ความปลอดภัยและอาชีวอนามัยเป็นเรื่องที่บริษัทฯ และผู้มีส่วนได้เสียที่เกี่ยวข้องให้ความสำคัญมาโดยตลอด

เนื่องจากพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมของบริษัทฯ มีขนาดใหญ่ มีคนเข้ามาทำงานและสัญจรไปมาภายในพื้นที่ไม่น้อยกว่า 200,000 คนต่อวัน นอกจากนี้ยังเป็นที่ตั้งของโรงงานอุตสาหกรรมจำนวนมาก จึงมีความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุและภาวะฉุกเฉินในรูปแบบต่างๆ ขึ้นได้ เช่น อุบัติเหตุทางจราจร อัคคีภัย สารเคมีรั่วไหลภายในโรงงาน เป็นต้น สร้างผลกระทบแก่ผู้มีส่วนได้เสีย เช่น พนักงานและผู้รับเหมาของบริษัทฯ ลูกค้า และชุมชนที่อยู่โดยรอบนิคมอุตสาหกรรมทั้งสองแห่งของบริษัทฯ ได้

ความเสี่ยง

การเกิดอุบัติเหตุ หรือภาวะฉุกเฉินในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมสามารถนำมาซึ่งความสูญเสียทั้งชีวิต และทรัพย์สิน ให้กับผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม และส่งผลโดยตรงต่อความเชื่อมั่นของผู้มีส่วนได้เสีย 

โอกาส

การบริหารจัดการด้วยความมุ่งมั่นสู่การเป็นเมืองแห่งความปลอดภัย Safety City, Smart City สามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้มีส่วนได้เสียจากการเป็นเมืองแห่งความปลอดภัย และสามารถส่งต่อองค์ความรู้ให้กับชุมชนและสังคมอย่างยั่งยืน

แนวทางการบริหารจัดการ

บริษัทฯ มุ่งมั่นสร้างสังคมแห่งความปลอดภัยทั้งในพื้นที่รับผิดชอบและพื้นที่โดยรอบนิคมอุตสาหกรรม โดยให้ความสำคัญกับการปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง การเตรียมความพร้อมทั้งในด้านอุปกรณ์และกำลังคนที่สามารถตอบโต้กับสถานการณ์ฉุกเฉินในรูปแบบต่างๆ ตลอดจนการจัดกิจกรรมส่งเสริมด้านความปลอดภัยแก่พนักงาน ลูกค้า ผู้รับเหมา รวมถึงชุมชนโดยรอบ ให้มีจิตสำนึกด้านความปลอดภัย มีความรู้ความเข้าใจ เพื่อร่วมกันสร้างสังคมแห่งความปลอดภัยร่วมกัน และสร้างความเชื่อมั่นให้กับชุมชนที่อยู่โดยรอบนิคมอุตสาหกรรม

บริษัทฯ มีนโยบายความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน และแนวปฏิบัติมาตรฐานด้านความปลอดภัยและอาชีวอนามัยกำหนดให้พนักงาน ลูกค้า และผู้รับเหมาที่เข้ามาทำงานในพื้นที่ของบริษัทฯ ต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบ ข้อกำหนด และกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการความปลอดภัยในนิคมอุตสาหกรรมอย่างเคร่งครัด ได้แก่ พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 และพระราชบัญญัติความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงาน พ.ศ. 2554 รวมถึงมาตรฐานสากลที่ได้นำมาใช้ร่วมในการดูแลพื้นที่ เช่น ISO 14001:2015 เป็นต้น โดยมีการตรวจประเมินความเสี่ยงด้านความปลอดภัยในการทำงานและวิเคราะห์ประสิทธิผลของมาตรการควบคุมและการดำเนินงานด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยเป็นประจำ (Disclosure 403-1)

บริษัทฯ ยังได้นำหลักการ Zero Accident มาประยุกต์ใช้ในการบริหารจัดการความปลอดภัยในพื้นที่ทำงานที่เกี่ยวข้องกับพนักงานและผู้รับเหมาของบริษัท และนำมาประยุกต์ใช้ในการบริหารจัดการความปลอดภัยภายในนิคมอุตสาหกรรมและพื้นที่โดยรอบ ภายใต้โครงการ “Safety City, Smart City” ที่เริ่มต้นในปี 2562 โดยใช้พื้นที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ชลบุรี เป็นพื้นที่นำร่องในโครงการ นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้นำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาประยุกต์ใช้ในการวางแผนบริหารจัดการความปลอดภัยในพื้นที่ของบริษัทฯ ให้เกิดประโยชน์ต่อไป

อาชีวอนามัยและความปลอดภัยของพนักงาน

บริษัทฯ ให้ความสำคัญอย่างยิ่งในการปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องของพนักงาน และการปลูกฝังวัฒนธรรมด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยให้ผู้บริหารและพนักงานทุกระดับผ่านนโยบายอาชีวอนามัยและความปลอดภัย โดยมีเป้าหมายเพื่อลดจำนวนการบาดเจ็บถึงขั้นหยุดงานให้เป็นศูนย์ (Zero Accident) 

เพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว บริษัทฯ ได้ดำเนินการจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงาน และการส่งเสริมด้านสุขภาพให้แก่พนักงานของบริษัทฯ ดังนี้

1. การประเมินความเสี่ยงในการทำงาน (Disclosure 403-2)
  • บริษัทฯ กำหนดให้ทุกหน่วยงานบ่งชี้ประเด็นความเสี่ยงที่จะเกิดความไม่ปลอดภัยหรือเป็นอันตรายต่อสุขภาพของผู้ปฏิบัติงาน พนักงานระดับหัวหน้างานและพนักงานที่เกี่ยวข้องในกิจกรรมร่วมกันบ่งชี้และประเมินความเสี่ยงของประเด็นด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัย รวมถึงกำหนดมาตรการเพื่อควบคุมความเสี่ยงของกิจกรรมหรือกระบวนการนั้นๆ โดยมีการทบทวนความเสี่ยงปีละ 1 ครั้ง
2. การรายงานและการสอบสวนเหตุการณ์ผิดปกติหรืออุบัติเหตุ
  • กรณีที่มีอุบัติเหตุหรือเหตุการณ์ผิดปกติเกิดขึ้นระหว่างการปฏิบัติงาน บริษัทฯ กำหนดให้พนักงานผู้ประสบเหตุหรือหัวหน้างานที่ได้รับแจ้ง รายงานอุบัติเหตุหรือเหตุการณ์ผิดปกติต่อหัวหน้างานและเจ้าหน้าที่ความปลอดภัย และบริษัทฯ จะมีกระบวนการสอบสวนเพื่อร่วมกันหาสาเหตุและกำหนดมาตรการป้องกันเพิ่มเติมเพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดซ้ำ

3. การส่งเสริมสุขภาพของผู้ปฏิบัติงาน (Disclosure 403-3)
  • บริษัทฯ ดำเนินการตรวจวัดสภาพแวดล้อมในการทำงานตามปัจจัยเสี่ยงแต่ละพื้นที่ เช่น คุณภาพอากาศ แสงสว่าง เสียง และแก้ไขปรับปรุงให้เป็นไปตามมาตรฐานและความจำเป็นในแต่ละงาน เพื่อให้มั่นใจว่าผู้ปฏิบัติงานทุกคนมีความสภาพแวดล้อมในการทำงานที่เหมาะสมและไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ

  • บริษัทฯ ได้สำรวจพื้นที่ในอาคารสำนักงานในจุดเสี่ยงที่จะเกิดอันตรายจากการทำงานและอัคคีภัย และดำเนินการปรับปรุงโดยการติดตั้งอุปกรณ์เพิ่มเติม หรือเปลี่ยนอุปกรณ์ให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน และมีการตรวจสอบอุปกรณ์ต่าง ๆ ให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานเป็นประจำ เช่น เครื่องดับเพลิงชนิดปราศจาก CFC ไฟฉายสำรองติดอยู่บริเวณทางออกฉุกเฉิน ป้ายเตือน (Safety Sign) เป็นต้น

  • บริษัทฯ จัดให้มีการตรวจสุขภาพพนักงานตั้งแต่แรกเข้าและมีสวัสดิการตรวจสุขภาพประจำปี สนับสนุนค่ารักษาพยาบาล และการให้คำปรึกษาด้านสุขภาพให้กับพนักงานจากพยาบาลประจำบริษัทให้แก่พนักงานทุกคน (ร้อยละ 100) 

  • ในปี 2564 บริษัทฯ ได้จัดหาและฉีดวัคซีนป้องกันโรค COVID-19 ผ่านสิทธิ์ผู้ประกันตนตามมาตรา 33 ของสำนักงานประกันสังคม  ตลอดจนการจัดสรรวัคซีนทางเลือกเพิ่มเติมทั้งวัคซีนพื้นฐานและเข็มกระตุ้นเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันแก่ผู้บริหารและพนักงาน อันจะทำให้ลดความเสี่ยงในการเจ็บป่วยรุนแรง ทั้งนี้เป็นไปตามมาตรฐานและคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข 

  • บริษัทฯ ได้จัดให้มีการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ประจำปี 4 สายพันธุ์ แก่ผู้บริหารและพนักงาน เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันและลดการอัตราการเจ็บป่วยที่อาจจะเกิดการติดเชื้อแทรกซ้อนอีกด้วย

  • บริษัทฯ ได้จัดอบรมออนไลน์ให้ความรู้ความเข้าใจแก่พนักงาน เกี่ยวกับเชื้อ COVID-19 และวัคซีนป้องกัน ตลอดจนการป้องกันดูแลตัวเองให้ปลอดภัย โดยอาจารย์แพทย์ จากคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล

  • บริษัทฯ สนับสนุนกิจกรรมเพื่อส่งเสริมสุขภาพของพนักงานทั้งสุขภาพกาย และสุขภาพใจ โดยจัดตั้งชมรมเพื่อสุขภาพ และชมรมกีฬาตามความสนใจของพนักงานประกอบด้วย ชมรมฝึกสมาธิ และชมรมกีฬาประเภทต่าง ๆ เช่น โยคะ วิ่ง แบดมินตัน ฟุตบอล แอโรบิค เป็นต้น
4. การอบรมพนักงานด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัย (Disclosure 403-5)
  • บริษัทฯ ได้จัดให้มีการอบรมดับเพลิงเบื้องต้น และการฝึกซ้อมอพยพหนีไฟ เป็นประจำทุกปี เพื่อให้พนักงานทุกคนมีความพร้อมในการรับมือกับเหตุฉุกเฉิน และเรียนรู้ทักษะที่จำเป็นในการระงับอัคคีภัยเบื้องต้น การปฏิบัติตนอย่างถูกต้องเพื่อความปลอดภัยขณะเกิดเหตุเพลิงไหม้ และมีการบันทึกข้อมูลขณะฝึกซ้อม การประเมินผลด้วยระยะเวลาในการอพยพ และประสิทธิภาพการสื่อสารขณะเกิดเหตุ ตลอดจนการสรุปผลการฝึกซ้อมให้พนักงานที่เข้าร่วมได้รับทราบ

ผลการดำเนินงานในปี 2564 ไม่มีพนักงานของบริษัทฯ ได้รับบาดเจ็บจากการทำงานถึงขั้นหยุดงาน และอัตราการเกิดอุบัติเหตุขั้นหยุดงาน (LTIFR) ของพนักงานเท่ากับ 0 คนต่อ 1 ล้านชั่วโมงการทำงาน

ความปลอดภัยในการทำงานของผู้รับเหมา

บริษัทฯ ให้ความสำคัญในเรื่องอาชีวอนามัยและความปลอดภัยของผู้รับเหมาทั้งของบริษัทฯ และของลูกค้าในนิคมอุตสาหกรรมที่เข้าไปปฏิบัติงานในพื้นที่ดำเนินงานของบริษัทฯ บริษัทฯ จึงมีการแจ้งนโยบายด้านนโยบายด้านความปลอดภัยและอาชีวอนามัยของบริษัทฯ รวมถึงแนวปฏิบัติตามมาตรการต่าง ๆ ของบริษัทฯ ที่เกี่ยวข้องกับการเข้าทำงานในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมของอมตะทั้งสองแห่งในรูปแบบการประชุมชี้แจงให้ผู้รับเหมาทั้งของบริษัทฯ และของลูกค้ารับทราบ พร้อมทั้งกำชับให้ผู้รับเหมาปฏิบัติตามกฎหมายแรงงานและอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงานอย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ ในการควบคุมการทำงานของผู้รับเหมาของบริษัทฯ จะเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของพนักงานที่เป็นเจ้าของโครงการ และหากมีการเกิดการบาดเจ็บรุนแรงในระดับถึงขั้นหยุดงาน ผู้รับเหมาจะต้องแจ้งให้ทางบริษัทฯ รับทราบด้วย

ในปี 2564 บริษัทฯ ได้มีการประเมินความเสี่ยงด้านความปลอดภัยในการทำงานของคู่ค้าและผู้รับเหมา ครอบคลุมการปฏิบัติงานที่ได้มาตรฐานและการดูแลพนักงานของคู่ค้าและผู้รับเหมาในด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัย  บริษัทฯ ได้จัดการอบรมด้านความปลอดภัยให้แก่ผู้รับเหมาของบริษัทฯ ได้แก่ การฝึกซ้อมเก็บกู้การหกรั่วไหลของขยะมูลฝอยให้แก่พนักงานเก็บขนและคัดแยกขยะประจำโรงคัดแยกขยะของบริษัทผู้รับเหมา การคัดแยกประเภทขยะ การแยกขยะติดเชื้อเพื่อส่งกำจัดอย่างถูกวิธีและปลอดภัย การอบรมและฝึกซ้อมการดับเพลิงขั้นต้นและอพยพหนีไฟ

จากการดำเนินงานพบว่าในปี 2564 ไม่มีพนักงานของผู้รับเหมาเกิดอุบัติเหตุจากการทำงานถึงขั้นหยุดงานหรือเสียชีวิต และอัตราการเกิดอุบัติเหตุขั้นหยุดงาน (LTIFR) ของพนักงานของผู้รับเหมาที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ของบริษัทฯ เท่ากับ 0 คนต่อ 1 ล้านชั่วโมงการทำงาน

การบริหารจัดการภาวะฉุกเฉินภายในนิคมอุตสาหกรรมอมตะ

บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของลูกค้าผู้ประกอบการในนิคมอุตสาหกรรมอมตะ ทั้งด้านการดูแลความปลอดภัยในพื้นที่ส่วนกลาง และการบริหารจัดการสถานการณ์ฉุกเฉินได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากบริษัทฯ ได้จัดตั้งสถานีดับเพลิงตามข้อบังคับคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ว่าด้วยมาตรฐานระบบสาธารณูปโภค สิ่งอำนวยความสะดวกและบริการ สำหรับนิคมอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ พ.ศ. 2557 แล้ว บริษัทฯ ได้จัดตั้งศูนย์ตอบโต้ภาวะฉุกเฉิน (Emergency Response Center) ในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ชลบุรี จำนวน 2 แห่ง  และ นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ระยอง จำนวน 1 แห่ง ดำเนินการโดยบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญในการดับเพลิงและบรรเทาสาธารณภัยที่ผ่านการอบรมตามกฎหมาย โดยลูกค้าสามารถติดต่อผ่านเบอร์โทรศัพท์สายตรงของศูนย์ตอบโต้ภาวะฉุกเฉินที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ชลบุรี และนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ระยอง ตลอด 24 ชั่วโมง

บริษัทฯ เล็งเห็นถึงความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะฉุกเฉินต่าง ๆ เช่น เพลิงไหม้ และสารเคมีรั่วไหล ภายในโรงงานในนิคมอุตสาหกรรม ซึ่งอยู่นอกเหนืออำนาจหน้าที่ในการบริหารจัดการของบริษัทฯ ดังนั้นบริษัทฯ จึงได้จัดตั้งโรงเรียนสอนการดับเพลิงสำหรับอุตสาหกรรมขึ้น โดยให้บริการฝึกอบรมทั้งด้านทฤษฎีและปฏิบัติ ในเรื่องความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมที่ดีในการทำงาน ตลอดจนการป้องกันและระงับอัคคีภัยในสถานประกอบการ ให้แก่โรงงานที่อยู่ในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ชลบุรี และนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ระยอง เพื่อส่งเสริมให้นิคมอุตสาหกรรมทั้งสองแห่งเป็นพื้นที่ที่มีความปลอดภัย มีอาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด และพนักงานที่ทำงานในสถานประกอบการสามารถปฏิบัติตนได้ถูกต้องในกรณีที่เกิดอัคคีภัยขึ้นในสถานประกอบการได้ 

ในปี 2564 บริษัทฯ เข้าระงับเหตุอัคคีภัยให้กับลูกค้าในนิคมอุตสาหกรรมทั้งสองแห่งไปทั้งสิ้น 89 ครั้ง และบริษัทฯ ได้ดำเนินกิจกรรมส่งเสริมด้านความปลอดภัยและอาชีวอนามัยในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะ ดังนี้

  • บริษัทฯ จัดการอบรมหลักสูตรดับเพลิงขั้นต้น ฝึกซ้อมดับเพลิง ฝึกซ้อมอพยพหนีไฟ และหลักสูตรอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องด้านความปลอดภัย ให้กับโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมทั้งสองแห่งทั้งในรูปแบบการอบรมปกติ และรูปแบบออนไลน์ รวมทั้งหมด 349 รุ่น มีพนักงานโรงงานที่ผ่านการอบรมทั้งสิ้น จำนวน 52,993 คน

  • บริษัทฯ ร่วมกับสำนักงานนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ชลบุรี และสำนักงานนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ระยอง จัดซ้อมแผนควบคุมภาวะฉุกเฉิน (สารเคมีรั่วไหล แก๊สรั่วไหล และเพลิงไหม้เนื่องจากการขนส่ง) แบบออนไลน์ ประจำปี 2564 เพื่อฝึกซ้อมความพร้อมของหน่วยงานในการตอบโต้ภาวะฉุกเฉิน สร้างความชำนาญในการปฏิบัติงาน การสื่อสาร การใช้อุปกรณ์ และอื่นๆ ในการควบคุมระงับเหตุได้อย่างทันท่วงที ลดความเสี่ยงในการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินให้แก่ผู้ประกอบการ และประชาชนในชุมชนใกล้แคียง

ความปลอดภัยทางท้องถนนภายในนิคมอุตสาหกรรมอมตะ

นิคมอุตสาหกรรมอมตะทั้งสองแห่ง มีพนักงานที่ทำงานภายในพื้นที่ประมาณ 300,000 คน

จากผลการสำรวจข้อมูลการใช้รถใช้ถนนภายในนิคมอุตสาหกรรมอมตะ พบว่ามียานพาหนะที่ใช้เส้นทางสัญจรภายในพื้นที่กว่า 116,800 คันต่อวัน จำแนกเป็นรถโดยสารรับ-ส่งพนักงาน จำนวน 1,800 คัน รถยนต์โดยสารส่วนบุคคลจำนวน 48,000 คัน และรถจักรยานยนต์จำนวน 67,000 คัน ส่งผลให้เกิดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุทางท้องถนนค่อนข้างสูง บริษัทฯ จึงได้มีการบริหารจัดการจราจรอย่างเข้มงวด และจัดให้มีแผนบริหารจัดการความปลอดภัยทางท้องถนนที่มีการบูรณาการทุกภาคส่วนในการร่วมกันบริหารจัดการจราจรภายในนิคมอุตสาหกรรมอมตะ

บริษัทฯ มีการตั้งเป้าหมายในการดำเนินการเพื่อความปลอดภัยทางท้องถนนโดยแบ่งเป็นเป้าหมายระยะสั้น 1 ปี เพื่อลดอุบัติเหตุทุกประเภทที่เกิดขึ้นภายในนิคมอุตสาหกรรมอมตะลงจากปีก่อนหน้า และแผนระยะยาว 5 ปี ซึ่งบริษัทฯ ตั้งเป้าหมายในการลดจำนวนอุบัติเหตุและผู้เสียชีวิตลงร้อยละ 50 ภายในปี 2565 โดยใช้ข้อมูลสถิติจากปี 2560 เป็นปีฐาน

Safety City, Smart City

ในปี 2562 บริษัทฯ ได้ริเริ่มโครงการ Safety City, Smart City ซึ่งเป็นโครงการที่จัดตั้งขึ้นด้วยความร่วมมือระหว่างบริษัทฯ หน่วยงานราชการ ชุมชน และโรงงานผู้ประกอบการในนิคมอุตสาหกรรมอมตะ เพื่อกำหนดแนวทางและเป้าหมายในการบริหารจัดการจราจรภายในนิคมอุตสาหกรรมอมตะร่วมกัน นอกจากนี้ โครงการ Safety City, Smart City ยังมีเป้าหมายในการสื่อสาร ถ่ายทอด และจัดการอบรมความรู้ความเข้าใจในเรื่องความปลอดภัยทางท้องถนนให้กับพนังงานที่ทำงานในนิคมอุตสาหกรรมอมตะ สถานศึกษาในพื้นที่ใกล้เคียง และชุมชนในรัศมี 5 กิโลเมตรจากพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะ โดยบริษัทฯ มอบหมายให้บริษัท อมตะ ฟาซิลิตี้ เซอร์วิส จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อย เป็นผู้รับผิดชอบดำเนินโครงการ

บริษัทฯ ได้มีการริเริ่มแนวทางในการบริหารจัดการความปลอดภัยทางท้องถนน ‘6E Concept’ ซึ่งเป็นหนึ่งในนวัตกรรมเพื่อแก้ไขผลกระทบทางสังคมที่ก่อให้เกิดประโยชน์แก่ผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม และแนวคิดนี้ได้รับคัดเลือกเป็น “Best Practice การบริหารจัดการอุบัติเหตุทางถนน จากนวัตกรรม 6E” จากวุฒิสภาในปี 2564 ซึ่งมีรายละเอียดในการดำเนินงาน ดังนี้

Engineering

บริษัทฯ ได้ดำเนินการปรับปรุงโครงสร้างและพื้นผิวถนนภายในนิคมอุตสาหกรรมอมตะอย่างต่อเนื่องและทันท่วงที รวมถึงจัดให้มีช่องทาง Line Official: @AmataCityChonburi และ @AmataCityRayong ในการเช็คอิน และแจ้งข้อมูลจุดที่สภาพพื้นผิวการจราจรเกิดความเสียหาย และเข้าซ่อมแซมอย่างทันที เพื่อลดจุดเสี่ยงและลดการเกิดอุบัติเหตุทางถนน 

บริษัทฯ ยังได้มีการจัดเก็บสถิติการเกิดอุบัติเหตุย้อนหลัง 5 ปี เพื่อประเมินจุดเสียงทางด้านกายภาพ และนำมาออกแบบวิธีการปรับปรุงโครงสร้างถนน รูปแบบการจราจร และรูปแบบเส้นทาง โดยในปี 2564 บริษัทฯ ได้นำข้อมูลจากการวิเคราะห์มาออกแบบวิธีการแก้ไขด้วยการปรับปรุงรูปแบบการจราจรจากประเภททางร่วม-ทางแยก (Crossroad) เป็นวงเวียน (Roundabout) จำนวน 5 จุดในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ชลบุรี โดยใช้งบประมาณไปทั้งสิ้น 10 ล้านบาท ส่งผลให้สถิติการเกิดอุบัติเหตุบริเวณพื้นที่ที่ปรับปรุงแล้วลดลงอย่างมีนัยสำคัญ และไม่เกิดอุบัติเหตุรุนแรงจนถึงขั้นเสียชีวิตนับตั้งแต่ก่อสร้างวงเวียนอีกเลย

นอกจากนี้บริษัทฯ ยังได้มีการก่อสร้างและติดตั้งสัญญาณไฟจราจรในพื้นที่สี่แยกด้านหน้านิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ระยอง ซึ่งเป็นพื้นที่สาธารณะที่มีการจราจรหนาแน่น เพื่อลดการเกิดอุบัติเหตุทางท้องถนน โดยบริษัทฯ สนับสนุนงบประมาณในการก่อสร้างและติดตั้งสัญญาณไฟจราจรประมาณ 2 ล้านบาท

Education

ความรู้ความเข้าใจในความปลอดภัยทางท้องถนนนับว่าเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยลดการเกิดอุบัติเหตุ และลดความรุนแรงของผลกระทบที่จะเกิดขึ้นหากเกิดอุบัติเหตุต่อผู้ใช้รถใช้ถนน บริษัทฯ ได้มีการดำเนินงานทั้งในด้านการรณรงค์สร้างความตระหนักในการปฏิบัติตามกฎหมายจราจร การสวมหวกนิรภัย การคาดเข็มขัดนิรภัย การขับขี้อย่างรู้กฎหมายจราจร และนำใจบนท้องถนน

นอกจากนี้บริษัทฯ ยังได้ดำเนินการเชิงรุก ในการสร้างความตระหนักในด้านความปลอดภัยทางท้องถนนในชุมชน และโรงเรียนในพื้นที่ใกล้เคียง โดยในปี 2564 บริษัทฯ ได้จัดการอบรมด้านวินัยจราจร และมอบหมวกนิรภัยสำหรับเด็ก ให้กับนักเรียนในโรงเรียน วัดบ้านเก่า  ตำบลบ้านเก่า อำเภอ พานทอง จังหวัดชลบุรี และ โรงเรียนบ้านภูไทร ตำบลเขาไม้แก้ว อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี

Encouragement

บริษัทฯ ได้มีการส่งเสริมและสนับสนุนให้โรงงานในนิคมอุตสาหกรรมอมตะทั้งสองแห่ง มีส่วนร่วมและเป็นพันธมิตรในการบริหารจัดการความปลอดภัยทางท้องถนนในนิคมอุตสาหกรรมอมตะ โดยในปี 2564 บริษัทฯ ได้จัดให้มีการลงนามความร่วมมือ (MOU) การสร้างมาตรฐานองค์กรเพื่อความปลอดภัยทางท้องถนนภายในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ชลบุรี โดยมีโรงงานผู้ประกอบการในนิคมอุตสาหกรรมอตะซิตี้ ชลบุรี ร่วมลงนามจำนวน 8 โรงงาน ซึ่งทั้งหมดเป็นโรงงานขนาดใหญ่ที่มีจำนวนพนักงานจำนวนมาก

Enforcement

บริษัทฯ ได้มีการใช้แนวทางบริหารจัดการเชิงรุกด้วยการสร้างภาคีเครือข่ายกับหน่วยงานภาครัฐ เพื่อบังคับใช้กฎหมาย และระเบียบข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการร่วมมือกับผู้นำชุมชน และหน่วยงานท้องถิ่น ในการใช้มาตรการทางสังคมเพื่อควบคุมและป้องกันอุบัติเหตทางท้องถนน และความร่วมมือกับเครื่องข่ายโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมอมตะ เพื่อสร้างมาตรฐานขององค์กรให้พนักงานในโรงงานปฏิบัติตามกฎจราจร เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้รถใช้ถนน

บริษัทฯ ได้มีการจัดตั้งคณะกรรมการแก้ไขปัญหาจราจร (คจร.) ซึ่งประกอบด้วยผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐ ตำรวจจราจร ผู้นำท้องถิ่น และผู้แทนจากโรงงาน เพื่อร่วมกันกำหนดมาตรการการใช้รถใช้ถนนภายในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะ กำหนดแผนการดำเนินการดำเนินงาน และรับฟังความคิดเห็นอย่างมีส่วนร่วมจากผู้มีส่วนได้เสียที่เกี่ยวข้อง โดยในปี 2564 คณะกรรมการแก้ไขปัญหาจราจร (คจร.) ได้มีการจัดการประชุมเพื่อติดตามความคืบหน้าการดำเนินงานด้านความปลอดภัยทางท้องถนน จำนวน 2 ครั้ง (อมตะซิตี้ ชลบุรี 1 ครั้ง และอมตะซิตี้ ระยอง 1 ครั้ง)

Emergency Management System (EMS)

การเข้าระงับเหตุ และการตอบสนองต่ออุบัติเหตุที่เกิดขึ้น นับว่าเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยควบคุมและลดความเสี่ยหายที่เกิดขึ้นหากเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน บริษัทฯ จึงจัดให้มีศูนย์ควบคุมกลาง (Command Center) และการติดตั้งกล้อง CCTV จำนวน 81 จุด 132 ตัว ในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ชลบุรี และ 50 จุด 121 ตัว ในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ระยอง เพื่อเฝ้าระวังเหตุฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง

Evaluation

การบริหารจัดการข้อมูล และการวิเคราะห์สถิติการเกิดอุบัติเหตุตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ช่วยให้บริษัทฯ สามารถวางแผนการดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ บริษัทฯ จึงจัดให้มีการอบรมการจัดการข้อมูลให้กับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เพื่อจัดเก็บข้อมูลอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นตลอดทั้งปี และนำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์สาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุ และออกแบบวิธีการแก้ไขปรับปรุงอย่างเป็นระบบ นอกจากนี้ บริษัทฯ มีแผนการนำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศทางภูมิศาสตร์ (Geoinformation System) มาใช้ในการจัดการและวิเคราะห์ข้อมูลในอนาคต เพื่อประสิทธิภาพการดำเนินการ และเพื่อเป้าหมายการเป็นนิคมอุตสาหกรรมที่ปลอดภัย มีอุบัติเหตุเป็นศูนย์

จากผลการดำเนินงานตามนวัตกรรม 6E Concept ในโครงการ Safety City, Smart City พบว่าในปี 2564 มีจำนวนอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น 144 ครั้ง มีผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจำนวน 120 ราย และมีผู้เสียชีวิตจำนวน 1 ราย

ซึ่งสถิติการเกิดอุบัติเหตุ ผู้บาดเจ็บ และผู้เสียชีวิตมีจำนวนลดลงจากปี 2563 ร้อยละ 57.46 ร้อยละ 61.9 และร้อยละ 66.66 ตามลำดับ และเมื่อเปรียบเทียบกับปีฐาน 2560 พบว่าสถิติทุกรายการลดลงมากกว่า 50% โดยมีสถิติอุบัติเหตุลดลงร้อยละ 70.3 สถิติผู้บาดเจ็บลดลงร้อยละ 74.19 และผู้เสียชีวิตลดลงร้อยละ 93.33

ความปลอดภัยรอบนิคมอุตสาหกรรมอมตะ

เนื่องจากมีชุมชนและผู้อยู่อาศัยหนาแน่นโดยรอบนิคมอุตสาหกรรมของอมตะ ทำให้มีความเสี่ยงด้านความปลอดภัยทั้งอัคคีภัยและการจราจร

บริษัทฯ จึงได้ใช้ความรู้ความสามารถที่บริษัทฯ มีร่วมมือกับลูกค้าในนิคมอุตสาหกรรมและการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พัฒนาโครงการต่าง ๆ เพื่อลดผลกระทบเชิงลบและสร้างสังคมแห่งความปลอดภัยในพื้นที่รอบนิคมอุตสาหกรรม

ในปี 2564 บริษัทฯ ได้เข้าช่วยระงับเหตุอัคคีภัยให้กับชุมชนโดยรอบนิคมอุตสาหกรรมไปทั้งสิ้น 21 ครั้ง แบ่งเป็นการระงับเหตุอัคคีภัยในชุมชนที่อยู่ในพื้นที่รอบนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ชลบุรี จำนวน 12 ครั้ง และรอบนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ระยอง จำนวน 9 ครั้ง โดยบริษัทฯ เป็นผู้สนับสนุนค่าใช้จ่ายในการระงับเหตุอัคคีภัยทั้งหมดรวมทั้งสิ้น 50,000 บาท นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้จัดตั้งคณะกรรมการแก้ไขปัญหาจราจรของทั้งสองนิคม ประกอบไปด้วยผู้แทนหน่วยราชการทั้งส่วนกลางและส่วนท้องถิ่น และตัวแทนผู้ประกอบการในนิคมอุตสาหกรรม เพื่อร่วมกันระดมความคิดเห็น เสนอแนะแนวการจัดการจราจรและความปลอดภัยบนท้องถนน ลดปัญหาการจราจร ลดอุบัติเหตุ รวมถึงสร้างความมั่นใจและป้องกันการเกิดอาชญากรรมภายในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมและพื้นที่ชุมชนใกล้เคียง

ร่วมสร้างอนาคตไปกับอมตะ

AMATA

Contact us for more details.

Thailand
+66 38 939 007
Vietnam

+84 251 3991 007 (South)
+84 203 3567 007 (North)

Myanmar
+95 1 230 5627
Laos

+85 620 5758 0007

© AMATA CORPORATION PCL. All rights reserved.  Web by Toneyes  Web by Toneyes