ความเสี่ยง

นิคมอุตสาหกรรมของบริษัทฯ มีพื้นที่เชื่อมต่อกับพื้นที่สาธารณะของชุมชนต่างๆ จึงมีคนสัญจรไปมาภายในพื้นที่จำนวนมาก นอกจากนี้ยังเป็นที่ตั้งของโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่มากมาย จึงมีความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุและภาวะฉุกเฉินในรูปแบบต่างๆ ขึ้นได้ เช่น อุบัติเหตุทางจราจร อัคคีภัย สารเคมีรั่วไหลภายในโรงงาน เป็นต้น สร้างผลกระทบแก่ผู้มีส่วนได้เสีย เช่น พนักงานและผู้รับเหมาของบริษัทฯ ลูกค้า และชุมชนที่อยู่โดยรอบนิคมอุตสาหกรรมทั้งสองแห่งของบริษัทฯ ได้ การเกิดอุบัติเหตุ หรือภาวะฉุกเฉินในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมสามารถนำมาซึ่งความสูญเสียทั้งชีวิต และทรัพย์สิน ให้กับผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม และส่งผลโดยตรงต่อความเชื่อมั่นของผู้มีส่วนได้เสียที่มีต่อบริษัทฯ

โอกาส

การบริหารจัดการด้วยความมุ่งมั่นสู่การเป็นเมืองแห่งความปลอดภัย Safety City, Smart City ช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ลูกค้าในการดำเนินธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง จากการมีแผนรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินต่างๆ และพนักงานที่มีทักษะความรู้ความเชี่ยวชาญ ตลอดจนระบบการตรวจสอบดูแลและมาตรการป้องกันความเสี่ยงต่าง ๆ  นอกจากนี้ ยังช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นของชุมชนโดยรอบที่มีต่อความสามารถในการแก้ไขและป้องกันภัยต่างๆ ของบริษัทฯ รวมถึงการส่งต่อองค์ความรู้ให้แก่ชุมชนโดยรอบเพื่อสร้างสังคมแห่งความปลอดภัยทั้งภายในและภายนอกนิคมอุตสาหกรรม เพื่อลดผลกระทบทางสังคมที่เกิดขึ้นจากการดำเนินธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม

แนวทางการบริหารจัดการ

บริษัทฯ มุ่งมั่นสร้างสังคมแห่งความปลอดภัยทั้งในพื้นที่รับผิดชอบและพื้นที่โดยรอบนิคมอุตสาหกรรม โดยให้ความสำคัญกับการปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง การเตรียมความพร้อมทั้งในด้านอุปกรณ์และกำลังคนที่สามารถตอบโต้กับสถานการณ์ฉุกเฉินในรูปแบบต่างๆ ตลอดจนการจัดกิจกรรมส่งเสริมด้านความปลอดภัยแก่พนักงาน ลูกค้า ผู้รับเหมา รวมถึงชุมชนโดยรอบ ให้มีจิตสำนึกด้านความปลอดภัย มีความรู้ความเข้าใจ เพื่อร่วมกันสร้างสังคมแห่งความปลอดภัยร่วมกัน ลดผลกระทบเชิงลบต่อผู้มีส่วนได้เสีย และสร้างความเชื่อมั่นให้กับชุมชนที่อยู่โดยรอบนิคมอุตสาหกรรม

บริษัทฯ มี “นโยบายคุณภาพ ความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน” และแนวปฏิบัติมาตรฐานด้านความปลอดภัยและอาชีวอนามัย ที่กำหนดให้พนักงาน ลูกค้า และผู้รับเหมาที่เข้ามาทำงานในพื้นที่ของบริษัทฯ ต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบ ข้อกำหนด และกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการความปลอดภัยในนิคมอุตสาหกรรมอย่างเคร่งครัด ได้แก่ พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 และพระราชบัญญัติความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงาน พ.ศ. 2554 รวมถึงมาตรฐานสากลที่ได้นำมาใช้ร่วมในการดูแลพื้นที่ เช่น ISO 14001:2015 เป็นต้น โดยมีการตรวจประเมินความเสี่ยงด้านความปลอดภัยในการทำงานและวิเคราะห์ประสิทธิผลของมาตรการควบคุมและการดำเนินงานด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยเป็นประจำ

บริษัทฯ ยังได้นำหลักการ Zero Accident มาประยุกต์ใช้ในการบริหารจัดการความปลอดภัยในพื้นที่ทำงานที่เกี่ยวข้องกับพนักงานและผู้รับเหมาของบริษัทฯ และนำมาประยุกต์ใช้ในการบริหารจัดการความปลอดภัยภายในนิคมอุตสาหกรรมและพื้นที่โดยรอบ ภายใต้โครงการ “Safety City, Smart City” ที่เริ่มต้นในปี 2562 โดยใช้พื้นที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ชลบุรี เป็นพื้นที่นำร่องในโครงการ นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้นำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาประยุกต์ใช้ในการวางแผนบริหารจัดการความปลอดภัยในพื้นที่ของบริษัทฯ ให้เกิดประโยชน์ต่อไป

ศึกษารายละเอียดนโยบายได้ที่นี่

อาชีวอนามัยและความปลอดภัยของพนักงาน

บริษัทฯ ให้ความสำคัญอย่างยิ่งในการปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องของพนักงาน และการปลูกฝังวัฒนธรรมด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยให้ผู้บริหารและพนักงานทุกระดับผ่านนโยบายอาชีวอนามัยและความปลอดภัย โดยมีเป้าหมายเพื่อลดจำนวนการบาดเจ็บถึงขั้นหยุดงานให้เป็นศูนย์ (Zero LTIFR)

เพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว บริษัทฯ นำโดยคณะกรรมการความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมการทำงาน (คปอ.) ซึ่งมีตัวแทนพนักงานร่วมเป็นกรรมการ ได้ดำเนินการจัดกิจกรรม เพื่อส่งเสริมอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงาน และการส่งเสริมด้านสุขภาพให้แก่พนักงานของบริษัทฯ ดังนี้

1. การประเมินความเสี่ยงในการทำงาน
  • บริษัทฯ กำหนดให้มีการบ่งชี้ประเด็นความเสี่ยงที่จะเกิดความไม่ปลอดภัยหรือเป็นอันตรายต่อสุขภาพของผู้ปฏิบัติงาน พนักงานระดับหัวหน้างานและพนักงานที่เกี่ยวข้องในกิจกรรมร่วมกันบ่งชี้และประเมินความเสี่ยงของประเด็นด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัย รวมถึงกำหนดมาตรการเพื่อควบคุมความเสี่ยงของกิจกรรมหรือกระบวนการนั้น ๆ โดยมีการทบทวนความเสี่ยงปีละ 1 ครั้ง ทั้งในโครงการที่ดำเนินการแล้วและโครงการที่อยู่ไนระหว่างการพัฒนา
2. การรายงานและการสอบสวนเหตุการณ์ผิดปกติหรืออุบัติเหตุ
  • กรณีที่มีอุบัติเหตุหรือเหตุการณ์ผิดปกติเกิดขึ้นระหว่างการปฏิบัติงาน บริษัทฯ กำหนดให้พนักงานผู้ประสบเหตุหรือหัวหน้างานที่ได้รับแจ้ง รายงานอุบัติเหตุหรือเหตุการณ์ผิดปกติต่อหัวหน้างานและเจ้าหน้าที่ความปลอดภัย และบริษัทฯ จะมีกระบวนการสอบสวนเพื่อร่วมกันหาสาเหตุและกำหนดมาตรการป้องกันเพิ่มเติมเพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดซ้ำ
3. การส่งเสริมสุขภาพของผู้ปฏิบัติงาน
  • บริษัทฯ ดำเนินการตรวจวัดสภาพแวดล้อมในการทำงานตามปัจจัยเสี่ยงแต่ละพื้นที่ เช่น คุณภาพอากาศ แสงสว่าง เสียง และแก้ไขปรับปรุงให้เป็นไปตามมาตรฐานและความจำเป็นในแต่ละงาน เพื่อให้มั่นใจว่าผู้ปฏิบัติงานทุกคนมีความสภาพแวดล้อมในการทำงานที่เหมาะสมและไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ
  • บริษัทฯ ได้สำรวจพื้นที่ในอาคารสำนักงานในจุดเสี่ยงที่จะเกิดอันตรายจากการทำงานและอัคคีภัย และดำเนินการปรับปรุงโดยการติดตั้งอุปกรณ์เพิ่มเติม หรือเปลี่ยนอุปกรณ์ให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน และมีการตรวจสอบอุปกรณ์ต่าง ๆ ให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานเป็นประจำ เช่น เครื่องดับเพลิงชนิดปราศจาก CFC ไฟฉายสำรองติดอยู่บริเวณทางออกฉุกเฉิน ป้ายเตือน (safety sign) เป็นต้น
  • บริษัทฯ จัดให้มีการตรวจสุขภาพพนักงานตั้งแต่แรกเข้าและมีสวัสดิการตรวจสุขภาพประจำปี สนับสนุนค่ารักษาพยาบาล ช่วยเหลือค่าตัดแว่นสายตา และการให้คำปรึกษาด้านสุขภาพให้กับพนักงานจากพยาบาลประจำบริษัทฯ ให้แก่พนักงานทุกคน (ร้อยละ 100)
  • บริษัทฯ ได้จัดให้มีการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ประจำปี 4 สายพันธุ์ แก่ผู้บริหารและพนักงาน เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันและลดอัตราการเจ็บป่วยที่อาจจะเกิดการติดเชื้อแทรกซ้อนอีกด้วย
  • บริษัทฯ สนับสนุนกิจกรรมเพื่อส่งเสริมสุขภาพของพนักงานทั้งสุขภาพกาย และสุขภาพใจ โดยจัดตั้งชมรมเพื่อสุขภาพ และชมรมกีฬาตามความสนใจของพนักงานประกอบด้วย ชมรมฝึกสมาธิ และชมรมกีฬาประเภทต่าง ๆ เช่น โยคะ วิ่ง แบดมินตัน ฟุตบอล เต้นแอโรบิค เป็นต้น
  • บริษัทฯ ได้จัดกิจกรรม AMATA Health Day โดยโรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์ (SiPH)” เพื่อส่งเสริมให้พนักงานมีความรู้และตระหนักถึงความสำคัญของการดูแลสุขภาพให้ห่างไกลโรค ให้บรรยายความรู้ด้านสุขภาพ ในหัวข้อ เมตาบอลิกในร่างกาย และการลดไขมันในเลือดโดย แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และ บรรยายความรู้ในหัวข้อ  “การออกกำลังกายพิชิตไขมันตัวร้ายในพุง และภาวะออฟฟิศซินโดรมและสาธิตวิธีการออกกำลังกายโดยนักกายภาพบำบัด ตลอดจนกิจกรรมทดสอบสมรรถภาพร่างกาย และปรึกษาวิธีการออกกำลังกายที่เหมาะสม
4. การอบรมพนักงานด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัย

ในปี 2567 บริษัทฯ ได้ส่งเสริมความปลอดภัยในสถานที่ทำงานอย่างต่อเนื่อง โดยจัดการฝึกอบรมด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในหลายหลักสูตร ซึ่งมีพนักงานเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก เพื่อเสริมสร้างความพร้อมในการรับมือเหตุฉุกเฉินและเพิ่มความตระหนักรู้ด้านความปลอดภัยในการทำงาน อาทิ

  • การฝึกอบรมการช่วยชีวิตขั้นพื้นฐาน (CPR) และปฐมพยาบาลเบื้องต้น พร้อมการใช้เครื่องกระตุกหัวใจไฟฟ้าอัตโนมัติ (AED) มีพนักงานเข้าร่วมจำนวน 59 คน โดยเนื้อหาครอบคลุมทักษะการช่วยชีวิตขั้นพื้นฐาน เช่น การทำ CPR การใช้เครื่อง AED และเทคนิคการตอบสนองต่อเหตุฉุกเฉิน รวมถึงการจัดการภาวะฉุกเฉินต่าง ๆ เช่น หัวใจวาย โรคหลอดเลือดสมอง การเสียเลือดภาวะช็อก การบาดเจ็บที่กระดูกสันหลัง กระดูกหัก บาดแผล ภาวะขาดน้ำ อาการชัก และการถูกงูกัด

  • การฝึกอบรมการดับเพลิงขั้นต้นและการตอบสนองเหตุฉุกเฉิน มีพนักงานเข้าร่วมจำนวน 48 คน โดยเนื้อหามุ่งเน้นการป้องกันและรับมือกับเหตุเพลิงไหม้ เช่น การใช้ถังดับเพลิง ผ้าห่มดับไฟ และขั้นตอนการอพยพฉุกเฉิน เพื่อเสริมสร้างความรู้และความตระหนักด้านความปลอดภัยในสถานที่ทำงาน

  • หลักสูตรอบรมเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงานระดับบริหาร มีพนักงานผ่านการอบรมจำนวน 19 คน โดยเนื้อหาครอบคลุมด้านความปลอดภัยในการทำงาน สุขอนามัยในสถานที่ทำงาน และการจัดการสิ่งแวดล้อม รวมถึงกฎหมายและข้อบังคับด้านความปลอดภัย การประเมินความเสี่ยง และการวางแผนตอบสนองเหตุฉุกเฉิน เพื่อเสริมสร้างความเป็นผู้นำในการดูแลสภาพแวดล้อมการทำงานที่ปลอดภัยและดีต่อสุขภาพ

ผลการดำเนินงานในปี 2567 มีพนักงานของบริษัทฯ ได้รับบาดเจ็บจากการทำงานถึงขั้นหยุดงาน 1 ราย และอัตราการเกิดอุบัติเหตุถึงขั้นหยุดงาน (LTIFR) ของพนักงานเท่ากับ 1.54 กรณี ต่อ 1 ล้านชั่วโมงการทำงาน แต่ไม่มีผู้บาดเจ็บหรือเจ็บป่วยจากการทำงานถึงขั้นเสียชีวิต

ความปลอดภัยในการทำงานของผู้รับเหมา

บริษัทฯ ให้ความสำคัญในเรื่องอาชีวอนามัยและความปลอดภัยของผู้รับเหมาทั้งของบริษัทฯ และของลูกค้าในนิคมอุตสาหกรรมที่เข้าไปปฏิบัติงานในพื้นที่ดำเนินงานของบริษัทฯ บริษัทฯ จึงมีการแจ้งนโยบายด้านนโยบายด้านความปลอดภัยและอาชีวอนามัยของบริษัทฯ รวมถึงแนวปฏิบัติตามมาตรการต่าง ๆ ของบริษัทฯ ที่เกี่ยวข้องกับการเข้าทำงานในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมของอมตะทั้งสองแห่งในรูปแบบการประชุมชี้แจงให้ผู้รับเหมาทั้งของบริษัทฯ และของลูกค้ารับทราบ พร้อมทั้งกำชับให้ผู้รับเหมาปฏิบัติตามกฎหมายแรงงานและอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงานอย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ ในการควบคุมการทำงานของผู้รับเหมาของบริษัทฯ จะเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของพนักงานที่เป็นเจ้าของโครงการ และหากมีการเกิดการบาดเจ็บรุนแรงในระดับถึงขั้นหยุดงาน ผู้รับเหมาจะต้องแจ้งให้ทางบริษัทฯ รับทราบด้วย

ในปี 2567 บริษัทฯ ได้มีการประเมินความเสี่ยงด้านความปลอดภัยในการทำงานของคู่ค้าและผู้รับเหมา ครอบคลุมการปฏิบัติงานที่ได้มาตรฐานและการดูแลพนักงานของคู่ค้าและผู้รับเหมาในด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัย  บริษัทฯ ได้จัดการอบรมด้านความปลอดภัยให้แก่ผู้รับเหมาของบริษัทฯ ได้แก่ การฝึกซ้อมเก็บกู้การหกรั่วไหลของขยะมูลฝอยให้แก่พนักงานเก็บขนและคัดแยกขยะประจำโรงคัดแยกขยะของบริษัทผู้รับเหมา การคัดแยกขยะให้ปลอดภัย การป้องกันอุบัติเหตุและโรคจากการทำงานและกฎระเบียบข้อบังคับในการทำงาน ให้กับพนักงานของผู้รับเหมาที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ของบริษัทฯ การอบรมและฝึกซ้อมการดับเพลิงขั้นต้นและอพยพหนีไฟ การฝึกอบรมเชิงปฏิบัติเรื่องการทำงานบนที่สูง ให้แก่ตัวแทนวิศวกรที่ปรึกษาและผู้รับเหมาของบริษัทฯ เพื่อให้การทำงานเป็นไปตามข้อบังคับและขั้นตอนการปฏิบัติงานเพื่อความปลอดภัยในการทำงานบนที่สูง ที่ลาดชัน

จากการดำเนินงานพบว่าในปี 2567 ไม่มีพนักงานของผู้รับเหมาเกิดอุบัติเหตุหรือเจ็บป่วยจากการทำงานถึงขั้นหยุดงานหรือเสียชีวิต และอัตราการเกิดอุบัติเหตุขั้นหยุดงาน (LTIFR) ของพนักงานของผู้รับเหมาที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ของบริษัทฯ เท่ากับ 0 กรณีต่อ 1 ล้านชั่วโมงการทำงาน

การบริหารจัดการภาวะฉุกเฉินภายในนิคมอุตสาหกรรมอมตะ

บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของลูกค้าผู้ประกอบการในนิคมอุตสาหกรรมอมตะ ทั้งด้านการดูแลความปลอดภัยในพื้นที่ส่วนกลาง และการบริหารจัดการสถานการณ์ฉุกเฉินได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากบริษัทฯ ได้จัดตั้งสถานีดับเพลิงตามข้อบังคับคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ว่าด้วยมาตรฐานระบบสาธารณูปโภค สิ่งอำนวยความสะดวกและบริการ สำหรับนิคมอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ พ.ศ. 2557 แล้ว บริษัทฯ ได้จัดตั้งศูนย์ตอบโต้ภาวะฉุกเฉิน (Emergency Response Center) ในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ชลบุรี จำนวน 2 แห่ง  และ นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ระยอง จำนวน 1 แห่ง ดำเนินการโดยบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญในการดับเพลิงและบรรเทาสาธารณภัยที่ผ่านการอบรมตามกฎหมาย โดยลูกค้าสามารถติดต่อผ่านเบอร์โทรศัพท์สายตรงของศูนย์ตอบโต้ภาวะฉุกเฉินที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ชลบุรี และนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ระยอง ตลอด 24 ชั่วโมง

บริษัทฯ เล็งเห็นถึงความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะฉุกเฉินต่าง ๆ เช่น เพลิงไหม้ และสารเคมีรั่วไหล ภายในโรงงานในนิคมอุตสาหกรรม ซึ่งอยู่นอกเหนืออำนาจหน้าที่ในการบริหารจัดการของบริษัทฯ ดังนั้นบริษัทฯ จึงได้จัดตั้งโรงเรียนสอนการดับเพลิงสำหรับอุตสาหกรรมขึ้น โดยให้บริการฝึกอบรมทั้งด้านทฤษฎีและปฏิบัติ ในเรื่องความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมที่ดีในการทำงาน ตลอดจนการป้องกันและระงับอัคคีภัยในสถานประกอบการ ให้แก่โรงงานที่อยู่ในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ชลบุรี และนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ระยอง เพื่อส่งเสริมให้นิคมอุตสาหกรรมทั้งสองแห่งเป็นพื้นที่ที่มีความปลอดภัย มีอาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด และพนักงานที่ทำงานในสถานประกอบการสามารถปฏิบัติตนได้ถูกต้องในกรณีที่เกิดอัคคีภัยขึ้นในสถานประกอบการได้

ในปี 2567 บริษัทฯ เข้าระงับเหตุอัคคีภัยให้กับลูกค้าในนิคมอุตสาหกรรมทั้งสองแห่งไปทั้งสิ้น 11 ครั้ง และบริษัทฯ ได้ดำเนินกิจกรรมส่งเสริมด้านความปลอดภัยและอาชีวอนามัยในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะ ดังนี้

  • บริษัทฯ จัดการอบรมหลักสูตรดับเพลิงขั้นต้น ฝึกซ้อมดับเพลิง ฝึกซ้อมอพยพหนีไฟ และหลักสูตรอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องด้านความปลอดภัย ให้กับโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมทั้งสองแห่ง ทั้งในรูปแบบการอบรมปกติ และรูปแบบออนไลน์ รวมทั้งหมด 910 รุ่น มีพนักงานโรงงานที่ผ่านการอบรมทั้งสิ้น จำนวน 124,901 คน
  • บริษัทฯ ร่วมกับสำนักงานนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ชลบุรี และสำนักงานนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ระยอง จัดซ้อมแผนควบคุมภาวะฉุกเฉิน (สารเคมีรั่วไหล แก๊สรั่วไหล และเพลิงไหม้) รูปแบบการซ้อมในพื้นที่จริงและแบบออนไลน์ ประจำปี 2567 เพื่อฝึกซ้อมความพร้อมของหน่วยงานในการตอบโต้ภาวะฉุกเฉิน สร้างความชำนาญในการปฏิบัติงาน การสื่อสาร การใช้อุปกรณ์ และอื่นๆ ในการควบคุมระงับเหตุได้อย่างทันท่วงทีให้แก่ผู้ประกอบการ และประชาชนในชุมชนใกล้เคียง
  • บริษัทฯ ร่วมกับ สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน จ.ชลบุรี ศูนย์ความปลอดภัยในการทำงาน เขต 2 (ชลบุรี) และกองความปลอดภัยและอาชีวอนามัย การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย จัดสัมมนาเรื่อง “การปฏิบัติงานความปลอดภัยให้สอดคล้องตามกฎหมายสำหรับเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านกฎหมาย ส่งเสริมนโยบายการบริหารความปลอดภัยในการทำงานจากทางภาครัฐ ให้เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน (จป.) ผู้ซึ่งทำหน้าที่บริหารจัดการระบบความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในโรงงาน ได้นำไปประยุกต์ใช้และเป็นแนวทางปฏิบัติในโรงงานได้อย่างถูกต้อง เหมาะสม สอดคล้องตามเจตนารมย์ของกฎหมายกำหนดไว้
  • บริษัทฯ ร่วมกับ สำนักงานนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ระยอง ชมรมความปลอดภัยอาชีวอนามัยและสิ่งแวดล้อม อมตะซิตี้ ระยอง และบริษัท ซูมิโตโม รับเบอร์ (ไทยแลนด์) จำกัด จัดให้มีการอบรมหลักสูตร “เทคนิคการเขียนแผนป้องกันและระงับอัคคีภัยในสถานประกอบกิจการ” โดยมีจุดประสงค์เพื่อพัฒนาและยกระดับความรู้ความสามารถของเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยของสถานประกอบการ ให้มีความรู้ความเข้าใจในแนวทางและหลักการเขียนแผนป้องกันและระงับอัคคีภัยที่ถูกต้อง สามารถนำความรู้ที่ได้ไปปรับใช้ให้เหมาะสมกับบริบทขององค์กร สอดคล้องตามข้อกำหนดของกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และเป็นแนวทางปฏิบัติกรณีเกิดเหตุฉุกเฉินด้านอัคคีภัยได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
  • บริษัทฯ จัดสัมมนาเรื่อง “การป้องกันอุบัติภัยจากการจัดเก็บสารเคมีอันตราย และ “show case : การกำจัดขยะอันตรายฯ ให้กับผู้ประกอบการในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ชลบุรี และนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ระยอง เพื่อส่งเสริมความปลอดภัยในการปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้องกับการจัดเก็บ การใช้ และการกำจัดสารเคมีอันตรายในสถานประกอบการและลดอุบัติภัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ความปลอดภัยทางท้องถนนภายในนิคมอุตสาหกรรมอมตะ

นิคมอุตสาหกรรมอมตะทั้งสองแห่ง มีโรงงานและผู้เช่ากว่า 1,356 ราย มีพนักงานที่ทำงานภายในพื้นที่ประมาณ 300,000 คน  และมีผู้อยู่อาศัยในชุมชนโดยรอบนิคมอุตสาหกรรมกว่า 1,026,904 คน (ที่มา : กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ระบบสถิติทางการทะเบียน ประจำปี 2567 ข้อมูลพื้นฐานเพื่อการวางแผนพัฒนาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจังหวัดชลบุรี และ เว็บไซต์ เทศบาล/อบต.) จากการสำรวจผลกระทบเชิงลบที่เกิดขึ้นจากการดำเนินธุรกิจพบว่า ปัญหาการจราจรและความปลอดภัยทางถนนเป็นประเด็นสำคัญที่ผู้มีส่วนได้เสียหลักทุกกลุ่มให้ความสำคัญ เนื่องจากลักษณะพื้นที่ของนิคมอุตสาหกรรมอมตะมีถนนสาธารณะหลายสายที่ตัดผ่านพื้นที่หรือเชื่อมต่อกับถนนของนิคมอุตสาหกรรมอมตะ แม้ว่าจะเป็นจุดเชื่อมต่อที่ส่งเสริมการสัญจรที่สะดวกสบายสำหรับผู้มีส่วนได้เสียทั้งที่ทำงานในนิคมอุตสาหกรรมอมตะและผู้ที่อยู่อาศัยในชุมชนโดยรอบก็ตาม  แต่ปริมาณรถจำนวนมากทำให้ทั้งลูกค้าที่เป็นโรงงานผู้ประกอบการ พนักงานที่ทำงานในนิคมอุตสาหกรรม และคนในชุมชนที่สัญจรผ่านได้รับผลกระทบทางลบโดยตรงจากการจราจรที่หนาแน่นและมีโอกาสเกิดอุบัติเหตุทางถนนได้มากขึ้น

ผลการสำรวจข้อมูลการใช้รถใช้ถนนภายในนิคมอุตสาหกรรมอมตะทั้งสองแห่งในปี 2567 พบว่า นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ชลบุรี  มียานพาหนะที่ใช้เส้นทางสัญจรภายในพื้นที่กว่า 119,400 คันต่อวัน จำแนกเป็นรถโดยสารรับ-ส่งพนักงาน จำนวน 1,900 คัน รถยนต์โดยสารส่วนบุคคลจำนวน 49,000 คัน และรถจักรยานยนต์จำนวน 68,500 คัน ส่วนนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ระยอง มียานพาหนะที่ใช้เส้นทางสัญจรเข้า-ออกภายในพื้นที่กว่า 69,809 คันต่อวัน จำแนกเป็นรถโดยสารรับ-ส่งพนักงาน จำนวน 1,200 คัน รถยนต์โดยสารส่วนบุคคลจำนวน 18,000 คัน และรถจักรยานยนต์จำนวน 50,609 คัน ส่งผลให้เกิดสภาพการจราจรหนาแน่นในช่วงเวลาเร่งด่วนในนิคมอุตสาหกรรมและถนนสาธารณะของชุมชนในพื้นที่ต่อเนื่อง ทั้งยังมีสถิติการเกิดอุบัติเหตุทางถนนจนถึงขั้นเสียชีวิตค่อนข้างสูง โดยช่วงปี 2558 - 2560 มีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จนปี 2560 มีจำนวนมากที่สุดถึง 15 ราย

บริษัทฯ จึงตั้งเป้าหมายในการดำเนินการเพื่อความปลอดภัยทางถนน เพื่อลดอุบัติเหตุทุกประเภทที่เกิดขึ้นภายในนิคมอุตสาหกรรมอมตะ โดยมุ่งมั่นที่จะสร้างสังคมแห่งความปลอดภัยเพื่อสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ (SDGs) เป้าหมายที่ 3 เป้าประสงค์ที่ 3.6 ที่มีเป้าหมายในการลดจำนวนการเสียชีวิตและบาดเจ็บจากอุบัติเหตุจราจรบนท้องถนนลงครึ่งหนึ่ง ในปี 2567 บริษัทฯ ได้ดำเนินกิจกรรมเพื่อสร้าง Safety City, Smart City อย่างต่อเนื่อง เพื่อแก้ไขปัญหาด้านการจราจรและความปลอดภัยของคนในชุมชนที่ใช้ถนนของนิคมอุตสาหกรรมอมตะและถนนสาธารณะในพื้นที่ต่อเนื่องร่วมกัน

Safety City, Smart City

บริษัทฯ ใช้กลยุทธ์เน้นสร้างความร่วมมือทั้งในและนอกองค์กร และแนวทางการขับเคลื่อนงานความปลอดภัยตามทศวรรษแห่งความปลอดภัยทางถนน มุ่งเน้นการบริหารจัดการจราจรอย่างเข้มงวดและได้จัดตั้งคณะกรรมการแก้ไขปัญหาจราจรของทั้งสองนิคมอุตสาหกรรม ประกอบไปด้วยผู้แทนหน่วยราชการทั้งส่วนกลางและส่วนท้องถิ่น และตัวแทนผู้ประกอบการในนิคมอุตสาหกรรม จำนวนกว่า 20 หน่วยงาน เพื่อร่วมกันระดมความคิดเห็น และร่วมกันจัดทำแผนบริหารจัดการการจราจรเพื่อแก้ปัญหาการจราจรที่หนาแน่นในชั่วโมงเร่งด่วนและสร้างความปลอดภัยบนท้องถนน ทั้งภายในนิคมอุตสาหกรรมอมตะและพื้นที่ต่อเนื่อง ด้วยหลัก ‘6E Concept’ ภายใต้โครงการ Safety City, Smart City

บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายในการดำเนินการเพื่อความปลอดภัยทางถนน เพื่อลดอุบัติเหตุทุกประเภทที่เกิดขึ้นภายในนิคมอุตสาหกรรมอมตะและผู้เสียชีวิตลงร้อยละ 50 เมื่อเทียบกับปี 2566

Engineering

บริษัทฯ ได้ดำเนินการปรับปรุงโครงสร้างและพื้นผิวถนนภายในนิคมอุตสาหกรรมอมตะอย่างต่อเนื่องและทันท่วงที รวมถึงจัดให้มีช่องทาง Line Official: @AmataCityและ @AmataCityRayong ในการเช็คอิน และแจ้งข้อมูลจุดที่สภาพพื้นผิวการจราจรเกิดความเสียหาย และเข้าซ่อมแซมอย่างทันที เพื่อลดจุดเสี่ยงและลดการเกิดอุบัติเหตุทางถนน

บริษัทฯ ยังได้มีการจัดเก็บสถิติการเกิดอุบัติเหตุย้อนหลัง 5 ปี เพื่อประเมินจุดเสี่ยงทางด้านกายภาพ และนำมาออกแบบวิธีการปรับปรุงโครงสร้างถนน รูปแบบการจราจร และรูปแบบเส้นทาง โดยในปี 2567 บริษัทฯ ได้นำข้อมูลจากการวิเคราะห์มาออกแบบวิธีการแก้ไข โดยการปรับรูปแบบเส้นทางจราจรในพื้นที่เสี่ยงบางจุด ภายในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ชลบุรี ในช่วงเวลาเร่งด่วนที่มีการจราจรหนาแน่น ตั้งแต่เวลา 06.30น.- 08.00น. เพื่อช่วยระบายปริมาณรถ และลดปริมาณรถติดสะสม ได้แก่

  • การเพิ่มช่องทางขาออกจากนิคมฯ บริเวณลานจอดไดกิ้น ซอย 3 ยอดมณี ให้สามารถออกทางโลตัสได้ เพื่อลดปัญหาการจราจรหนาแน่นบริเวณแยกแมนชั่น
  • ปรับรูปแบบการจราจรบริเวณทางแยกเฟส 7 บริเวณหน้าบริษัท โทแอค โดยสร้างเป็นวงเวียนแทน

ส่วนที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ระยอง ดำเนินกิจกรรมเพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ และสร้างความปลอดภัยในพื้นที่นิคมฯ โดยการปรับปรุงโครงสร้างถนน รูปแบบการจราจร และติดตั้งสัญลักษณ์ความปลอดภัยเพิ่มเติม ดังนี้

  • ปรับปรุงซ่อมแซมผิวถนนที่ชำรุด ที่มีอายุการใช้งานมานานมากกว่า 5 ปี
  • ติดตั้งแผ่นสะท้อนแสงบริเวณวงเวียนเพิ่มเติม ในจุดที่มีการติดตั้งวงเวียนเมื่อปี 2566 (ทางแยกของถนน G1-M1 และทางแยกของถนน H1-H2-H3)
  • ติดตั้ง Barrier บริเวณพื้นที่เสี่ยงอันตราย บริเวณทางแยก
  • การปรับปรุงเส้นจราจรให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น บริเวณทางแยกจุดเสี่ยง
  • ติดตั้งเนินชะลอความเร็วเพิ่มเติม 5 จุด
  • ปรับปรุงระบบสาธารณูปโภคส่วนกลางให้อยู่ในสภาพดี เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ เช่น การปรับปรุงสภาพพื้นที่ที่ทรุดตัวเป็นหลุม งานปรับปรุงทางเท้าและบ่อพักระบบน้ำฝน
  • ปรับปรุงรางระบายน้ำแนว Buffer Zone เชื่อมถนนสาธารณะ เพื่อป้องกันอันตรายจากปัญหาดินสไลด์ลงมาบนผิว และทำให้ถนนเกิดความเสียหายจากน้ำที่มาจากภายนอกกัดเซาะแนว Buffer Zone

นอกจากนี้ได้มีการปรับปรุงพื้นผิวถนน ทาสีเนินชะลอความเร็ว ทาสีแบ่งช่องจราจร ติดตั้งป้ายเตือนและสัญลักษณ์ความปลอดภัย ให้เห็นชัดเจนมากขึ้น เพื่อส่งเสริมให้เกิดความปลอดภัยแก่ผู้ใช้เส้นทางและช่วยลดการเกิดอุบัติเหตุ

Education

ความรู้ความเข้าใจในความปลอดภัยทางท้องถนนนับว่าเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยลดการเกิดอุบัติเหตุ และลดความรุนแรงของผลกระทบที่จะเกิดขึ้นหากเกิดอุบัติเหตุต่อผู้ใช้รถใช้ถนน บริษัทฯ ได้มีการดำเนินงานทั้งในด้านการรณรงค์สร้างความตระหนักในการปฏิบัติตามกฎหมายจราจร การสวมหมวกนิรภัย การคาดเข็มขัดนิรภัย การขับขี่ตามกฎหมายจราจร และมีน้ำใจบนท้องถนน โดยดำเนินการเชิงรุก ในการสร้างความตระหนักในด้านความปลอดภัยทางท้องถนนทั้งในนิคมอุตสาหกรรมและในชุมชนและโรงเรียนในพื้นที่ใกล้เคียง

Encouragement

บริษัทฯ ได้มีการส่งเสริมและสนับสนุนให้โรงงานในนิคมอุตสาหกรรมอมตะทั้งสองแห่ง และภาคีที่เกี่ยวข้องทั้งส่วนงานท้องถิ่น โรงพยาบาล อาสากู้ภัย ชมรม ที่อยู่โดยรอบนิคมอุตสาหกรรม มีส่วนร่วมและเป็นพันธมิตรในการบริหารจัดการความปลอดภัยทางท้องถนนและพื้นที่ในนิคมอุตสาหกรรมอมตะ โดยในปี 2567 บริษัทฯ ได้จัดประชุมเครือข่ายงานป้องกันและตอบโต้เหตุฉุกเฉิน งานด้านความปลอดภัยทางท้องถนนและพื้นที่โดยรอบนิคมอุตสาหกรรม เพื่อแสดงความคิดเห็นในการพัฒนาร่วมกันเป็นประจำทุกปี รวมทั้งมีเครือข่ายจากผู้ประกอบการโรงงานในนิคมฯ ทั้งสองแห่ง อาทิ สมาคมนักทรัพยากรมนุษย์ของอมตะซิตี้ ชลบุรี ชมรมความปลอดภัยอาชีวอนามัยและสิ่งแวดล้อมของอมตะซิตี้ ระยอง ชมรมผู้บริหารและจัดการอมตะซิตี้ ระยอง ร่วมเป็นพลังขับเคลื่อนให้ข้อเสนอแนะ ข้อคิดเห็นในการแก้ไขปัญหาและบริหารจัดการความปลอดภัยในพื้นที่นิคมฯ อย่างมีส่วนร่วม

Enforcement

บริษัทฯ ได้มีการใช้แนวทางบริหารจัดการเชิงรุกด้วยการสร้างภาคีเครือข่ายกับหน่วยงานภาครัฐ เพื่อบังคับใช้กฎหมาย และระเบียบข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการร่วมมือกับผู้นำชุมชน และหน่วยงานท้องถิ่น ในการใช้มาตรการทางสังคมเพื่อควบคุมและป้องกันอุบัติเหตุทางท้องถนน และความร่วมมือกับเครื่องข่ายโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมอมตะ เพื่อสร้างมาตรฐานขององค์กรให้พนักงานในโรงงานปฏิบัติตามกฎจราจร เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้รถใช้ถนน

บริษัทฯ ได้มีการจัดตั้งคณะกรรมการแก้ไขปัญหาจราจร (คจร.) ซึ่งประกอบด้วยผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐ ตำรวจจราจร ผู้นำท้องถิ่น และผู้แทนจากโรงงาน เพื่อร่วมกันกำหนดมาตรการการใช้รถใช้ถนนภายในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะ กำหนดแผนการดำเนินงาน และรับฟังความคิดเห็นอย่างมีส่วนร่วมจากผู้มีส่วนได้เสียที่เกี่ยวข้อง โดยในปี 2567 คณะกรรมการแก้ไขปัญหาจราจร (คจร.) ไม่ได้มีการจัดประชุมของทั้ง 2 แห่ง แต่มีการกำหนดแผนงาน ดำเนินการตามแผน และติดตามผลอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการให้สิทธิเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาตั้งด่านตรวจในเขตพื้นที่นิคมฯ เพื่อกวดขันวินัยจราจรและการปฏิบัติตามกฎหมาย พร้อมทั้งจัดทำหนังสือขอความร่วมมือปฏิบัติตามวินัยจราจร ประชาสัมพันธ์แก่ผู้ประกอบการ ภายในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ชลบุรี และนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ระยอง และประกาศเขตควบคุมวินัยจราจร โดยการ จับ ปรับ ยึด และยกยานพาหนะ

Emergency Management System (EMS)

การเข้าระงับเหตุ และการตอบสนองต่ออุบัติเหตุที่เกิดขึ้น นับว่าเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยควบคุมและลดความเสี่ยหายที่เกิดขึ้นหากเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน บริษัทฯ จึงจัดให้มีศูนย์ควบคุมกลาง (Command Center) และการติดตั้งกล้อง CCTV จำนวน 81 จุด 132 ตัว ในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ชลบุรี และ 50 จุด 121 ตัว ในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ระยอง เพื่อเฝ้าระวังเหตุฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง รวมถึงติดตั้งกล้อง CCTV เพิ่มเติมบนตู้ควบคุมไฟถนนที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ระยอง เพื่อเฝ้าระวังการเกิดอุบัติเหตุและการลักขโมยภายในนิคมฯ ได้ครอบคลุมพื้นที่มากขึ้น

นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้ติดตั้งกล้องวงจรปิดที่ใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI CCTV) เพิ่มเติม เพื่อตรวจสอบค้นหารถที่จอดบริเวณไหล่ทางได้อย่างรวดเร็วและเข้าไปจัดการย้ายรถเพื่อลดอุบัติเหตุจากการชนท้าย บริษัทฯ ได้เพิ่มไฟทางที่จุดตัดทางแยกที่มีอุบัติเหตุบ่อย เพิ่มความถี่ในการตรวจตราจุดที่มีความเสี่ยง และตั้งด่านร่วมกับตำรวจภายในพื้นที่นิคมฯ ในยามวิกาลเพื่อเพิ่มความปลอดภัย ซึ่งนอกจากจะเป็นการเพิ่มความแม่นยำและสม่ำเสมอในการลดอุบัติเหตุทางถนนแล้ว ยังเป็นการช่วยลดเวลาการทำงานของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอีกทางหนึ่งด้วย

Evaluation

การบริหารจัดการข้อมูล และการวิเคราะห์สถิติการเกิดอุบัติเหตุตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ช่วยให้บริษัทฯ สามารถวางแผนการดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ บริษัทฯ จึงจัดให้มีการอบรมการจัดการข้อมูลให้กับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เพื่อจัดเก็บข้อมูลอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นตลอดทั้งปี และนำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์สาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุ และออกแบบวิธีการแก้ไขปรับปรุงอย่างเป็นระบบ นอกจากนี้ บริษัทฯ มีแผนการนำระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ (Geographic Information System : GIS) มาใช้ในการจัดการและวิเคราะห์ข้อมูลในอนาคต เพื่อประสิทธิภาพการดำเนินการ และเพื่อเป้าหมายการเป็นนิคมอุตสาหกรรมที่ปลอดภัย มีอุบัติเหตุเป็นศูนย์

จากผลการดำเนินงานตามหลัก 6E Concept ในโครงการ Safety City, Smart City พบว่าในปี 2567 มีจำนวนอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น 529 ครั้ง มีผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจำนวน 582 ราย และมีผู้เสียชีวิตจำนวนราย จากข้อมูลพบว่า จำนวนอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ และผู้เสียชีวิต มีจำนวนเพิ่มขึ้นจากปี 2566 ทั้งนี้จำนวนอุบัติเหตุที่เพิ่มขึ้นนั้น ส่วนใหญ่มีสาเหตุมาจากพฤติกรรมการใช้ความเร็วและพฤติกรรมของผู้ขับขี่ที่ขับขี่ด้วยความประมาท ขับขี่ตัดหน้า และเมาแล้วขับ ซึ่งบริษัทฯ จะรณรงค์การสร้างวินัยในการขับขี่และส่งเสริมพฤติกรรมการขับขี่อย่างปลอดภัยของผู้ที่เดินทางสัญจรผ่านทั้งถนนของนิคมฯ เองและถนนสาธารณะในพื้นที่ต่อเนื่องต่อไป นอกจากนี้บริษัทฯ จัดทำแผนปรับปรุงเพื่อลดการเกิดอุบัติเหตุในจุดเสี่ยงเพิ่มเติม โดยจะมีการปรับปรุงถนนภายในพื้นที่โครงการ ทาสีเส้นจราจร ติดตั้งระบบไฟส่องสว่าง ติดตั้งป้ายจราจรเพิ่มเติม และติดตั้งเนินชะลอความเร็วในจุดเสี่ยงต่างๆ รวมถึงการประสานงานกับหน่วยงานภายนอกทั้งภาครัฐและภาคเอกชนในพื้นที่ เพื่อยกระดับความปลอดภัยทางถนนภายในนิคมอุตสาหกรรมอมตะต่อไป

ความปลอดภัยรอบนิคมอุตสาหกรรมอมตะ

จากการเจริญเติบโตของนิคมอุตสาหกรรมอมตะ ทำให้ชุมชนโดยรอบขยายตัวอย่างรวดเร็วและมีผู้อยู่อาศัยหนาแน่นจากการย้ายถิ่นฐานเข้ามาทำงานในนิคมฯ ทำให้เกิดความเสี่ยงด้านอัคคีภัย บริษัทฯ จึงได้เตรียมความพร้อมทั้งเจ้าหน้าที่และอุปกรณ์ให้พร้อมอยู่เสมอเพื่อช่วยเหลือชุมชน ตลอดจนได้ให้ความรู้ด้านการดับเพลิงเบื้องต้นให้แก่โรงเรียนและชุมชน  ในปี 2567 ศูนย์ตอบโต้ภาวะฉุกเฉิน (Emergency Response Center) ของบริษัทฯ ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ที่มีความเชี่ยวชาญในการดับเพลิงและบรรเทาสาธารณภัยที่ผ่านการอบรมตามกฎหมาย ได้เข้าช่วยระงับเหตุอัคคีภัยให้กับชุมชนโดยรอบนิคมอุตสาหกรรมไปทั้งสิ้น 36 ครั้ง แบ่งเป็นการระงับเหตุอัคคีภัยในชุมชนที่อยู่ในพื้นที่รอบนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ชลบุรี จำนวน 22 ครั้ง จำแนกเป็นเหตุไฟไหม้พื้นที่ชุมชนและโรงงานภายนอก จำนวน 1 ครั้ง เหตุไฟหญ้าและพื้นที่รกร้าง จำนวน 21 ครั้ง และรอบนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ระยอง จำนวน 14 ครั้ง จำแนกเป็นเหตุไฟไหม้พื้นที่ชุมชนและโรงงานภายนอก จำนวน 4 ครั้ง เหตุไฟหญ้าและพื้นที่รกร้างภายนอก จำนวน 10 ครั้ง โดยบริษัทฯ เป็นผู้สนับสนุนค่าใช้จ่ายในการระงับเหตุอัคคีภัยทั้งหมดรวมทั้งสิ้น 186,000 บาท

ร่วมสร้างอนาคต
ไปกับอมตะ

ร่วมสร้างอนาคต
ไปกับอมตะ

ติดต่อเราเพิ่มเติม

ประเทศไทย
+66 38 939 007
เวียดนาม

+84 251 3991 007 (ใต้)
+84 203 3567 007 (เหนือ)

พม่า

+95 1 230 5627

ลาว

(+856) 21 810007
(+856) 20 5710007 (ภาษาจีน)
(+856) 20 57550007 (ภาษาอังกฤษ)