มีส่วนได้เสียได้

บริษัทฯ ได้ทบทวนประเด็นความเสี่ยงหลักขององค์กร โดยให้ความสำคัญความเสี่ยงของประเด็นด้านความยั่งยืนที่มีความสำคัญเชิงกลยุทธ์ต่อบริษัทฯ (strategic priorities) ทั้งด้านสิ่งแวดล้อม สังคม เศรษฐกิจและการกำกับดูแลกิจการที่ดี (ESG-related risk) และความเสี่ยงที่เกิดขึ้นใหม่ (emerging risk) มากขึ้น คณะทำงานบริหารความเสี่ยงองค์กรได้จำแนกความเสี่ยงเป็น 5 ประเภท ได้แก่ ความเสี่ยงด้านกลยุทธ์ (strategic risk) ความเสี่ยงด้านการปฏิบัติการ (operational risk) ความเสี่ยงด้านการปฏิบัติตามกฎระเบียบข้อบังคับ (compliance risk) ความเสี่ยงด้านการเงิน (financial risk) และความเสี่ยงที่เกิดขึ้นใหม่ (emerging risk) ซึ่งบริษัทฯ จัดทำแผนบริหารความเสี่ยงองค์กรครอบคลุมประเด็นสำคัญเชิงกลยุทธ์ทั้งหมด (ร้อยละ 100) และได้ทบทวนและปรับปรุงแผนบริหารความเสี่ยงองค์กรและตัวชี้วัดความเสี่ยง (key risk indicators: KRI) เป็นประจำทุกไตรมาส เพื่อติดตามและเฝ้าระวังการเกิดขึ้นของความเสี่ยงดังกล่าว

ความเสี่ยงระดับองค์กร ปี 2567

รายละเอียดเกี่ยวกับการบริหารความเสี่ยงดังกล่าวปรากฏในแบบแสดงข้อมูลประจำปี / รายงานประจำปี (แบบ 56-1 One Report) หัวข้อ ความเสี่ยงต่อการดำเนินธุรกิจทั้งในปัจจุบันและความเสี่ยงที่เกิดขึ้นใหม่ (emerging risks)

ความเสี่ยงที่เกิดขึ้นใหม่ (Emerging Risk)

จากการประเมินความเสี่ยงของบริษัทฯ พบว่า มีความเสี่ยงที่เกิดขึ้นใหม่ที่สำคัญที่อาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ใน 3-5 ปีข้างหน้า จำนวน 1 ประเด็น ได้แก่ ความเสี่ยงจากการเปลี่ยนผ่านของอุตสาหกรรมและเทคโนโลยี แม้ว่าในปัจจุบันความเสี่ยงนี้ยังไม่ปรากฏหรือส่งผลกระทบอย่างเด่นชัด แต่หากเกิดขึ้นแล้วจะส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ อย่างมีนัยสำคัญ จึงได้ยกระดับขึ้นเป็นความเสี่ยงองค์กร ที่ต้องติดตามประเมินสถานการณ์และระดับความเสี่ยงอย่างใกล้ชิด

ความเสี่ยงจากการเปลี่ยนผ่านของอุตสาหกรรมและเทคโนโลยี

บริษัทฯ ได้ดำเนินการเก็บข้อมูลเชิงลึกโดยการสัมภาษณ์ลูกค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมต่าง ๆ ที่ประกอบกิจการอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมอมตะทั้งสองแห่งเป็นประจำทุกปี เพื่อใช้ข้อมูลในการวิเคราะห์เพื่อปรับปรุงแผนกลยุทธ์องค์กรและแผนการดำเนินธุรกิจ บริษัทฯ พบว่า การเปลี่ยนผ่านของอุตสาหกรรมและเทคโนโลยี (industry transition and disruptive technology) เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการในนิคมอุตสาหกรรมอย่างมีนัยสำคัญ การเปลี่ยนผ่านสู่อุตสาหกรรมและเทคโนโลยีใหม่ที่มาทดแทนอุตสาหกรรมแบบเดิมในปัจจุบัน เช่น อุตสาหกรรมรถยนต์สันดาป ทำให้ผู้ประกอบการที่อยู่ในห่วงโซ่อุปทานในอุตสาหกรรมเดิมต้องเร่งปรับตัวและนำนวัตกรรมเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ให้มากขึ้น หากผู้ประกอบการรายใดไม่สามารถปรับตัวได้ทัน ส่งผลให้ต้องมีการลดกำลังการผลิต หรืออาจต้องหยุดดำเนินการไป ซึ่งกระทบต่อรายได้ของบริษัทฯ ในส่วนของสาธารณูปโภคและบริการทางอุตสาหกรรมต่าง ๆ 

นอกจากนี้ การเข้ามาของอุตสาหกรรมใหม่ที่เน้นเทคโนโลยีขั้นสูง ใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ เช่น กลุ่มดาต้าเซ็นเตอร์ หรือ เซมิคอนดักเตอร์ จะมีความต้องการโครงสร้างพื้นฐานและสาธารณูปโภคที่แตกต่างจากอุตสาหกรรมแบบเดิมอย่างมาก ทั้งคุณภาพและปริมาณ ซึ่งจะกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่เปลี่ยนแปลงแนวทางการพัฒนาธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมในอนาคต หากบริษัทฯ ไม่สามารถปรับตัวให้รองรับอุตสาหกรรมเหล่านี้ได้ หรือมีโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานและสาธารณูปโภคที่ไม่เพียงพอ อาจทำให้สูญเสียโอกาสในการดึงดูดนักลงทุนรายใหม่ และลดทอนความสามารถในการแข่งขันของบริษัทฯ ในอนาคตได้

มาตรการจัดการความเสี่ยง

    • เก็บข้อมูลและวิเคราะห์ฐานข้อมูลลูกค้าในทุกกลุ่มอุตสาหกรรมที่เปิดดำเนินการอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมกว่า 1,400 รายในประเทศไทย ด้วยระบบดิจิทัลเพื่อติดตามการเปลี่ยนแปลงความต้องการของลูกค้าในด้านสาธารณูปโภค บริการทางด้านอุตสาหกรรม รวมถึงการสนับสนุนด้านารพัฒนาที่ยั่งยืน และเชื่อมโยงข้อมูลของลูกค้าในหลายมิติเพื่อให้เข้าใจแนวโน้มและภาพรวมอย่างเป็นระบบ และจัดทำการวิเคราะห์ ประมวลผลเป็นประจำทุกปี
    • ดำเนินกลยุทธ์เชิงรุกในการเป็นผู้นำด้านการประสานงานระหว่างผู้ประกอบการโรงงาน องค์กรภาครัฐ และฝ่ายบริหารของบริษัทฯ โดยทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางการสื่อสาร สะท้อนปัญหา และประสานแนวทางแก้ไข เพื่อให้การเปลี่ยนผ่านจากอุตสาหกรรมการผลิตแบบดั้งเดิมไปสู่อุตสาหกรรมใหม่เป็นไปอย่างราบรื่น ลดผลกระทบต่อผู้ประกอบการในนิคมอุตสาหกรรม พร้อมทั้งส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อสร้างกระบวนการทำงานร่วมกัน และผลักดันแนวทางที่ยั่งยืนซึ่งเป็นประโยชน์ต่อทุกภาคส่วน
    • ติดตามและวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงในห่วงโซ่อุปทานโลกเพื่อปรับกลยุทธ์ทางธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยศึกษาข้อมูลมหภาคจากทั้งระดับโลกและระดับภูมิภาคเพื่อให้เข้าใจทิศทางของตลาดและปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจขององค์กร รวมถึงปัจจัยอื่นๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อโครงสร้างของห่วงโซ่อุปทานโลกและทิศทางการลงทุน เช่น สถานการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitics) การค้าระหว่างประเทศ ความขัดแย้งทางการเมือง หรือมาตรการทางเศรษฐกิจของประเทศ
    • ติดตามข้อตกลงทางการค้าระหว่างประเทศหรือความร่วมมือในระดับภูมิภาค ที่ส่งเสริมโอกาสทางธุรกิจให้เกิดการขยายตัวของอุตสาหกรรมบางประเภท แต่ส่งผลกระทบเชิงลบต่อบางอุตสาหกรรม
    • วิเคราะห์แนวโน้มการเปลี่ยนแปลงภายในกลุ่มอุตสาหกรรมแต่ละประเภท ซึ่งรวมถึงการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีและพฤติกรรมของผู้บริโภคที่อาจมีผลต่อโครงสร้างของอุปสงค์และอุปทานในตลาด
    • วิเคราะห์แนวโน้มของการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการเติบโตของ อุตสาหกรรมใหม่ที่ต้องพึ่งพาเงินทุนจากต่างชาติ รวมถึงปัจจัยด้านการเงิน เช่น อัตราดอกเบี้ย อัตราแลกเปลี่ยน และภาวะเงินเฟ้อ
    • วิเคราะห์ปัจจัยภายในประเทศ รวมถึงนโยบายทางเศรษฐกิจ กฎระเบียบทางการค้า และโครงสร้างพื้นฐานที่สนับสนุนการดำเนินธุรกิจของอุตสาหกรรมใหม่ในอนาคต การเปลี่ยนแปลงของนโยบายภาครัฐ หรือมาตรการจูงใจการลงทุนจากภาครัฐ
    • จัดประชุมหารือระหว่างฝ่ายกลยุทธ์กับฝ่ายจัดการเป็นรายไตรมาส เพื่อประเมินสถานการณ์และปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจและตลาดที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ การดำเนินการเชิงรุกดังกล่าวจะช่วยให้องค์กรสามารถลดความเสี่ยง ควบคุมต้นทุน และรักษาขีดความสามารถในการแข่งขันในระยะยาว

การส่งเสริมวัฒนธรรมด้านการบริหารจัดการความเสี่ยง

บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของผู้บริหารและพนักงานในการบริหารจัดการความเสี่ยงในองค์กร โดยเฉพาะการจัดการความเสี่ยงในหน้าที่และความรับผิดชอบในภารกิจปกติเป็นหลัก ทั้งนี้ เพราะต้องการให้ระบบบริหารความเสี่ยงเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินงานตามภารกิจปกติจนเกิดเป็นวัฒนธรรมองค์กรในที่สุด นอกจากผู้บริหารของแต่ละหน่วยงานและบริษัทย่อยที่เป็นผู้ขับเคลื่อนการบริหารจัดการความเสี่ยงในหน่วยงานนั้น ๆ แล้ว ยังมีพนักงานที่เป็นตัวแทนรับผิดชอบงานด้านการบริหารจัดการความเสี่ยง ที่เข้าร่วมประชุมกับคณะทำงานบริหารความเสี่ยงองค์กร และนำไปถ่ายทอดให้แก่พนักงานในระดับปฏิบัติการต่อไป

ในปี 2567  บริษัทฯ ได้กำหนดแนวทางดำเนินการเพื่อส่งเสริมวัฒนธรรมด้านการบริหารจัดการความเสี่ยงองค์กรให้กับพนักงานทุกระดับ สามารถจำแนกรูปแบบการดำเนินออกเป็น 4 กลุ่ม คือ 1) EDUCATE การสร้างความรู้ความเข้าใจ 2) PARTICIPATE การสร้างการมีส่วนร่วม 3) MANAGE การจัดการความเสี่ยงอย่างเป็นระบบ และ 4) ENCOURAGE การบูรณาการการบริหารจัดการความเสี่ยงในการทำงาน

1) EDUCATE: การสร้างความรู้ความเข้าใจในการบริหารจัดการความเสี่ยงองค์กร

บริษัทฯ ตระหนักดีว่าความรู้ความเข้าใจของพนักงานทุกคนเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้กระบวนการบริหารจัดการความเสี่ยงองค์กรมีประสิทธิภาพ และบรรลุตามวัตถุประสงค์ในการบริหารจัดการความเสี่ยง บริษัทฯ จึงได้จัดให้มีการอบรมเชิงปฏิบัติการ และการบรรยายพิเศษในหัวข้อที่เกี่ยวข้องในแต่ละความเสี่ยง โดยบริษัทฯ กำหนดให้มีการจัดการอบรม และการบรรยายพิเศษเป็นประจำต่อเนื่องทุกปี ผลการดำเนินงานในปี 2567 ได้แก่

  • การบรรยายเพื่อให้ความรู้กรรมการบริษัท และผู้บริหารระดับสูง ในหัวข้อ “ESG Sustainability Reporting” โดยคุณเมธา บัวรักสกุล ผู้จัดการฝ่ายผลิตภัณฑ์มาตรฐานความยั่งยืน บริษัท เอสจีเอส (ประเทศไทย) จำกัด เมื่อวันที่ 16 มกราคม 2567 สืบเนื่องจากความเสี่ยงด้านการเปลี่ยนแปลงกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อม ที่ต้องมีการเปิดเผยข้อมูลมากขึ้น ทำให้เกิดความเสี่ยงที่จะเปิดเผยข้อมูลไม่ครบหรือไม่เป็นไปตามมาตรฐานสากลการบรรยายจึงมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ความรู้แก่กรรมการบริษัทและผู้บริหารระดับสูง ในการวางเป้าหมายการทำงานสู่การเป็นองค์กรที่เปิดเผยข้อมูลด้าน ESG ได้อย่างถูกต้องตามมาตรฐานสากล โดยมีกรรมการบริษัท ได้ แก่ นายวิกรม กรมดิษฐ์ นายจักก์ชัย พานิชพัฒน์ นางสาวเด่นดาว โกมลเมศ และผู้บริหารระดับสูง จำนวนรวม 40 คน เข้าร่วมฟังการบรรยาย
  • การอบรมผู้บริหารระดับสูงและระดับกลาง ในหัวข้อ “Climate Change and Business Sustainability” โดย คุณบุญรอด เยาวพฤกษ์ ที่ปรึกษาด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ บริษัท เดอะ ครีเอจี้ จำกัด เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2567 เพื่อให้ความรู้และข้อมูลในประเด็นความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ที่อาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของบริษัทฯ อาทิ ความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของกฎหมาย และความเสี่ยงจากความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไปในปัจจุบัน รวมถึงแนวทางการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการด้านความยั่งยืนเพื่อต่อยอดทางธุรกิจและตอบสนองความต้องการของลูกค้า เพื่อลดความเสี่ยงในด้านนี้ด้วย มีผู้บริหารระดับสูงและระดับกลาง จำนวนรวม 44 คน เข้าร่วมฟังการบรรยาย
  • การอบรม Cyber Security in Daily Life เพื่อลดความเสี่ยงด้านความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ เป็นการบรรยายออนไลน์และทำกิจกรรมเสริมสร้างความตระหนักรู้ด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ให้แก่ผู้บริหารและพนักงานทุกระดับ โดยผู้เชี่ยวชาญจากภายนอก เมื่อวันที่4 ตุลาคม 2567 มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้เข้าร่วมการอบรมได้รับความรู้และความเข้าใจถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ในชีวิตประจำวัน ตลอดจนการใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศให้มีความปลอดภัย เช่น การโจมตีที่ใช้พลังของ AI ภัยคุกคาม Phishing และ Social Engineering วิธีการสร้างรหัสผ่านที่แข็งแกร่ง และการดูแลความปลอดภัยขององค์กร เป็นต้น เพื่อเสริมสร้างความรู้และลดความเสี่ยงที่จะสูญเสียข้อมูลสำคัญของบริษัทให้แก่ผู้ไม่หวังดี
2) PARTICIPATE: การสร้างกระบวนการมีส่วนร่วม

บริษัทฯ จัดให้มีการประชุมเชิงปฏิบัติการในรูปแบบออนไลน์ (Virtual Workshop) จำนวน 4 ครั้ง ตลอดทั้งปี ให้กับคณะทำงานบริหารจัดการความเสี่ยงองค์กร ซึ่งประกอบไปด้วยผู้บริหารระดับสูง ผู้บริหารระดับฝ่ายและแผนก และพนักงานระดับปฏิบัติการ เพื่อติดตามการบริหารจัดการความเสี่ยงองค์กร กำหนดตัวชี้วัดความเสี่ยงและความเสี่ยงที่ยอมรับได้ ประเมินระดับความเสี่ยงหลังการดำเนินมาตรการควบคุมความเสี่ยง จัดทำแผนบริหารจัดการเพื่อลดความเสี่ยง (Risk Mitigation Plan) เพิ่มเติม พร้อมทั้งกำหนดเป้าหมาย ตัวชี้วัดความเสี่ยง และมีการติดตามการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้จัดการประชุมเชิงปฏิบัติการในระดับพนักงาน (Risk Workshop) อีก 1 ครั้ง เมื่อวันที่ 24 มกราคม 2567 เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมของพนักงานที่เป็นตัวแทนของแต่ละหน่วยงานในบริษัทฯ และเสริมสร้างความตระหนักรู้เรื่องความเสี่ยงทั่วทั้งองค์กร ตลอดจนสามารถนำความรู้ที่ได้ไปถ่ายทอดและใช้บริหารความเสี่ยงได้จริงในหน่วยงาน

3) MANAGE: การจัดการความเสี่ยงอย่างเป็นระบบ

การบริหารจัดการความเสี่ยงระดับองค์กร (Enterprise Risk Management) ของบริษัทฯ ใช้แนวทางของ The Committee of Sponsoring Organizations หรือ COSO โดยกำหนดให้มีการกำกับดูแลภายในอย่างเป็นระบบตามแนวทางการป้องกันความเสี่ยง 3 ระดับ (3 Lines of Defense) ประกอบด้วยหน่วยงานผู้รับผิดชอบความเสี่ยงเป็นผู้บริหารจัดการความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง (1st Line of Defense) หน่วยงานกลยุทธ์และการบริหารความเสี่ยงองค์กรเป็นผู้ กำหนดแนวทางและมาตรฐานด้านการบริหารความเสี่ยง และติดตามดูแลการดำเนินงาน (2nd Line of Defense) และหน่วยงานตรวจสอบภายในเป็นผู้ตรวจสอบประสิทธิภาพของระบบบริหารความเสี่ยงขององค์กรโดยอิสระ (3rd Line of Defense) โดยผลการดำเนินงานจะถูกรายงานอย่างน้อยไตรมาสละ 2 ครั้ง ต่อผู้บริหารระดับสูง และคณะกรรมการบริหารความเสี่ยง เพื่อพิจารณาตามลำดับ

ในปี 2567 บริษัทฯ ได้มีรายงานผลการดำเนินงานด้านการบริหารจัดการความเสี่ยงต่อคณะผู้บริหารระดับสูง รวม 4 ครั้ง รายงานต่อคณะกรรมการบริหารความเสี่ยงรวม 4 ครั้ง และ รายงานต่อคณะกรรมการบริษัทรวม 4 ครั้ง

4) ENCURAGE: การบูรณาการการบริหารจัดการความเสี่ยงในการทำงาน

บริษัทฯ กำหนดตัวชี้วัดผลงานขององค์กร (Corporate KPI) และของผู้บริหารระดับสูง ให้มีความสอดคล้องกับความเสี่ยงขององค์กรหรือตัวชี้วัดความเสี่ยง (Key Risk Indicator: KRI) ซึ่งจะถูกประเมินทุก 6 เดือน และเชื่อมโยงกับตัวชี้วัดผลงานของหน่วยงานผู้รับผิดชอบความเสี่ยงเช่นกัน เพื่อให้มีการติดตามและประเมินประสิทธิผลของมาตรการควบคุมและแผนการดำเนินงานด้านความเสี่ยง ที่สอดคล้องกับกลยุทธ์หลักขององค์กร โดยหน่วยงานผู้รับผิดชอบได้กำหนดเป้าหมายตัวชี้วัดผลงานให้สอดคล้องกับตัวชี้วัดความเสี่ยง  ตัวอย่างเช่น ความเสี่ยงด้านน้ำแล้ง บริษัทฯ กำหนดค่าตัวชี้วัดความเสี่ยงที่ยอมรับได้ คือปริมาณน้ำดิบสำรองของนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ชลบุรีที่ต้องมีคงเหลือไม่น้อยกว่า 14 เดือน และนิคมอุตสาหกรรมอมตะชิตี้ระยอง ต้องคงเหลือไม่น้อยกว่า 6 เดือน  จากตัวชี้วัดดังกล่าว หน่วยงานผู้รับชอบการบริหารจัดการน้ำ คือ บริษัท อมตะ ยู จำกัด ได้กำหนดตัวชี้วัดผลสำเร็จของงาน (KPI) ในการบริหารจัดการปริมาณน้ำดิบสำรองให้เพียงพอต่อความต้องการของลูกค้าในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ชลบุรี ให้มีปริมาณน้ำดิบสำรองอยู่ที่ 24 เดือน และสำหรับพื้นที่นิคมอมตะ ชิตี้ ระยอง กำหนดตัวชี้วัดผลสำเร็จของงาน (KPI)  โดยรักษาระดับปริมาณน้ำดิบสำรองให้เพียงพอตลอดทั้งปีที่ร้อยละ 80 ของความจุบ่อ เป็นต้น

นอกจากนี้ บริษัทฯ ให้ความสำคัญในด้านการให้บริการที่สามารถตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าในนิคม และได้ยกระดับความเสี่ยงในด้านความพร้อมของผลิตภัณฑ์และบริการที่ยั่งยืนที่สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้า เป็นความเสี่ยงระดับองค์กร บริษัทฯ จึงได้กำหนดระดับความพึงพอใจของลูกค้า ที่รวมถึงความพึงพอใจในผลิตภัณฑ์และบริการที่ยั่งยืนด้วย เป็นตัวชี้วัดผลงานระดับองค์กร (Corporate KPI) และตัวชี้วัดของหน่วยงานที่รับผิดชอบคือ ฝ่ายขายของทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ในบริษัทฯ โดยมีเป้าหมายคะแนนความพึงพอใจของลูกค้าต้องมากกว่า 90%  

ร่วมสร้างอนาคต
ไปกับอมตะ

ร่วมสร้างอนาคต
ไปกับอมตะ

ติดต่อเราเพิ่มเติม

ประเทศไทย
+66 38 939 007
เวียดนาม

+84 251 3991 007 (ใต้)
+84 203 3567 007 (เหนือ)

พม่า

+95 1 230 5627

ลาว

(+856) 21 810007
(+856) 20 5710007 (ภาษาจีน)
(+856) 20 57550007 (ภาษาอังกฤษ)