ความเสี่ยง

ปัจจุบันผู้ประกอบการและนักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศต่างให้ความสำคัญกับแนวโน้มของโลกที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการ (ESG) มากขึ้น ตลอดจนกฎหมายที่เปลี่ยนแปลงที่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ รวมถึงภาคประชาชนที่มีความสนใจต่อผลกระทบจากการดำเนินธุรกิจที่มีผลกระทบต่อสุขภาพและความเป็นอยู่ของตนเองมากขึ้น ดังนั้น บริษัทฯ อาจสูญเสียโอกาสทางธุรกิจ และความสามารถในการแข่งขัน หากไม่สามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่สามารถตอบสนองความต้องการของทั้งลูกค้าปัจจุบัน และลูกค้าในอนาคตที่เปลี่ยนแปลงไปหรือเพิ่มเติมจากความต้องการขั้นพื้นฐานได้ เช่น ความต้องการของลูกค้าที่เกี่ยวเนื่องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พลังงาน และการปล่อยก๊าซเรือนกระจก นอกจากนี้การเข้ามาของคู่แข่งทางธุรกิจบริการและสาธารณูปโภครายใหม่ ที่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้รวดเร็วกว่า ทำให้การแข่งขันในตลาดรุนแรงยิ่งขึ้น บริษัทฯ อาจสูญเสียรายได้จากการขายสินค้าและบริการอย่างมีนัยสำคัญ

โอกาส

บริษัทฯ มีกลุ่มลูกค้าที่เป็นบริษัทชั้นนำในอุตสาหกรรมที่หลากหลาย การมีส่วนร่วมกับลูกค้าอย่างใกล้ชิดส่งผลให้บริษัทฯ สามารถติดตามและรับรู้การเปลี่ยนแปลงความต้องการของลูกค้าได้ เพิ่มโอกาสในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว และครบวงจร พร้อมทั้งพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่เป็นนวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อรองรับลูกค้าในอุตสาหกรรมเป้าหมายใหม่ (New S-Curve industries) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเพิ่มความสามารถในการแข่งขันในระยะยาว นอกจากนี้ การมีผลิตภัณฑ์และบริการที่ใช้นวัตกรรมเทคโนโลยีสะอาดที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม จะทำให้ชุมชนมีความเชื่อมั่นในการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ และสามารถอยู่ร่วมกับอุตสาหกรรมได้ในระยะยาว

แนวทางการบริหารจัดการ

บริษัทฯ มุ่งมั่นพัฒนานิคมอุตสาหกรรมอมตะ ภายใต้แนวคิดเมืองสมบูรณ์แบบที่สามารถสร้างประโยชน์ให้กับผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่มแบบ ALL WIN ด้วยหลักการให้ความสำคัญกับผู้มีส่วนได้เสียเป็นศูนย์กลาง (Stakeholder Centric) การพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการจึงมุ่งเน้นตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เป็นผู้ประกอบการ สามารถแก้ปัญหาและสนับสนุนความสำเร็จทางธุรกิจให้กับลูกค้าได้ในระยะยาว และตอบสนองความต้องการของผู้มีส่วนได้เสียทางตรงที่ได้รับผลกระทบจากการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ให้ได้รับประสบการณ์ที่ดีในการอยู่ร่วมกับภาคอุตสาหกรรมและเกิดคุณค่าทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม

          บริษัทฯ ได้กำหนดกรอบการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการ “Products & Services Development Framework” ในการออกแบบสินค้าและบริการที่สามารถส่งมอบคุณค่าสูงสุดให้กับลูกค้าและผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม โดยให้ความสำคัญกับการสร้างความเชื่อมโยงกับลูกค้า (Stakeholder Engagement) ด้วยวิธีการต่าง ๆ เพื่อสำรวจ ประเมิน และวิเคราะห์ความต้องการของลูกค้าทั้งกลุ่มลูกค้าปัจจุบันและลูกค้าที่มีศักยภาพในอนาคตทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลก ประกอบกับการวิเคราะห์แนวโน้ม และ Mega Trends ที่มีนัยสำคัญต่อธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ นำข้อมูลที่ได้มาประเมินผลกระทบ ความเร่งด่วน และระดับความสำคัญ เพื่อระบุวัตถุประสงค์หลักในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการ และเตรียมพร้อมทางด้านการตลาด การร่วมมือกับหุ้นส่วนกลยุทธ์ทางธุรกิจ และการบริหารจัดการนวัตกรรมเชิงกลยุทธ์ (Strategic Innovation) เพื่อออกแบบสินค้าและบริการที่สร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน และมีการติดตามรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะ เพื่อการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทฯ พัฒนา Sprint Team จากกลุ่มพนักงานศักยภาพสูง (Talent) และพนักงานที่มีความคิดสร้างสรรค์ เพื่อร่วมกันพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบโจทย์ลูกค้าได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น

การสร้างความเชื่อมโยงกับลูกค้า

บริษัทได้พัฒนา Customer Communities เพื่อใช้เป็นช่องทางในการเชื่อมโยงกับลูกค้าปัจจุบันที่ดำเนินธุรกิจในนิคมอุตสาหกรรมของอมตะเพื่อความสัมพันธ์อันดี และการสื่อสารเพื่อสำรวจความคิดเห็น ความต้องการ และปัญหาต่าง ๆ ของลูกค้า โดยประเด็นที่ได้จะถูกนำไปพิจารณาเพื่อพัฒนา ปรับปรุง และต่อยอดสินค้าและการให้บริการต่าง ๆ ผลการดำเนินงานในปี 2566 มีดังนี้

  • Customer Communities

    วัตถุประสงค์: เพื่อเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนข้อมูลกับลูกค้าญี่ปุ่นของบริษัทที่ดำเนินกิจการในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ชลบุรี และ อมตะซิตี้ ระยอง เนื่องลูกค้ากลุ่มใหญ่เป็นบริษัทญี่ปุ่นถึง ร้อยละ 63 และร้อยละ 30 ตามลำดับ

    สมาชิก: ผู้ประกอบการญี่ปุ่นในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ชลบุรี จำนวน 190 บริษัท และผู้ประกอบการญี่ปุ่นในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ระยอง จำนวน 46 บริษัท  รวมทั้งหมด จำนวน 236 บริษัท


    ความต้องการและความคาดหวัง

    บริการหลังการขายที่มีคุณภาพ:

    • การเชื่อมโยงโซลูชั่นด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อสนับสนุนการผลิตของลูกค้า
    • การพัฒนาพื้นที่เพื่อรองรับการขยายตัวของสังคมลูกค้าและผู้ประกอบการต่างชาติในนิคมอุตสาหกรรม

    ผลิตภัณฑ์และบริการที่บริษัทฯ พัฒนาเพื่อตอบสนอง

    Hotel Nikko Amata City Chonburi

    • บริษัทฯ ร่วมกับ บริษัท Fujita Corporation Co., Ltd. และ Japanese Overseas Infrastructure Investment Corporation for Transport & Urban Development (JOIN) เพื่อพัฒนาโรงแรม Hotel Nikko Amata City Chonburi ซึ่งเป็นโรงแรมระดับ 4 ดาว และพื้นที่อำนวยความสะดวกในการพักอาศัยใกล้สถานที่ทำงานของผู้ประกอบการและนักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติในพื้นที่ภาคตะวันออก ซึ่งเปิดบริการตั้งแต่ปี 2565 นอกจากนั้นยังใช้เป็นที่พักสำหรับการจัด event ระดับนานาชาติอีกหลายงานในปี 2566 เช่น ใช้เป็นที่พักอย่างเป็นทางการของการจัดแข่งขันกอล์ฟ ร่วมกับสนามกอล์ฟอมตะ สปริง คันทรีคลับ ในรายการ The DP World tour Thailand เป็นต้น

    บริการให้คำปรึกษาด้านการใช้พลังงานสะอาด

    • บริษัทฯ ให้คำปรึกษาด้านการใช้พลังงานสะอาด รวมถึงมีการสนับสนุนข้อมูลเกี่ยวกับผู้ให้บริการด้านพลังงานสะอาดที่เหมาะสมแก่ลูกค้า
  • Customer Communities

    วัตถุประสงค์: : เพื่อเป็นศูนย์กลางการแลกเปลี่ยนความรู้ด้านวิชาการทางการบริหารทรัพยากรมนุษย์ ระหว่างโรงงานผู้ประกอบการในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ชลบุรี เพื่อส่งเสริมการศึกษา การค้นคว้า การวิจัย และแลกเปลี่ยนความรู้ด้านวิชาการทางการบริหารทรัพยากรมนุษย์ และการสัมมนาเสริมสร้างทักษะ ความรู้ ด้านการบริหารจัดการทรัพยากรมนุษย์จากวิทยากรมืออาชีพ

    สมาชิก: มีสมาชิกทั้งสิ้น 325 บริษัท โดยมีการจัดกิจกรรมประชุมประจำเดือน รวมทั้งสิ้น 9 ครั้ง


    ความต้องการและความคาดหวัง

    บริการหลังการขายที่มีคุณภาพ:

    • การสนับสนุนข้อมูลความรู้เกี่ยวกับกฎหมายความปลอดภัยที่เพิ่มเติมหรือออกใหม่ และความรู้ด้านความปลอดภัยต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง

    การบริหารจัดการขยะ

    • การสนับสนุนข้อมูลความรู้เกี่ยวกับกฎหมายสิ่งแวดล้อมและกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง

    ผลิตภัณฑ์และบริการที่บริษัทฯ พัฒนาเพื่อตอบสนอง

    บริการจัดอบรมด้านความปลอดภัยและอาชีวอนามัย

    • บริษัทพัฒนาหลักสูตรการฝึกอบรมด้านความปลอดภัยและ อาชีวอนามัยให้ครอบคลุมมากขึ้น ทั้งตามกฎหมายกำหนด ตามความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น ตามมาตรฐานความปลอดภัยต่าง ๆ โดยดำเนินการขึ้นทะเบียนตามกฎหมายกำหนด ปัจจุบันเปิดให้บริการทั้งสิ้น 21 หลักสูตร และพัฒนาศูนย์ฝึกอบรมพร้อมลานฝึกปฏิบัติให้มีอุปกรณ์ครบครัน พร้อมใช้งานได้มากขึ้น

    บริการจัดฝึกอบรมด้านสิ่งแวดล้อมและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

    • การอบรมหลักสูตร “การบริหารจัดการกากอุตสาหกรรมและระบบการจัดการวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว ตามประกาศฉบับใหม่”
    • การอบรมหลักสูตร “การตรวจประเมินผู้รับกำจัดกากอุตสาหกรรม”
  • Customer Communities

    วัตถุประสงค์: เพื่อให้คำปรึกษา สนับสนุน และประสานประโยชน์ทั้งในส่วนของสมาชิก นายจ้าง ลูกจ้าง หน่วยราชการ และองค์กรอื่น ๆ เพื่อความสำเร็จในการจัดการกับปัญหาในด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน ในทุกโรงงานผู้ประกอบการให้มีมาตรฐานด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน เป็นไปตามกฎหมายกำหนด

    สมาชิก: โรงงานผู้ประกอบการในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ชลบุรี ทั้งสิ้น 215 บริษัท


    ความต้องการและความคาดหวัง

    การบริหารความเสี่ยงและภาวะฉุกเฉินของนิคมฯ

    • การฝึกอบรมหลักสูตรต่าง ๆ ที่ตรงตามความต้องการของลูกค้า

    ผลิตภัณฑ์และบริการที่บริษัทฯ พัฒนาเพื่อตอบสนอง

    บริการจัดการอบรมด้านสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัย

    • บริษัทฯ ได้พัฒนาบริการฉีดพ่นฆ่าเชื้อในพื้นที่โรงงานเพื่ออำนวยความสะดวก และดูแลลูกค้าให้ปลอดภัยในช่วงการระบาดของโรค COVID-19

    บริการจัดการอบรมด้านสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัย

    • การอบรมหลักสูตร “เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน ระดับหัวหน้างาน (จป.หัวหน้างาน)”
    • การอบรมหลักสูตร “วิทยากรความปลอดภัยภายในสถานประกอบการ”
  • Customer Communities

    วัตถุประสงค์เพื่อเป็นศูนย์กลางการแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านการจัดการทรัพยากรมนุษย์ที่เป็นประโยชน์ร่วมกันระหว่างโรงงานผู้ประกอบการในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ระยอง รวมทั้งการให้คำปรึกษาหรือแนวทางในการประกอบกิจการโรงงานให้สอดคล้องตามข้อกำหนดกฎหมาย สัมมนาเสริมสร้างทักษะ ความรู้ ด้านการบริหารจัดการทรัพยากรมนุษย์จากวิทยากรมืออาชีพ

    สมาชิก: โรงงานผู้ประกอบการในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ระยอง จำนวน 98 บริษัท คิดเป็นร้อยละ 19.5 ของผู้ประกอบการทั้งหมด และมีการจัดกิจกรรมประชุมร่วมกันจำนวน 10 ครั้ง


    ความต้องการและความคาดหวัง

    การบริหารความเสี่ยงและภาวะฉุกเฉินของนิคมฯ และโรงงาน

    • การฝึกอบรมอพยพหนีไฟแบบบูรณาการ และการจัดทำแผนป้องกันเหตุฉุกเฉินร่วมกัน

    การแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านการบริหารจัดการทรัพยากรบุคคล

    • สนับสนุนข้อมูลความรู้เกี่ยวกับการบริหารจัดการทรัพยากรบุคคลในด้านต่างๆ

    ผลิตภัณฑ์และบริการที่บริษัทฯ พัฒนาเพื่อตอบสนอง

    บริการการฝึกอบรมดับเพลิง

    • บริษัทฯ พัฒนารูปแบบการให้บริการการฝึกซ้อมอพยพหนีไฟ และการดับเพลิงภายในโรงงานแบบบูรณาการ โดยจัดทำแผนบริหารภาวะฉุกเฉินร่วมกับลูกค้า เพื่อป้องกัน และลดผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต

    จัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้

    • ประชุมแลกเปลี่ยนข้อมูลมาตรการและแนวการการบริหารจัดการพนักงานโรงงานในภาวะฉุกเฉิน
    • ประชุมแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับการบริหารจัดการทรัพยากรบุคคล เช่น นโยบายค่าตอบแทนและสวัสดิการพนักงาน กฎหมายที่เกี่ยวข้อง การวางแผนเกษียณ เป็นต้น

  • Customer Communities

    วัตถุประสงค์: : เพื่อสร้างเครือข่ายการทำงานด้าน CSR ระหว่างโรงงานผู้ประกอบการ สถานพยาบาล สถานศึกษา และอมตะ ที่มุ่งเน้นความร่วมมือในการช่วยกันดูแลและพัฒนาชุมชนที่อยู่โดยรอบนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ชลบุรี และส่งเสริมความรู้เกี่ยวกับการดำเนินกิจกรรมความรับผิดชอบต่อสังคมและชุมชนสัมพันธ์เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน เพื่อช่วยให้แต่ละสถานประกอบการสามารถดำเนินกิจกรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นระบบมากขึ้น

    สมาชิก: โรงงานผู้ประกอบการในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ชลบุรี จำนวน 194 บริษัท คิดเป็นร้อยละ 27.7 ของผู้ประกอบการทั้งหมด และมีการจัดกิจกรรมประชุมร่วมกัน จำนวน 3 ครั้งในปี 2566


    ความต้องการและความคาดหวัง

    บริการหลังการขายที่มีคุณภาพ

    • สนับสนุนข้อมูลความรู้เกี่ยวกับความเข้าใจในการทำกิจกรรม การดำเนินกิจกรรมความรับผิดชอบต่อสังคม การสร้างคุณค่าร่วม (Creating shared value) และกิจกรรมชุมชนสัมพันธ์เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนและสร้างความยั่งยืนขององค์กร
    • การสร้างสรรค์กิจกรรมความรับผิดชอบต่อสังคมและกิจกรรมชุมชนสัมพันธ์ร่วมกันกับสถานประกอบการ เพื่อดูแลช่วยเหลือชุมชนโดยรอบนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ชลบุรี

    ผลิตภัณฑ์และบริการที่บริษัทฯ พัฒนาเพื่อตอบสนอง

    จัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้

    • กิจกรรมทำ CSR อย่างไรให้ประสบผลสำเร็จ และมีความยั่งยืน

    จัดเวทีวิชาการ

    • บริษัทฯ ร่วมกับที่ปรึกษาด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืนองค์กร และ GRI Certified Sustainability Professional จัดอบรมในหัวข้อ “จาก CSR สู่ ESG เพื่อ SD อย่างยั่งยืน”

    จัดเวทีวิชาการ

    • บริษัทฯ ร่วมกับที่ปรึกษาด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืนองค์กร และ GRI Certified Sustainability Professional จัดอบรมในหัวข้อ “จาก CSR สู่ ESG เพื่อ SD อย่างยั่งยืน”

    จัดกิจกรรม / โครงการดูแลชุมชนภายใต้ชมรมฯ 

    • 3 ครั้ง ในปี 2566  เพื่อร่วมกันพัฒนาชุมชนด้านคุณภาพสถานศึกษาและการสร้างโอกาสการเข้าถึงการศึกษาที่ดีขึ้นของเยาวชนในชุมชนท้องถิ่น
  • Customer Communities

    วัตถุประสงค์: เพื่อสร้างเครือข่ายการทำงานด้าน CSR ระหว่างโรงงานผู้ประกอบการ สถานพยาบาล สถานศึกษา และอมตะ ที่มุ่งเน้นความร่วมมือในการช่วยกันดูแลและพัฒนาชุมชนที่อยู่โดยรอบนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ชลบุรี และส่งเสริมความรู้เกี่ยวกับการดำเนินกิจกรรมความรับผิดชอบต่อสังคมและชุมชนสัมพันธ์เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน เพื่อช่วยให้แต่ละสถานประกอบการสามารถดำเนินกิจกรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นระบบมากขึ้น

    สมาชิก: ผู้ประกอบการในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ระยอง จำนวน 108 บริษัท คิดเป็นร้อยละ 28 ของผู้ประกอบการทั้งหมด และมีการจัดกิจกรรมประชุมร่วมกัน จำนวน 3 ครั้งในปี 2566


    ความต้องการและความคาดหวัง

    บริการหลังการขายที่มีคุณภาพ

    • สนับสนุนข้อมูลความรู้เกี่ยวกับความเข้าใจในการทำกิจกรรม การดำเนินกิจกรรมความรับผิดชอบต่อสังคม การสร้างคุณค่าร่วม (Creating shared value) และกิจกรรมชุมชนสัมพันธ์เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนและสร้างความยั่งยืนขององค์กร
    • การสร้างสรรค์กิจกรรมความรับผิดชอบต่อสังคมและกิจกรรมชุมชนสัมพันธ์ร่วมกันกับสถานประกอบการ เพื่อดูแลช่วยเหลือชุมชนโดยรอบนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ระยอง

    ผลิตภัณฑ์และบริการที่บริษัทฯ พัฒนาเพื่อตอบสนอง

    จัดกิจกรรม / โครงการดูแลชุมชนภายใต้ชมรมฯ

    • 3 ครั้ง ในปี 2566 เพื่อร่วมกันพัฒนาชุมชนด้านสถานศึกษาและการสร้างโอกาสการเข้าถึงการศึกษาของเยาวชน พัฒนาชุมชนด้านสิ่งแวดล้อม ฟื้นฟูและดูแลรักษาคุณภาพแหล่งน้ำของชุมชน

นอกจากนี้ ในปี 2565 บริษัทฯ ได้ดำเนินการเก็บข้อมูลเชิงลึกโดยการสัมภาษณ์ลูกค้าที่เป็นตัวแทนของกลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆ เพื่อนำข้อมูลเชิงลึกไปดำเนินการวิเคราะห์ประกอบการปรับปรุงแผนกลยุทธ์องค์กร และพัฒนาผลิตภัณ

นอกจากนี้ ในปี 2566 บริษัทฯ ได้ดำเนินการเก็บข้อมูลเชิงลึกโดยการสัมภาษณ์ลูกค้าที่เป็นตัวแทนของกลุ่มอุตสาหกรรมต่าง ๆ  เพื่อนำข้อมูลเชิงลึกไปดำเนินการวิเคราะห์ประกอบการปรับปรุงแผนกลยุทธ์องค์กร และพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ บริษัทฯ พบว่า วิกฤตทางด้านสิ่งแวดล้อมที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นในปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ส่งผลให้เกิดการตื่นตัวทั่วโลกในการบริหารจัดการประเด็นด้านสิ่งแวดล้อมในทุกภาคส่วนเพื่อลดโอกาสและความรุนแรงของผลกระทบที่เกิดขึ้น กลายเป็นแรงผลักดันให้หน่วยงานภาครัฐในหลายประเทศทั่วโลกประกาศใช้นโยบาย มาตรการ ระเบียบปฏิบัติ รวมถึงกฎหมายใหม่ ๆ และความต้องการให้เปิดเผยข้อมูลด้านความยั่งยืน เพิ่มมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เพื่อป้องกันและควบคุมผลกระทบทางลบที่อาจจะเกิดขึ้นต่อสิ่งแวดล้อม ผู้ประกอบการโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซึ่งเป็นฐานการผลิตที่สำคัญของนักลงทุนชั้นนำจากทั่วโลก ที่มีการนำเข้าและส่งออกสินค้าไปยังประเทศต่าง ๆ จึงมีความจำเป็นต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบ และกฎหมายของประเทศคู่ค้าสำคัญต่าง ๆ และปฏิบัติตามนโยบายทางด้านสิ่งแวดล้อมจากบริษัทแม่ในต่างประเทศอย่างเคร่งครัด ตลอดจนต้องผลิตสินค้าและบริการให้สอดคล้องกับความต้องการที่เพิ่มขึ้นในด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาลของลูกค้าในประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก  ผู้ประกอบการโรงงานจึงมีความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์และการบริการที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม มีการบริหารจัดการที่เป็นไปตามหลักการเศรษฐกิจหมุนเวียน และมีข้อมูลที่ชัดเจนสามารถอ้างอิงได้ในการเปิดเผยข้อมูลด้านความยั่งยืน

ฑ์และบริการที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ บริษัทฯ พบว่า วิกฤตทางด้านสิ่งแวดล้อมที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นในปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ส่งผลให้เกิดการตื่นตัวทั่วโลกในการบริหารจัดการประเด็นด้านสิ่งแวดล้อมในทุกภาคส่วนเพื่อลดโอกาสและความรุนแรงของผลกระทบที่เกิดขึ้น กลายเป็นแรงผลักดันให้หน่วยงานภาครัฐในหลายประเทศทั่วโลกประกาศใช้นโยบาย มาตรการ ระเบียบปฏิบัติ รวมถึงกฎหมายใหม่ ๆ เพิ่มมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เพื่อป้องกันและควบคุมผลกระทบทางลบที่อาจจะเกิดขึ้นต่อสิ่งแวดล้อม ผู้ประกอบการโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซึ่งเป็นฐานการผลิตที่สำคัญของนักลงทุนชั้นนำจากทั่วโลก ที่มีการนำเข้าและส่งออกสินค้าไปยังประเทศต่าง ๆ จึงมีความจำเป็นต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบ และกฎหมายของประเทศคู่ค้าสำคัญต่าง ๆ และปฏิบัติตามนโยบายทางด้านสิ่งแวดล้อมจากบริษัทแม่ในต่างประเทศอย่างเคร่งครัด จึงมีความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์และการบริการที่เป็นไปตามหลักการเศรษฐกิจหมุนเวียน ช่วยลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นสำคัญ 

การพัฒนาเมืองอัจฉริยะอมตะ

บริษัทมุ่งมั่นสู่การเป็นผู้พัฒนาเมืองอัจฉริยะ (Smart City) เพื่อสนองตอบแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญของโลกและความเสี่ยงที่เกิดขึ้นใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงการพัฒนาธุรกิจที่รองรับความท้าทายทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม และความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของลูกค้าในอนาคตยุคชีวิตวิถีถัดไปหลังจากการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 (Next Normal) โดยพัฒนาพื้นที่การลงทุนโซนใหม่ที่มีมาตรฐานระดับสากล พัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม ตลอดจนแรงงานที่มีคุณภาพ ให้เมืองอัจฉริยะอมตะเป็นพื้นที่การลงทุนที่สมบูรณ์แบบในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกหรือ EEC และเป็นศูนย์การเรียนรู้ในภูมิภาคนี้ สร้างความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจในภูมิภาคและสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจแก่ประเทศไทยต่อไป ซึ่งแนวคิดเมืองอัจฉริยะอมตะ (AMATA Smart City) นั้น จะเริ่มต้นจากการพัฒนาและยกระดับนิคมอุตสาหกรรมในปัจจุบันของบริษัทฯ ได้แก่ นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ชลบุรี และต่อยอดไปยังพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมอื่น ๆ ของบริษัทฯ ในอนาคต

  • วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2566 พิธีลงนามในบันทึกความเข้าใจระหว่างบริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) และบริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) เพื่อศึกษาความเป็นเป็นได้โครงการ อมตะ ยูโรเปี้ยน สมาร์ทซิตี้ รองรับนักลงทุนกลุ่มอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูงจากยุโรป
  • วันที่ 10 กันยายน 2566 พิธีลงนามในบันทึกความเข้าใจระหว่างบริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) และบริษัท Dajia International Investment Co., Ltd. เพื่อศึกษาความเป็นไปได้โครงการ อมตะ ไทเป สมาร์ทซิตี้ และการพัฒนานวัตกรรมอัจฉริยะ
  • วันที่ 13 กันยายน 2566 พิธีลงนามในบันทึกความเข้าใจระหว่างบริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) และ Federation of Hongkong Industries เพื่อสนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรมในไทยและฮ่องกง และเพื่อเสริมสร้างความเข้าใจและความร่วมมือกันระหว่างชุมชนธุรกิจของทั้งสองฝ่าย
  • วันที่ 18 กันยายน 2566 พิธีลงนามในบันทึกความเข้าใจระหว่างบริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) และ Guangdong Mechanical and Electrical Polytechnic และวิทยาลัยอาชีวศึกษาเทคโนโลยีฐานวิทยาศาสตร์ (ชลบุรี) เพื่อยกระดับความสามารถบุคลากรให้พร้อมสำหรับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในยุคดิจิทัล

การพัฒนาธุรกิจในต่างประเทศ

บริษัทฯ มองเห็นโอกาสจากการเติบโตของกลุ่มประเทศ CLMV ซึ่งมีทำเลที่ตั้งที่มีศักยภาพสูงในการเชื่อมต่อโครงข่ายธุรกิจกับห่วงโซ่อุปทานของโลก และอยู่ในความสนใจของนักลงทุนชั้นนำ ประกอบกับนโยบายที่ส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศลุ่มแม่น้ำโขงที่มีการเชื่อมต่อมากขึ้น กลุ่มประเทศในภูมิภาคนี้จึงมีศักยภาพสูงในการรองรับการเติบโตอย่างต่อเนื่องในอนาคต บริษัทฯ จึงได้มีการขยายธุรกิจการพัฒนาเมืองอุตสาหกรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมไปสู่กลุ่มประเทศ CLMV โดยนำความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในการพัฒนาเมือง และนำต้นแบบเมืองอัจฉริยะอมตะไปเปิดโอกาสทางธุรกิจใหม่ในกลุ่มประเทศดังกล่าว

โครงการในประเทศเวียดนาม

ในหลายปีที่ผ่านมา ประเทศเวียดนามมีความโดดเด่นจากมูลค่าการลงทุนจากต่างประเทศ (Foreign Direct Investment) ในประเทศเวียดนามในภาคการผลิตเพิ่มสูงขึ้นตามลำดับ โดยเฉพาะนักลงทุนจากประเทศจีน เกาหลี และญี่ปุ่น  โดยหลังจากการระบาดของ COVID-19 ประเทศเวียดนามยังคงขยายการเติบโตทางเศรษฐกิจได้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปี 2565 ที่ผลผลิตมวลรวมของประเทศ (GDP) เพิ่มขึ้นถึงกว่าร้อยละ 8 จากการขยายฐานการผลิตของอุตสาหกรรมที่มีเทคโนโลยีสูง เช่น บริษัทชั้นนำในกลุ่มเทคโนโลยี smart phone และเซมิคอนดักเตอร์ จากประเทศสหรัฐอเมริกา และประเทศเกาหลี  ที่ให้ความสนใจการลงทุนในเวียดนามเป็นอย่างยิ่ง อย่างไรก็ดีในปี 2566 ผลผลิตมวลรวมของประเทศ (GDP) ลดลงมาจากปีที่แล้ว ที่ร้อยละ 5  จากมูลค่าการส่งออกที่ลดระดับลงมา ในขณะที่การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) มีอัตราการเติบโตที่สูงขึ้นถึงร้อยละ 30 จากปีก่อน  โดยจากการคาดการณ์ของธนาคารโลก ประเมินศักยภาพของประเทศเวียดนามจะมีการขยายตัวอย่างมีนัยยะสำคัญ และต่อเนื่องของผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศเพิ่มขึ้นในร้อยละ 5.5 ในปี 2567 ประเทศเวียดนามจึงเป็นหนึ่งในประเทศในภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงที่เป็นเป้าหมายสำคัญในการพัฒนาโครงการฯ และการลงทุนของบริษัทฯ

บริษัทฯ ได้มีการขยายการลงทุนไปในประเทศเวียดนามตั้งแต่ปี 2537 ซึ่งนับเป็นเวลา 29 ปีที่บริษัทฯ มีประสบการณ์ในการลงทุนในประเทศเวียดนาม ปัจจุบันบริษัทฯ พัฒนาโครงการนิคมอุตสาหกรรมและเมืองภายใต้แนวคิด “Perfect Smart City” ในประเทศเวียดนามจำนวน 6 โครงการ มีที่ดินที่ได้รับอนุมัติ Investment Registration Certificate แล้วทั้งหมด 2,616 เฮกตาร์ หรือ 16,350 ไร่ ในภูมิภาคเวียดนามใต้ และเวียดนามเหนือ ซึ่งในช่วงปี 2566 โครงการของบริษัทฯ ในประเทศเวียดนาม ซึ่งบริหารงานโดยบริษัท อมตะ วีเอ็น จำกัด (มหาชน) มีการเติบโตเพิ่มขึ้น จากการขยายตัวของกลุ่มอุตสาหกรรมเทคโนโลยี และพลังงานสะอาด ที่ได้รับผลกระทบเชิงบวกจากการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคในช่วงวิกฤต COVID-19 และอำนาจซื้อที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากการเติบโตของเศรษฐกิจโดยรวมของตลาดภายในประเทศเวียดนาม

แนวโน้มการลงทุนเวียดนามทั้งการลงทุนจากภายในและการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ยังคงมีอัตราการเติบโตสูงต่อเนื่องจึงเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ยอดการเช่าพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมที่มีเป้าหมายในการพัฒนาอุตสาหกรรมไฮเทคที่เป็นมิตรสิ่งแวดล้อม ได้แก่ นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ฮาลอง จังหวัดกว่างหนิง และนิคมอุตสาหกรรมอมตะอมตะ ซิตี้ ลองถั่น จังหวัดดองไน ซึ่งอยู่พื้นที่ภาคเหนือและภาคใต้ของเวียดนามตามลำดับ ยังคงได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างต่อเนื่องด้วยข้อได้เปรียบในหลายด้าน ทั้งในทำเลที่ตั้ง แรงจูงใจสิทธิประโยชน์ในการลงทุน โครงสร้างพื้นฐานที่เป็นไปตามมาตรฐานสากล และบริการด้านอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งการเข้ามาลงทุนของนักลงทุนในทั้งสองพื้นที่นั้น จะมีส่วนช่วยในการพัฒนาภาคอุตสาหกรรมของเวียดนาม รวมถึงการมีส่วนร่วมในการช่วยยกระดับความสามารถและคุณภาพชีวิตของแรงงานในท้องถิ่นได้เป็นอย่างดี โดยคาดว่าจะมีอัตราการจ้างงานกว่า 1,000 ตำแหน่ง ในอนาคต

ในปี 2566 นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ เบียนหัว ได้รับรางวัลแห่งความสำเร็จด้านการบริหารธุรกิจอย่างยั่งยืน (Sustainable Businesses in Vietnam in the Trade and Services Sector) จัดโดยหอการค้าและอุตสาหกรรมเวียดนาม (VCCI) สภาธุรกิจยั่งยืนเวียดนาม (VBCSD) ภายใต้การกำกับดูแลของรัฐบาลกลาง กระทรวงแรงงาน และสำนักงานสภาสวัสดิการสังคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ณ เมืองฮานอย ประเทศเวียดนาม นับเป็นความภาคภูมิใจของบริษัทฯ ที่ได้ดำเนินธุรกิจตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนมาอย่างต่อเนื่อง และถือเป็นก้าวสำคัญที่จะผลักดันให้บริษัทฯ มุ่งมั่นพัฒนาศักยภาพและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันการดำเนินธุรกิจ เพื่อให้เติบโตต่อไปได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน

โครงการในประเทศลาว

หลังจากประเทศจีนได้ประกาศโครงการ Belt & Road Initiative (BRI) ในปี 2556 เพื่อเพิ่มศักยภาพการเชื่อมต่อเศรษฐกิจจีน กับภูมิภาคต่าง ๆ ของโลก ซึ่งประเทศลาวเป็นหนึ่งในเส้นทางทางบกที่จะเชื่อมต่อสินค้าจากประเทศจีนผ่านภาคเหนือของประเทศลาว มายังภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ผ่านทางรถไฟความเร็วปานกลาง จึงทำให้เกิดการลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานโดยเฉพาะทางรถไฟจีน-ลาว ตั้งแต่เมืองบ่อเต็นซึ่งเป็นพรมแดนระหว่างประเทศจีนและลาว ไปจนถึงนครเวียงจันทร์ รวมระยะทางกว่า 1,035 กิโลเมตร และเริ่มเดินรถในช่วงปลายปี 2564

การเกิดขึ้นของทางรถไฟจีน-ลาว นับว่าเป็นโอกาสการเชื่อมต่อเศรษฐกิจในประเทศจีนและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีศักยภาพสูง และด้วยวิสัยทัศน์ของบริษัทฯ ในการพัฒนาเมืองสมบูรณ์แบบที่สร้างโอกาสให้กับผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม บริษัทฯ เล็งเห็นถึงศักยภาพในการพัฒนาธุรกิจในประเทศลาว จึงได้จัดตั้ง AMATA City Lao Sole Co., Ltd. ขึ้นในปี 2563 เพื่อพัฒนาเมืองอัจฉริยะและนิคมอุตสาหกรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในประเทศลาว ในแต่ละโครงการฯ สามารถเชื่อมต่อกับโครงข่ายไฟฟ้าของประเทศลาว มีแหล่งผลิตจากพลังงานหมุนเวียน (พลังน้ำ) พร้อมทั้งพัฒนาโครงข่ายอัจฉริยะภายในโครงการที่สามารถรองรับความต้องการพลังงานหมุนเวียนของสถานประกอบการ

เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2566 คุณมะไลทอง กมมะสิด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า   แห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว, คุณอาสา สารสิน ประธานกรรมการ บริษัท อมตะซิตี้ ลาว จำกัด, และคุณวิกรม กรมดิษฐ์ ประธานกรรมการ บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวและกลุ่มอมตะร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) การพัฒนานิคมอุตสาหกรรม เมืองสมัยใหม่และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ระหว่างกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า (สปป. ลาว) และ บริษัท อมตะ ซิตี้ ลาว จำกัด โดยมีคุณบัววัน วิลาวงศ์ ว่าการแทนปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และคุณวรงค์ ตังประพฤทธิ์กุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท อมตะซิตี้ ลาว จำกัด เป็นผู้ลงนามความร่วมมือ  ทั้งนี้ การลงนามดังกล่าวจะก่อให้เกิดความร่วมมือระหว่างกันในด้านการส่งเสริมการพัฒนาเมืองอุตสาหกรรมตามหลักการเมืองสมัยใหม่และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม “Smart & Eco City” ใน สปป.ลาว โดยเฉพาะการพัฒนาที่เกี่ยวข้องกับแนวความคิดการพัฒนาที่ยั่งยืน

การพัฒนาธุรกิจในประเทศลาวนั้น บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการรักษาคุณภาพของสิ่งแวดล้อม และการพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่น บริษัทฯ จึงได้นำต้นแบบการดูแล รักษา และบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมในพื้นที่โครงการในประเทศไทย ไปประยุกต์ใช้ในโครงการที่ประเทศลาว เช่น นโยบายการจัดการน้ำและของเสีย การดูแลและพัฒนาพื้นที่สีเขียวภายในนิคมอุตสาหกรรม รวมถึงนโยบายการมีส่วนร่วมกับผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม เพื่อสร้างสมดุลแห่งการเติบโต โดยบริษัทได้ริเริ่มแนวคิดในการชักชวนบริษัทที่จะดำเนินการภายในโครงการฯ ได้แบ่งกำไรจากการประกอบการในพื้นที่ เพื่อดำเนินการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ดูแลพื้นที่ป่าไม้รอบบริเวณโครงการฯ เพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมของสถานประกอบการภายในโครงการฯด้วย ตามปรัชญาธรุกิจ ALL WIN ของบริษัทฯ

การพัฒนาธุรกิจเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้มีส่วนได้เสียและสังคม

ด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์

จากการรับฟังความคิดเห็นของลูกค้าในนิคมอุตสาหกรรมอมตะ บริษัทฯ พบว่าโรงงานผู้ประกอบการในนิคมอุตสาหกรรมให้ความสำคัญอย่างมากกับประเด็นแรงงานที่มีทักษะ เพื่อให้มีแรงงานที่มีคุณภาพเพียงพอในการดำเนินธุรกิจต่อไปได้อย่างต่อเนื่องและสามารถตอบสนองเทคโนโลยีและนวัตกรรมของธุรกิจในอนาคตได้ บริษัทฯ จึงได้ดำเนินการเพื่อพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในพื้นที่ภาคตะวันออกให้มีทักษะความรู้และความสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ โดยในปี 2566 ได้ดำเนินการดังนี้

  • วันที่ 25 มกราคม 2566 บริษัทฯ ได้หารือร่วมกับคุณตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในการขับเคลื่อนความร่วมมือการจัดการอาชีวศึกษาระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน (อ.กรอ.อศ.) กลุ่มนิคมอุตสาหกรรมต้นแบบ เพื่อผลิตกำลังคนที่มีคุณภาพ ยกระดับการศึกษาในการผลิตและพัฒนากำลังคนรองรับภาคอุตสาหกรรมตอบโจทย์สถานประกอบการ ตามที่รัฐบาลและกระทรวงศึกษาธิการ ได้ให้ความสำคัญในการจัดการอาชีวศึกษา ซึ่งนับเป็นกลไกสำคัญในภาคการผลิตของประเทศ สร้างความเข้มแข็งและส่งเสริมให้ผู้เรียนอาชีวศึกษามีทักษะ พร้อมสู่โลกอาชีพอย่างมีคุณภาพ
  • วันที่ 18 กันยายน 2566 บริษัทฯ ได้ผนึกกำลังพันธมิตร ยกระดับความสามารถบุคลากรยุคดิจิทัล โดยได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางด้านอาชีวศึกษากับคุณ เจิ้ง เหว่ย กวาง ผู้อำนวยการวิทยาลัย Guangdong Mechanical and Electrical Polytechnic (GDMEP) สาธารณรัฐประชาชนจีน และคุณพีรพงษ์ พันธ์โสดา ผู้อำนวยการวิทยาลัยอาชีวศึกษาเทคโนโลยีฐานวิทยาศาสตร์ (ชลบุรี) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อยกระดับความสามารถบุคลากรให้พร้อมสำหรับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในยุคดิจิทัล โดยในระยะแรกของโครงการจะใช้โปรแกรมการฝึกอบรมของวิทยาลัย Guangdong Mechanical and Electrical Polytechnic ( GDMEP ) ที่ร่วมพัฒนากับภาคอุตสาหกรรม ซึ่งทาง GDMEP ถูกจัดอันดับให้เป็นวิทยาลัยอาชีวศึกษาอันดับ 2 ในมณฑลกวางตุ้ง สาธารณรัฐประชาชนจีน มุ่งเน้นการพัฒนาความสามารถและศักยภาพของนักเรียน นักศึกษา จากวิทยาลัยอาชีวศึกษาเทคโนโลยีฐานวิทยาศาสตร์ (ชลบุรี) และขยายไปสู่การพัฒนาบุคลากรสำหรับอุตสาหกรรมแห่งอนาคต ทั้งในอมตะ และในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ภายใต้นโยบาย Thailand 4.0
ด้านการพัฒนาพลังงานสะอาด

พลังงานสะอาดเป็นหนึ่งในประเด็นที่ลูกค้าให้ความสำคัญในระดับสูง เนื่องจากลูกค้ามีการกำหนดเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและเป้าหมายด้านความเป็นกลางทางคาร์บอนมากขึ้น ทำให้ความต้องการใช้พลังงานสะอาดเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ บริษัทฯ จึงได้ดำเนินการเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าดังนี้

 

  • วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2566 บริษัท อมตะ วอเตอร์ จำกัด ได้ร่วมลงนามกับ บริษัท อมตะ บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (Amata B.Grimm Power) ในการพัฒนาโครงการโซลาร์ฟาร์มลอยน้ำ (Floating Solar Farm) ขนาดใหญ่ เพื่อผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ชนิดติดตั้งบนทุ่นลอยน้ำ ภายในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ชลบุรี โดยจะเริ่มพัฒนาเฟสแรก ขนาด 5 เมกะวัตต์ เพื่อตอบสนองความต้องการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ของกลุ่มลูกค้าในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ชลบุรี ด้วยเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพและนวัตกรรมที่ทันสมัย เสริมศักยภาพและความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจให้กับกลุ่มลูกค้าในนิคมอุตสาหกรรม พร้อมกับดูแลผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ก้าวสู่เป้าหมายสำคัญในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในระยะยาว คาดว่าการดำเนินงานในเฟสแรกจะสามารถผลิตไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ได้ภายในไตรมาสที่ 3 ปี 2567
ด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิตของลูกค้า

บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิตที่ดีของผู้ที่ทำงานในนิคมอุตสาหกรรม จึงได้พัฒนาธุรกิจต่าง ๆ เพื่อรองรับความต้องการของผู้ที่ทำงานในนิคมอุตสาหกรรมทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ และอำนวยความสะดวกให้แก่นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศที่เข้ามาลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมเป็นจำนวนมาก บริษัทฯ จึงได้พัฒนาโรงแรมนิกโก้ อมตะซิตี้ ชลบุรี ขึ้นโดยเป็นการร่วมทุนระหว่างบริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) และบริษัท ฟูจิตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่ม Daiwa House Group และบริษัท Japan Overseas Infrastructure Investment Corporation for Transport & Urban Development (JOIN) ภายใต้การบริหารของ Okura Nikko Hotel Management ซึ่งเป็นเครือโรงแรมระดับสากลของญี่ปุ่น และยังเป็นโรงแรมแห่งแรกในประเทศไทยที่ร่วมลงทุนโดยรัฐบาลญี่ปุ่น ภายใต้แนวคิด “บ้านของคนไกลบ้าน” พร้อมสนับสนุนกิจกรรมของผู้ประกอบการอย่างครบวงจร

โรงแรมนิกโก้ อมตะซิตี้ ชลบุรี เป็นโรงแรมแห่งแรกและแห่งเดียวที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ของนิคมอุตสาหกรรมในจังหวัดชลบุรี และยังเป็นศูนย์รวมการให้บริการที่พักมาตรฐานญี่ปุ่นระดับนานาชาติ ตอบสนองความต้องการของโรงงานญี่ปุ่นกว่า 450 โรงงานที่ดำเนินกิจการอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ชลบุรี รวมถึงกลุ่มนักลงทุนที่กำลังจะเข้ามาลงทุนในเฟสใหม่ของบริษัทฯ และในพื้นที่พัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC)

การจัดการนวัตกรรมเชิงกลยุทธ์

บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับกระบวนการบริหารจัดการนวัตกรรม เพื่อสร้างความแตกต่างและมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์และบริการของบริษัทฯ รวมถึงการพัฒนาและปรับปรุงกระบวนการทำงานให้มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น เพื่อลดต้นทุนในการดำเนินงาน และลดผลกระทบเชิงลบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม นวัตกรรมจึงเป็นส่วนสำคัญที่จะขับเคลื่อนบริษัทฯ ให้เติบโตได้อย่างยั่งยืน ดังนั้น บริษัทฯจึงให้ความสำคัญกับการพัฒนานวัตกรรมในองค์กรตั้งแต่การพัฒนาทักษะกระบวนการคิดเชิงนวัตกรรม และความรู้ความสามารถของบุคลากรในบริษัทฯ ตามที่ได้กำหนดไว้ในคุณลักษณะของการเป็นคนอมตะ (AMATA DNA) ในเรื่อง Innovative การมีความคิดสร้างสรรค์ ลองคิดสิ่งใหม่เพื่อการพัฒนา ซึ่งใช้เป็นตัวชี้วัดในการประเมินผลการปฏิบัติงานของพนักงานในทุกระดับ

ในปี 2566 บริษัทฯ ได้พัฒนากระบวนการบริหารจัดการนวัตกรรมเชิงกลยุทธ์ (Strategic Innovation Management Process) ขึ้น เพื่อให้การบริหารจัดการนวัตกรรมของบริษัทฯ ส่งเสริมกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าและบริการ เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน รวมถึงลดผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม และสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นให้กับผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม

โดยบริษัทฯ ได้มีวิธีการในการจัดหานวัตกรรมที่สอดคล้องกับธุรกิจ (INPUT) อยู่ 2 แนวทาง คือ 1) การร่วมมือกับหุ้นส่วนกลยุทธ์ทางธุรกิจเพื่อพัฒนานวัตกรรม (EXTERNAL) และ 2) การส่งเสริมให้พนักงานของบริษัทฯ เป็นผู้คิดค้นนวัตกรรมทางธุรกิจ (INTERNAL) โดยนวัตกรรมที่ได้นั้นไม่ว่าจะเป็นเพียงแนวคิด หรือโครงการที่ดำเนินการแล้ว บริษัทฯ จะสนับสนุนทรัพยากรที่จำเป็นในการพัฒนาเพื่อสร้างคุณค่าเพิ่ม (VALUE-ADDED) ก่อนส่งมอบคุณค่านั้นให้กับลูกค้าและผู้มีส่วนได้เสียต่อไป

1) การร่วมมือกับหุ้นส่วนกลยุทธ์ทางธุรกิจเพื่อพัฒนานวัตกรรม

บริษัทฯ วางกลยุทธ์ในการพัฒนาเมืองอัจฉริยะและโครงการย่อยผ่านหุ้นส่วนกลยุทธ์ทางธุรกิจ (Strategic Business Partners) เพื่อให้เกิดการพัฒนาธุรกิจอย่างรวดเร็วและมีคุณภาพสูง บริษัทฯ จึงได้ร่วมมือกับบริษัทและองค์กรชั้นนำทั้งไทยและต่างประเทศที่เป็นผู้นำในด้านต่าง ๆ พัฒนาโครงการธุรกิจใหม่ภายใต้กรอบแนวคิดเมืองอัจฉริยะอมตะ พื้นที่เมืองอัจฉริยะอมตะมีเนื้อที่ประมาณ 10 ตารางกิโลเมตร แบ่งออกเป็นโซนเมืองอัจฉริยะตามความร่วมมือกับหุ้นส่วนกลยุทธ์ทางธุรกิจ จากประเทศจากจีน ไต้หวัน ญี่ปุ่น ยุโรป ฯลฯ เป้าหมายคือเพื่อสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจโดยการดึงดูดการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายและการลงทุนด้านวิจัยและพัฒนา รวมถึงเพิ่มคุณภาพชีวิตคนทำงาน ส่งเสริมระบบนิเวศธุรกิจ นวัตกรรม และอำนวยความสะดวกในกิจกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา

การร่วมมือกับบริษัทและองค์กรชั้นนำเหล่านี้ นอกจากจะทำให้เกิดการขับเคลื่อนเมืองอัจฉริยะอย่างเป็นรูปธรรมภายใต้โครงการต่างๆ แล้ว ยังเป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการไทยในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องในการเรียนรู้แนวคิด เทคโนโลยีใหม่ ๆ จากผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศ เพื่อสร้างกระบวนการถ่ายทอดทางเทคโนโลยี (Technology Transfer) และสามารถต่อยอดไปยังการวิจัย และคิดค้นพัฒนาเทคโนโลยีของตนเอง ซึ่งจะเป็นกลไกสำคัญในการช่วยขับเคลื่อนประเทศไทยไปข้างหน้าอย่างยั่งยืน

2) การส่งเสริมให้พนักงานเป็นผู้พัฒนานวัตกรรม

บริษัทฯ ส่งเสริมและเปิดโอกาสให้พนักงานในกลุ่มอมตะ ทุกระดับได้แสดงศักยภาพและสร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อธุรกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม และมีส่วนร่วมในการพัฒนาปรับปรุงกระบวนการทำงานของบริษัทฯ โดยทุกปี บริษัทฯ ได้จัดให้มีการประกวดโครงการ (Innovation Project) และแนวคิดด้านนวัตกรรม (Innovation Idea) เพื่อเป็นพื้นที่ที่ช่วยให้พนักงานได้แสดงศักยภาพ และเสนอแนวความคิดเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ บริการ และกระบวนการทำงานร่วมกัน

ในปี 2565 บริษัทฯ ได้จัดโครงการประกวด “AMATA INNO Awards 2023” โดยมีคณะกรรมการประกอบด้วย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและคณะผู้บริหารระดับสูงเป็นผู้พิจารณาคัดเลือกโครงการที่มีศักยภาพเพื่อนำไปต่อยอด และพัฒนาในอนาคต มีการกำหนดรางวัลเพื่อเป็นแรงจูงใจให้พนักงานส่งโครงการและแนวคิดด้านนวัตกรรมเข้าร่วมโครงการ รวมเป็นเงินรางวัลทั้งสิ้น 2,500,000 บาท ทั้งนี้ได้รับการสนับสนุนเงินรางวัลจากมูลนิธิอมตะ  เป็นจำนวนเงิน 2 ล้านบาท ในปีนี้มีพนักงานเข้าร่วมโครงการ จาก 17 ทีม และมีโครงการและแนวคิดด้านนวัตกรรมที่เข้าร่วมประกวดทั้งสิ้น 7 โครงการ และ 14 แนวคิด รวมทั้งสิ้น 21 ชิ้นงาน

จากข้อมูลโครงการด้านนวัตกรรม (Innovation Project) ที่ได้ดำเนินการแล้วระหว่างปี 2563-2565 พบว่าสามารถ ช่วยลดต้นทุนการดำเนินงานไปได้ทั้งสิ้น 19.33 ล้านบาท โดยในจำนวนนี้สามารถจำแนกเป็นโครงการที่ช่วยลดผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมจำนวน 4 โครงการ และโครงการนวัตกรรมด้านสังคมจำนวน 3 โครงการ

ผลการดำเนินงานด้านเศรษฐกิจ

ในปี 2566 บริษัทฯ มีรายได้รวมทั้งสิ้น 9,698.81 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2565 ร้อยละ 20.49 และมีกำไรสุทธิจำนวน 1,884.76ล้านบาท ลดลงจากปี 2565 จำนวนร้อยละ 19.50 สามารถจำแนกโครงสร้างรายได้หลักออกเป็น 3 ส่วนคือ รายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 4,804.05 ล้านบาท รายได้จากค่าสาธารณูปโภคและบริการ จำนวน 3,875.59 ล้านบาท และรายได้จากการให้เช่าและอื่น ๆ จำนวน 1,019.17 ล้านบาท

รายได้จากอสังหาริมทรัพย์

4,804.05 ล้านบาท

รายได้จากสาธารณูปโภคและบริการ

3,875.59 ล้านบาท

รายได้จากการให้เช่าและอื่น ๆ

1,019.17 ล้านบาท

ในปี 2566 เป็นปีที่มีปัจจัยเชิงบวกที่กระตุ้นให้เกิดการเลือกซื้ออสังหาริมทรัพย์หลายข้อ ทั้งปัจจัยด้านโครงสร้างพื้นฐานที่มีการพัฒนาอย่างรุดหน้า ปัจจัยจากนโยบายภาครัฐในส่วนของการลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนอง (มีผลตั้งแต่ 1 มกราคม 2566) ไปจนถึงความต้องการของลูกค้าที่มีมากยิ่งขึ้น หลังจากการฟื้นตัวจากช่วงการแพร่ระบาดของ Covid-19 และถึงแม้ว่าการแพร่ระบาดของ Covid-19 จะยังไม่จบลง แต่สถานการณ์ปัจจุบันก็มีความผ่อนคลายมากขึ้นเรื่อย ๆ หลาย ๆ คนเริ่มกลับมาใช้ชีวิตเป็นปกติ มีการเปิดประเทศและยกเลิกนโยบายเว้นระยะห่างเกือบทั้งหมดแล้วทำให้มีการเดินทางระหว่างประเทศเพิ่มมากขึ้น นอกจากนั้น จากความมุ่งมั่นในการพัฒนาสินค้าและบริการของบริษัทฯ เพื่อตอบสนองความต้องการของทั้งลูกค้าและผู้มีส่วนได้เสียที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาเมืองอัจฉริยะในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกด้วยมาตรฐานระดับสากล การขยายธุรกิจการพัฒนาเมืองอุตสาหกรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมไปสู่กลุ่มประเทศ CLMV และการไม่หยุดที่จะพัฒนาหรือปรับปรุงการผลิตภัณฑ์และบริการของบริษัทฯ ผ่านกระบวนการบริหารจัดการเชิงนวัตกรรม ทำให้บริษัทฯ มีรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์เพิ่มขึ้นจากปี 2565 ร้อยละ 66.77 เนื่องจากบริษัทฯ มีการโอนที่ดินทั้งในประเทศและต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น ประกอบกับการขยายโครงการทำให้มีความต้องการสาธารณูปโภคและบริการเพิ่มขึ้น จึงทำให้รายได้ค่าสาธารณูปโภคและบริการเพิ่มขึ้นจากปี 2565 ร้อยละ 38.37 แต่รายได้จากการให้เช่าอาคารโรงงานสำเร็จรูปและรายได้อื่น ๆ ของบริษัทฯ ลดลงจากปี 2565 ร้อยละ 56.96 เนื่องจากในปี 2566 มีการขายโรงงานสําเร็จรูปให้เช่าในประเทศเวียดนามออกไปจํานวน 2 หลัง และในปี 2565 มีการขายโรงงานสําเร็จรูปให้เช่าในประเทศเวียดนามออกไปจำนวน 24 หลัง ตามลำดับ

ร่วมสร้างอนาคตไปกับอมตะ

AMATA

Contact us for more details.

Thailand
+66 38 939 007
Vietnam

+84 251 3991 007 (South)
+84 203 3567 007 (North)

Myanmar
+95 1 230 5627
Laos

+85 620 5758 0007

© AMATA CORPORATION PCL. All rights reserved.  Web by Toneyes  Web by Toneyes