บริษัทฯ ดูแลพื้นที่เมืองขนาดใหญ่และเกี่ยวข้องกับผู้มีส่วนได้เสียจำนวนมาก หากบริษัทฯ ไม่มีกระบวนการประเมินความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนที่มีประสิทธิภาพตลอดห่วงโซ่อุปทาน หรือกลไกควบคุมการดำเนินงานที่ดีทั้งของบริษัทฯ เอง และคู่ค้าของบริษัทฯ อาจทำให้บริษัทฯ เข้าไปเกี่ยวข้องกับการกระทำที่ละเมิดสิทธิมนุษยชน ซึ่งจะส่งผลโดยตรงต่อภาพลักษณ์ และความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งในประเทศและระดับสากล
หากบริษัทฯ มีการประเมินความเสี่ยงด้านการละเมิดสิทธิมนุษยชนตลอดห่วงโซ่อุปทานที่มีประสิทธิภาพ จะช่วยลดความเสี่ยงในการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่อาจเกิดจากกิจกรรมของบริษัทฯ หรือคู่ค้าและผู้รับเหมา ซึ่งจะส่งผลดีต่อภาพลักษณ์และส่งเสริมความเชื่อมั่นของผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่มที่มีต่อบริษัทฯ
บริษัทฯ ตระหนักถึงผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนต่อผู้มีส่วนได้เสียตลอดห่วงโซ่คุณค่าตามหลักปรัชญา “ALL WIN” เนื่องจากการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ มีบทบาทสำคัญทั้งการเป็นผู้ส่งเสริมผลกระทบเชิงบวกในด้านสิทธิมนุษยชน จากการช่วยพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่น การสร้างงานสร้างอาชีพให้คนในชุมชน และช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของชุมชนให้เข้าถึงการศึกษา การสาธารณสุข สาธารณูปโภคและการบริการพื้นฐานที่ดี แต่ในขณะเดียวกันธุรกิจพัฒนานิคมอุตสาหกรรมก็มีโอกาสที่จะละเมิดสิทธิมนุษยชนของผู้มีส่วนได้เสียเหล่านี้ได้เช่นกัน จากการสร้างมลภาวะที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพและรบกวนความเป็นอยู่ที่ดีของชุมชน ลักษณะการทำงานหรือสภาพแวดล้อมในการทำงานที่ไม่ปลอดภัยเป็นอันตรายต่อพนักงาน แรงงาน หรือคนในชุมชนที่ใช้พื้นที่ร่วมกัน การละเลยผลกระทบต่อสิทธิของผู้มีส่วนได้เสียดังกล่าว อาจมีผลทำให้บริษัทฯ ไม่ได้รับความไว้วางใจจากผู้มีส่วนได้เสียกลุ่มอื่น ๆ หรือถูกต่อต้านจากสังคม ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจและผลประกอบการในอนาคตก็เป็นได้
บริษัทฯ จึงกำหนดกระบวนการดำเนินงานด้านสิทธิมนุษยชนเพื่อแสดงความมุ่งมั่นและความรับผิดชอบของบริษัท ฯ ในการติดตามและตรวจสอบสถานะสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้าน (Human Rights Due Diligence) ดังนี้
บริษัทฯ ได้กำหนด “นโยบายด้านสิทธิมนุษยชนและการปฏิบัติต่อแรงงานอย่างเป็นธรรม” เพื่อปฏิบัติต่อผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่มในทุกกิจกรรมตลอดห่วงโซ่คุณค่าอย่างเป็นธรรมและเหมาะสมตามหลักสิทธิมนุษยชนสากล โดยได้ยึดถือปฏิบัติตามกฎหมายทั้งในประเทศไทยและในประเทศที่บริษัทฯ เข้าไปดำเนินธุรกิจอยู่ ตลอดจนกำหนดแนวทางการดำเนินงานให้สอดคล้องกับหลักการปฏิบัติ ทั้งในระดับประเทศและสากลว่าด้วยเรื่องสิทธิมนุษยชนและการปฏิบัติด้านแรงงาน อาทิ หลักการด้านมนุษยธรรมและสิทธิขององค์การแรงงานระหว่างประเทศ หลักปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน (Universal Declaration of Human Rights: UDHR) แห่งสหประชาชาติ (United Nations) และข้อตกลงโลกแห่งสหประชาชาติ (Principles of the United Nations Global Compact – UNGC) หลักการชี้แนะว่าด้วยธุรกิจและสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (UN Guiding Principles on Business and Human Rights: UNGPs) ปฏิญญาว่าด้วยหลักการและสิทธิขั้นพื้นฐานในการทำงาน (Declaration on Fundamental Principles and Rights at Work) ขององค์การแรงงานระหว่างประเทศ (International Labour Organization: ILO) และยึดมั่นในความรับผิดชอบต่อสังคมและผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่มตามปรัชญาทางธุรกิจ ALL WIN หลักการกำกับดูแลกิจการที่ดีและจรรยาบรรณธุรกิจ ตลอดจนให้ความสำคัญกับปัญหาสิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวข้องกับพนักงานและผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่มในห่วงโซ่คุณค่า โดยประเมินความเสี่ยงและตรวจสอบอย่างรอบด้าน
ซึ่งในนโยบายฉบับนี้มีเนื้อหาครอบคลุมแนวปฏิบัติต่อผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม ทั้งภายในและภายนอกองค์กร ด้วยความเคารพในสิทธิและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ที่มีความหลากหลาย ความเสมอภาค และการไม่เลือกปฏิบัติ รวมถึงเคารพในสิทธิของแรงงานที่ครอบคลุมเรื่องการต่อต้านการใช้แรงงานเด็ก แรงงานบังคับ การส่งเสริมสิทธิในการรวมตัวกันโดยสันติและเสรีภาพในการสมาคม รวมถึงการเข้าร่วมกลุ่มเพื่อเจรจาต่อรอง นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้กำหนดนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมและด้านสังคมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมทางธุรกิจครอบคลุมตลอดห่วงโซ่อุปทานด้วย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อลดความเสี่ยงและผลกระทบอาจเกิดขึ้นต่อผู้มีส่วนได้เสียด้านสุขภาพและความปลอดภัย ทั้งร่างกายและจิตใจ โดยมีการทบทวนนโยบายทั้งหมดเป็นประจำทุกปี และสื่อสารให้พนักงานและผู้ที่มีความสัมพันธ์ทางธุรกิจ ตลอดจนผู้มีส่วนได้เสียรับทราบโดยทั่วกัน
ศึกษารายละเอียดนโยบายด้านสิทธิมนุษยชนและการปฏิบัติต่อแรงงานอย่างเป็นธรรมเพิ่มเติมได้ที่นี่
บริษัทฯ กำหนดให้ คณะกรรมการบริษัท ผู้บริหาร และพนักงานทุกระดับ ต้องตระหนักถึงความสำคัญและเคารพต่อสิทธิมนุษยชนในทุกด้านของบุคคลทุกคน ทั้งต่อพนักงาน ลูกค้า คู่ค้าและผู้รับเหมา ชุมชน ตลอดจนสังคมโดยรวม ตามกฎหมายแต่ละประเทศที่บริษัทฯ เข้าไปดำเนินธุรกิจ และพร้อมสนับสนุนตามสนธิสัญญาที่แต่ละประเทศมีพันธกรณีที่ต้องปฏิบัติ โดยรวมถึงหลีกเลี่ยงการกระทำและการมีส่วนร่วมในการอันละเมิดสิทธิมนุษยชน หรือสร้างผลกระทบเชิงลบด้านสิทธิมนุษยชน
บริษัทฯ พบว่ามีประเด็นความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานตลอดห่วงโซ่อุปทานจำนวนรวม 14 ประเด็น และทำการประเมินระดับความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนโดยพิจารณาใน 2 มิติ ได้แก่ ระดับความรุนแรงของผลกระทบ (severity) ซึ่งพิจารณาจาก scale, scope, irremediability และโอกาสความเป็นไปได้ (likelihood) และแสดงลำดับความสำคัญของความเสี่ยงในตาราง 4x4 Human Rights Risk Matrix ซึ่งจัดลำดับเป็น 3 ระดับ คือ ความเสี่ยงระดับสูง ความเสี่ยงระดับปานกลาง และความเสี่ยงระดับต่ำ
Stakeholder | Human Rights Issue | Company’s Implementation of Human Rights Impact Reduction |
---|---|---|
พนักงาน | สิทธิแรงงาน
|
|
|
| |
|
| |
ชุมชน | สิทธิชุมชน
|
|
ลูกค้า | สิทธิของลูกค้า/ผู้บริโภค
|
|
|
| |
พนักงาน ลูกค้า ผู้ถือหุ้น คู่ธุรกิจ | สิทธิในข้อมูลส่วนบุคคล
|
|
คู่ค้าและผู้รับเหมา | สิทธิของคู่ค้าและผู้รับเหมา
|
|
Stakeholder | Human Rights Issue | Company’s Implementation of Human Rights Impact Reduction |
---|---|---|
แรงงานของคู่ค้าและผู้รับเหมา | สิทธิแรงงาน
|
|
ชุมชน | สิทธิชุมชน
|
|
ตลอดระยะเวลาในการดำเนินธุรกิจที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ยึดปรัชญา ALL WIN ในการดำเนินธุรกิจอย่างเคร่งครัด โดยมีเป้าหมายให้ผู้มีส่วนได้เสีย ที่เกี่ยวข้องกับห่วงโซ่คุณค่าของบริษัทฯ ได้รับประโยชน์และเติบโตไปพร้อมกับบริษัทฯ อย่างยั่งยืนในทุกมิติ แม้ว่า ประเด็นด้านสิทธิเด็ก จะยังไม่ถูกยกระดับขึ้นมาเป็นประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืนของบริษัทฯ แต่การขยายตัวของนิคมอุตสาหกรรมที่บริษัทฯ ดำเนินการในทุกพื้นที่ย่อมเกี่ยวข้องทั้งโดยทางตรงและทางอ้อม ต่อคุณภาพชีวิต โอกาส และการเจริญเติบโตในสังคมของเด็ก ที่อาศัยอยู่โดยรอบนิคมอุตสาหกรรมอมตะทั้งสองแห่ง อีกทั้งในปัจจุบัน ประเด็นด้านสิทธิเด็กถูกให้ความสำคัญในระดับสากล บริษัทฯ จึงคำนึงถึงการดำเนินงานที่เคารพต่อสิทธิเด็กตลอดห่วงโซ่คุณค่าของธุรกิจด้วย
นอกจากแนวปฏิบัติด้านสิทธิเด็กที่ได้กำหนดไว้ในนโยบายเคารพสิทธิมนุษยชนและการปฏิบัติต่อแรงงานแล้ว บริษัทฯ ได้ใช้หลักการ “สิทธิเด็กและหลักปฏิบัติทางธุรกิจ” (Children’s Right and Business Principle; CRBP) โดยองค์การทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ (UNICEF) มาเป็นแนวทางการดำเนินธุรกิจที่เคารพต่อสิทธิเด็ก ประกอบไปด้วย 4 หลักการที่ธุรกิจจะสร้างผลกระทบต่อเด็กคือ 1) การสนับสนุนให้เด็กสามารถดำรงชีวิตได้ (survival) 2) การปกป้องเด็กจากความรุนแรง (protection) 3) การพัฒนาที่เหมาะสม (development) และ 4) การเปิดโอกาสให้เด็กมีส่วนร่วม (participation) โดยกำหนดกรอบการดำเนินการเพื่อมุ่งสู่การเป็นเมืองสมบูรณ์แบบที่สร้างโอกาสให้กับเด็ก และตอบสนองต่อหลักการ CRBP ดังนี้
เพื่อสร้างสังคมที่ร่วมป้องกัน (protection) และสนับสนุนการดำรงชีวิตอย่างปลอดภัย (survival) โดยบริษัทฯ ได้ประกาศนโยบาย และหลักจรรยาบรรณธุรกิจสำหรับคู่ค้าและผู้รับเหมา (supplier code of conduct) ที่ป้องกันไม่ให้ใช้แรงงานเด็กอย่างเคร่งครัด รวมถึงกระบวนการดำเนินธุรกิจที่ลดผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมในสังคมที่เด็กอาศัยอยู่ เช่น การพัฒนาเมืองสิ่งแวดล้อมอัจฉริยะ (smart environment) ที่ช่วยลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกออกสู่ชั้นบรรยากาศ การบริหารจัดการขยะที่มีประสิทธิภาพ และลดการฝังกลบ (zero waste to landfill) เป็นต้น
บริษัทฯ ได้พัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ เพื่อให้เด็กในชุมชนโดยรอบมีโอกาสในการเข้าถึงสาธารณูปโภค และบริการต่าง ๆ ได้อย่างเท่าเทียมกัน เช่น โรงเรียน โรงพยาบาล และศูนย์การค้า
บริษัทฯ ได้ผสานความร่วมมือของหุ้นส่วนกลยุทธ์ทางธุรกิจ ในการพัฒนาพื้นที่การเรียนรู้ และการศึกษาขึ้นอย่างหลากหลายในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ทั้งสองแห่ง เช่น ศูนย์การเรียนรู้ด้านการบริหารจัดการน้ำ ห้องการเรียนรู้อัจฉริยะ (smart classroom) พื้นที่สวนสาธารณะเพื่อการนันทนาการ
เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2567 บริษัทฯ ได้จัดอบรมหลักสูตรความรู้ด้านสิทธิมนุษยชนให้แก่ผู้บริหารและพนักงาน ในหัวข้อ การสร้างวัฒนธรรมแห่งความเคารพและการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนในสถานที่ทำงาน (Building a Culture of Respect : Upholding Human Rights at the Workplace) โดยวิทยากรผู้ชำนาญการจาก UN Global Compact มีเนื้อหาเกี่ยวกับความหมาย แนวคิด และความสำคัญของหลักสิทธิมนุษยชน ประเภทของสิทธิมนุษยชน ตลอดจนความเสี่ยงและผลกระทบต่อผู้มีส่วนได้เสียตลอดห่วงโซ่อุปทาน รวมถึงการสร้างความตระหนักรู้ถึงความรับผิดชอบและการเคารพสิทธิมนุษยชนในทุกกิจกรรมทางธุรกิจ โดยเฉพาะในที่ทำงาน โดยมีพนักงานจากทุกหน่วยงานเข้าร่วมการอบรมทั้งหมด 82 คน คิดเป็นร้อยละ 27 ของพนักงานทั้งหมด
ในปี 2567 บริษัทฯ ไม่พบข้อร้องเรียนที่เกี่ยวข้องกับการไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานแรงงาน รวมถึงการใช้แรงงานเด็กและแรงงานบังคับ ทั้งในบริษัทฯ และในห่วงโซ่อุปทานแต่อย่างใด แต่บริษัทฯ ได้รับข้อร้องเรียนจากชุมชนเกี่ยวกับดินร่วงหล่นบนถนนและปัญหาฝุ่นละออง ที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพและความปลอดภัยของผู้ใช้ถนนและชุมชนโดยรอบ จากการดำเนินงานของผู้รับเหมาที่กำลังพัฒนาที่ดินเพื่อก่อสร้างนิคมอุตสาหกรรมแห่งใหม่ในจังหวัดชลบุรี จำนวน 1 กรณี
เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว บริษัทฯ ได้กำชับให้ผู้รับเหมาดำเนินการตามมาตรการที่กำหนดในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) อย่างเคร่งครัด โดยการกำหนดความเร็วสำหรับรถบรรทุกดินของผู้รับเหมาพร้อมทั้งแจ้งให้มีการคลุมผ้าใบ จัดให้มีจุดทำความสะอาดล้อรถบรรทุกดินและพนักงานทำความสะอาดถนนที่รถบรรทุกดินวิ่งผ่านพร้อมการฉีดพรมน้ำทั้งในช่วงเวลาเช้าและเย็น กำหนดช่วงเวลาวิ่งของรถบรรทุกดินให้หลีกเลี่ยงช่วงเวลาเร่งด่วนและควบคุมปริมาณการบรรทุกให้เป็นไปตามกฎหมาย และมอบหมายให้ฝ่ายวิศวกรรมติดตามตรวจสอบอย่างใกล้ชิด หากผู้รับเหมาไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดดังกล่าว บริษัทฯ จะพิจารณายกเลิกสัญญาว่าจ้างต่อไป
นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้ประสานงานกับผู้รับเหมาที่สร้างผลกระทบเพื่อให้รับผิดชอบเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบทั้งด้านการเงินและการติดตั้งอุปกรณ์ป้องกันเพิ่มเติม พร้อมทั้งจัดให้มีมาตรการเพื่อป้องกัน แก้ไข และลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อชุมชนในอนาคต เช่น จัดประชุมผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกภาคส่วนอย่างต่อเนื่อง จัดตั้งไลน์กลุ่มสำหรับประสานงานโดยเฉพาะ และการกำหนดมาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการดำเนินงานของบริษัทฯ เพื่อให้มั่นใจว่าการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมเป็นไปอย่างมีความรับผิดชอบต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อม
+84 251 3991 007 (ใต้)
+84 203 3567 007 (เหนือ)
+95 1 230 5627
© AMATA CORPORATION PCL. All rights reserved. Web by Toneyes