การพัฒนาชุมชนและสังคม

ความเสี่ยง

การเติบโตของนิคมอุตสาหกรรมย่อมนำมาซึ่งผลกระทบทั้งเชิงบวกและเชิงลบต่อสังคมและชุมชนท้องถิ่น ทั้งด้านเศรษฐกิจ ด้านสิ่งแวดล้อม ด้านความปลอดภัย ที่มีผลโดยตรงต่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตของคนในชุมชนท้องถิ่น หากชุมชนโดยรอบนิคมอุตสาหกรรมไม่ได้รับการดูแลและป้องกันผลกระทบเชิงลบที่ได้รับจากการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ อาจเกิดความเสี่ยงที่จะสูญเสียความสัมพันธ์อันดีระหว่างกัน ส่งผลให้เกิดความขัดแย้งกับชุมชนและการต่อต้านจากชุมชนในการขยายธุรกิจของบริษัทฯ ในอนาคต ตลอดจนกระทบต่อความเชื่อมั่นและการตัดสินใจของนักลงทุนได้

โอกาส

การพัฒนาชุมชนในมิติต่าง ๆ บริษัทฯ มุ่งหวังให้ชุมชนมีความปลอดภัยและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นจากการเข้าถึงบริการขั้นพื้นฐานที่มีคุณภาพอย่างเพียงพอ ซึ่งจะช่วยให้เกิดการยอมรับจากชุมชน (Social License to Operate) รวมถึงสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม ส่งผลให้บริษัทฯ ดำเนินธุรกิจต่อไปได้อย่างราบรื่น การดำเนินโครงการพัฒนาชุมชนและสังคมเพื่อช่วยส่งเสริมด้านการศึกษา จะทำให้เกิดการพัฒนาคุณภาพแรงงานท้องถิ่นที่เพื่อสนองตอบความต้องการใช้แรงงานมีฝีมือของลูกค้าได้อย่างต่อเนื่อง  ซึ่งจะช่วยสร้างงานสร้างอาชีพให้แก่คนในชุมชนและช่วยพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่นให้ดีขึ้นอีกทางหนึ่ง และช่วยสนับสนุนการเติบโตของลูกค้าของบริษัทฯ ในระยะยาว

แนวทางการบริหารจัดการ

จากปรัชญา “ALL WIN” ที่บริษัทฯ ได้ยึดถือเป็นหลักในการดำเนินธุรกิจมาโดยตลอด บริษัทฯ จึงมีเป้าหมายในการสร้างการเติบโตทางธุรกิจควบคู่ไปกับการพัฒนาชุมชนและสังคมอย่างยั่งยืน ด้วยเหตุนี้ บริษัทฯ จึงได้กำหนดกลยุทธ์หลักด้านความยั่งยืนที่เชื่อมโยงกับการพัฒนาชุมชนและสังคมในมิติต่าง ๆ และสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างบริษัทฯ ชุมชน ลูกค้าในนิคมอุตสาหกรรมและหน่วยงานภาครัฐ ตลอดจนผู้มีส่วนได้เสียอื่นของบริษัทฯ อาทิ คู่ค้า ผู้รับเหมา  ในการขับเคลื่อนโครงการพัฒนาชุมชนให้เกิดผลลัพธ์อย่างเป็นรูปธรรม นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้นำเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ (UN Sustainable Development Goals: SDGs) มาใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาชุมชน เพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้คน ตลอดจนเศรษฐกิจท้องถิ่นและสิ่งแวดล้อมในชุมชนให้เติบโตไปด้วยกันอย่างสมดุล

บริษัทฯ มุ่งเน้นการสร้างความสัมพันธ์อันดีกับชุมชนท้องถิ่นซึ่งเป็นหนึ่งในผู้มีส่วนได้เสียที่สำคัญ จึงได้มอบหมายให้ฝ่ายงานชุมชนสัมพันธ์และกิจกรรมความรับผิดชอบเพื่อสังคม รับผิดชอบการดำเนินงานในการสำรวจปัญหา ความต้องการ และความคาดหวังของชุมชนท้องถิ่นผ่านกระบวนการสร้างความสัมพันธ์กับกลุ่มผู้มีส่วนได้เสีย (Stakeholder Engagement Process) และนำประเด็นสำคัญที่สำรวจพบมาพัฒนากลยุทธ์และเป้าหมายของกิจกรรมเพื่อพัฒนาชุมชนของบริษัทฯ รวมถึงขับเคลื่อนโครงการพัฒนาชุมชนและสังคมในมิติต่าง ๆ ตลอดจนติดตามผลการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มั่นใจได้ว่าคนในชุมชนรอบนิคมอุตสาหกรรมอมตะจะได้รับการโอกาสอย่างทั่วถึงและสามารถเข้าถึงบริการและกิจกรรมที่บริษัทฯ จัดให้โดยทั่วกัน

บริษัทฯ ได้กำหนดแนวทางในการบริหารจัดการผลกระทบทางสังคม และการพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีของคนในชุมชน ดังนี้

1.ระบุกลุ่มเป้าหมายและสำรวจพื้นที่

ปัจจุบันการพัฒนาพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะทั้งสามแห่งในประเทศไทยของบริษัทฯ นั้น มีพื้นที่กว่า 74 ตารางกิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่ 3 จังหวัด คือจังหวัดชลบุรี จังหวัดฉะเชิงเทรา และจังหวัดระยอง มีจำนวนพนักงานที่ทำงานในนิคมอุตสาหกรรมและประชากรอาศัยอยู่ในชุมชนรอบนิคมอุตสาหกรรมรวมทั้งหมดกว่า 1.33 ล้านคน การขยายตัวของนิคมอุตสาหกรรมส่งผลกระทบต่อชุมชนและสังคมโดยรอบ เช่น ความแออัดของประชากรและการสัญจร การขยายตัวของชุมชนเมืองที่เกิดจากการเข้ามาของแรงงานต่างถิ่น ความปลอดภัยทางถนน เป็นต้น ผู้ที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ คือชุมชนท้องถิ่นที่อยู่โดยรอบ บริษัทฯ จึงได้ให้ความสำคัญกับการดูแลชุมชนท้องถิ่นในพื้นที่รัศมี 5 กิโลเมตรจากนิคมอุตสาหกรรมอมตะ

นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ชลบุรี และนิคมอุตสาหกรรมอมตะสมาร์ทซิตี้ ชลบุรี มีพื้นที่ที่ดำเนินกิจการอยู่ในปัจจุบันกว่า 45.48 ตารางกิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่ 5 อำเภอ 31 ตำบล ในจังหวัดชลบุรีและฉะเชิงเทรา มีชุมชนโดยรอบนิคมอุตสาหกรรมในระยะ 5 กิโลเมตรจากขอบพื้นที่โครงการ จำนวน 236 หมู่บ้าน บนพื้นที่กว่า 260 ตารางกิโลเมตร มีประชากรตามทะเบียนบ้านในชุมชนโดยรอบ ประมาณ 230,105 คน (ที่มา : ข้อมูลพื้นฐานเพื่อการวางแผนพัฒนาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจังหวัดชลบุรี และ เว็บไซต์ เทศบาล/อบต.) มีประชากรทั้งหมดรวมประชากรแฝงซึ่งย้ายถิ่นที่อยู่อาศัยมาเพื่อทำงานในพื้นที่นี้จำนวน 786,404 คน โดยจำนวนพนักงานที่ทำงานในโรงงานอุตสาหกรรมต่าง ๆ ในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ชลบุรี และนิคมอุตสาหกรรมอมตะสมาร์ทซิตี้ ชลบุรี ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567 มีจำนวนกว่า 210,000 คน

นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ระยอง มีพื้นที่ที่ดำเนินกิจการอยู่ในปัจจุบันกว่า 28.64 ตารางกิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่ 4 อำเภอ 6 ตำบล ในจังหวัดชลบุรีและระยอง มีชุมชนโดยรอบนิคมอุตสาหกรรมในระยะ 5 กิโลเมตรจากขอบพื้นที่โครงการ มีจำนวน 20 หมู่บ้าน มีประชากรตามทะเบียนบ้านในชุมชนโดยรอบ ประมาณ 145,998 คน แต่มีประชากรทั้งหมดรวมประชากรแฝงซึ่งย้ายถิ่นที่อยู่อาศัยมาเพื่อทำงานในพื้นที่นี้ จำนวน 240,500 คน (ที่มา: กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ระบบสถิติทางการทะเบียน ประจำปี 2567) โดยจำนวนพนักงานที่ทำงานในโรงงานอุตสาหกรรมต่าง ๆ ในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ระยอง ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567 มีจำนวนกว่า 100,000 คน

2.สร้างการมีส่วนร่วมของชุมชนท้องถิ่น

บริษัทฯ มุ่งมั่นในการสร้างกระบวนการการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้เสียที่อยู่ภายในและโดยรอบนิคมอุตสาหกรรมอมตะในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อเปิดโอกาสให้ชุมชนท้องถิ่นได้สื่อสารถึงความกังวลใจ ปัญหาผลกระทบที่ได้รับ และความต้องการของชุมชนในการร่วมกันพัฒนาพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมของอมตะให้เป็นเมืองสมบูรณ์แบบ ที่ชุมชนท้องถิ่นโดยรอบสามารถอยู่ร่วมกับนิคมอุตสาหกรรมได้อย่างมีความสุขและสร้างคุณค่าร่วมกัน

บริษัทฯ ได้จัดตั้งคณะกรรมการชุมชนชุดต่าง ๆ เพื่อเป็นช่องทางในการรับฟังปัญหา ความคาดหวัง และข้อเสนอแนะจากชุมชนเพื่อการปรับปรุงที่ดีขึ้น ตลอดจนให้ข้อเท็จจริง และแก้ไขข้อร้องเรียนอย่างมีประสิทธิภาพ  เพื่อทำให้ผู้มีส่วนได้เสียสำคัญของบริษัทฯ ได้แก่ ชุมชนและหน่วยงานราชการที่ทำหน้าที่กำกับดูแลบริษัทฯ เกิดความเข้าใจในการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ เป็นการสร้างความเชื่อมั่น ความไว้วางใจ  และความผูกพันให้เกิดขึ้นระหว่างกัน

คณะกรรมการชุดต่าง ๆ ประกอบด้วย คณะกรรมการไตรภาคี หรือคณะกรรมการที่มีโครงสร้างของกรรมการมาจากตัวแทนของ ชุมชน หน่วยงานราชการ และบริษัทฯ, คณะกรรมการพัฒนาชุมชนโดยรอบนิคมอุตสาหกรรม Eco-Green Network เป็นต้น โดยแต่ละคณะกรรมการจะมีบทบาทหน้าที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาชุมชนที่อยู่โดยรอบนิคมอุตสาหกรรมทั้งสองแห่งของบริษัทฯ และการเสนอแนะประเด็นที่เป็นกังวลของชุมชน หรือข้อร้องเรียนที่มีต่อการประกอบกิจการของบริษัทฯ

CommitteeObjectives2023 Performance

คณะกรรมการพัฒนาชุมชนโดยรอบนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ชลบุรี ประกอบด้วยกรรมการผู้แทนภาคประชาชน กรรมการผู้แทนภาคราชการ และกรรมการผู้แทนภาคโครงการ จำนวน 97 คน

 

คณะกรรมการพัฒนาชุมชนโดยรอบนิคมอุตสาหกรรมอมตะ ซิตี้ ระยอง ประกอบด้วยกรรมการผู้แทนภาคประชาชน กรรมการผู้แทนภาคราชการ และกรรมการผู้แทนภาคโครงการ จำนวน 29 คน

  • เพื่อให้ผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่ายของบริษัทฯ มีความเชื่อมั่นในการดำเนินงานด้านการจัดการสิ่งแวดล้อมของบริษัทฯ จากการเปิดเผยผลการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม
  • เพื่อเป็นช่องทางในการสื่อสารกับผู้มีส่วนได้เสียของบริษัทฯ โดยเฉพาะชุมชนและหน่วยงานราชการท้องถิ่น ถึงปัญหาและ ผลกระทบจากกิจกรรมในนิคมอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อม ข้อเสนอแนะและแนวทางการแก้ไข รวมถึงการพัฒนาชุมชน
  • ในปี 2567 คณะกรรมการพัฒนาชุมชนโดยรอบนิคมอุตสาหกรรมของทั้งสองนิคมอุตสาหกรรมได้มีการประชุม 2 ครั้ง
  • คณะกรรมการพัฒนาชุมชนโดยรอบนิคมอุตสาหกรรมอมตะทั้งสองแห่งมีความพอใจในผลดำเนินงานด้านการจัดการสิ่งแวดล้อมของบริษัทฯ และมีความเชื่อมั่นในการจัดการสิ่งแวดล้อมของบริษัทฯ ว่าเป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนด โดยมีข้อเสนอแนะด้านการจราจรในส่วนพื้นที่ต่อเชื่อมชุมชน อุบัติเหตุ และการสร้างอาชีพให้กับชุมชน
  • คณะกรรมการพัฒนาชุมชนโดยรอบนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ระยอง มีความสนใจในประเด็นเรื่อง การจราจร อุบัติเหตุ และการกระจายรายได้สู่ชุมชน

Eco-Green Network:
คณะทำงานโครงการพัฒนาและเชื่อมโยงเครือข่ายการดำเนินงานด้าน CSR+ECO+Environment & Safety +CG หรือ Eco-Green Network ในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ชลบุรี และอมตะซิตี้ ระยอง

คณะทำงานประกอบด้วยตัวแทนจากบริษัทฯ ผู้ประกอบการในนิคม ชุมชนท้องถิ่น หน่วยงานราชการท้องถิ่น โรงพยาบาล และโรงเรียน

  • เพื่อยกระดับและพัฒนานิคมอุตสาหกรรมของอมตะสู่การเป็นเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ โดยการสร้างสมดุลใน 5 มิติ ได้แก่ มิติกายภาพ มิติเศรษฐกิจ มิติสิ่งแวดล้อม มิติสังคม และมิติการบริหารจัดการ
  • เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้ผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม โดยเฉพาะผู้ประกอบการในนิคม ชุมชนและหน่วยงานราชการท้องถิ่น มีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนนิคมอุตสาหกรรมอมตะมุ่งสู่การเป็นเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ
  • เพื่อเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ผลการดำเนินงานเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศของนิคมอุตสาหกรรมอมตะต่อสาธารณชน
  • ในปี 2567 คณะทำงาน Eco-Green Network ของนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ชลบุรี จัดการประชุม 1 ครั้ง และคณะทำงาน Eco-Green Network ของนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ระยอง จัดการประชุม 1 ครั้ง
  • คณะกรรมการร่วมกันพิจารณาแผนงานและโครงการที่จะดำเนินงานเพื่อการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมมุ่งสู่การเป็นเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ ประจำปี 2567
  • คณะทำงาน Eco-Green Network ของนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ชลบุรี ให้ความสนใจเป็นพิเศษในเรื่อง การจัดการน้ำสีย การจัดการจราจร การจัดการขยะชุมชน การพัฒนาอาชีพชุมชน และการใช้พลังงานทางเลือก เช่น Solar Cell นอกจากนี้ยังได้มีการนำชุมชนรอบนิคมฯ และผู้ประกอบการไปร่วมศึกษาดูงานการบริหารจัดการขยะเพิ่มรายได้ลดรายจ่ายที่ศูนย์การเรียนรู้สิ่งแวดล้อม วัดจากแดง จ.สมุทรปราการ เพื่อนำมาประยุกต์ใช้ในพื้นที่
  • คณะทำงาน Eco-Green Network ของนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ระยอง มีความสนใจเป็นพิเศษในเรื่อง การสนับสนุนอาชีพเพื่อสร้างรายได้ให้กับชุมชน การส่งเสริมด้านสุขภาพ การสนับสนุนด้านการศึกษา และการส่งเสริมอาชีพผู้สูงอายุ

3. การประเมินผลกระทบที่มีต่อชุมชนท้องถิ่น

การประเมินผลกระทบทางสังคม เป็นหนึ่งในกระบวนการประเมินผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม (Environmental Impact Assessment; EIA) โดยการประเมินผลกระทบทางสังคม บริษัทฯ ใช้วิธีการวิเคราะห์ผู้มีส่วนได้เสียตลอดห่วงโซ่อุปทาน (Stakeholder Analysis) เพื่อวิเคราะห์กิจกรรมทางธุรกิจที่ส่งผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมต่อผู้มีส่วนได้เสีย ประกอบกับการสำรวจทัศนคติชุมชน ซึ่งบริษัทฯ ได้ดำเนินการเป็นประจำทุกปีตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมในช่วงระหว่างการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ

ในปี 2567 นิคมอุตสาหกรรมอมตะทั้งสองแห่งได้จัดประชุมร่วมกับคณะกรรมการพัฒนาชุมชนเพื่อรับฟังความคิดเห็นของชุมชนเกี่ยวกับปัญหา ผลกระทบ และข้อเสนอแนะ ประเด็นที่ชุมชนมีความกังวลใจได้แก่ 1) การจราจรและอุบัติเหตุที่ส่งผลกระทบต่อความปลอดภัย 2) โอกาสในการประกอบอาชีพและกระจายรายได้ และ 3) การจัดการสิ่งแวดล้อม เช่น น้ำเสียและขยะชุมชน ชุมชนรอบนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ระยอง ให้ความสำคัญกับการสนับสนุนการสร้างอาชีพ การดูแลสุขภาพ และการศึกษาสำหรับคนในพื้นที่ รวมถึงการสร้างรายได้ให้กับผู้สูงอายุ ขณะที่ชุมชนรอบนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ชลบุรี มีข้อกังวลเกี่ยวกับการบริหารจัดการขยะและพลังงานทางเลือก ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้รับฟังแนวทางแก้ไขปัญหาตามข้อเสนอแนะของชุมชนเพื่อนำไปพิจารณาดำเนินการให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนและลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น

4. ออกแบบโครงการและกิจกรรมเพื่อตอบสนอง

บริษัทฯ ได้กำหนดกลยุทธ์การพัฒนาชุมชนและรูปแบบกิจกรรมต่าง ๆ ให้สอดคล้องกับความต้องการและความคาดหวังของผู้มีส่วนได้เสียแต่ละกลุ่มอย่างเหมาะสม โดยร่วมมือกันระหว่างบริษัทฯ ลูกค้าผู้ประกอบการในนิคม ภาครัฐ หน่วยงานท้องถิ่น และชุมชน ภายใต้กรอบการพัฒนาชุมชน 5 ด้าน ที่สนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนของสหประชาชาติ (UN Sustainable Development Goals: UN SDGs) อีกทางหนึ่งด้วย โดยกำหนดเป้าหมายของการพัฒนาชุมชนในปี 2567 ที่คะแนนความพึงพอใจของชุมชนที่มีต่ออมตะ ไม่น้อยกว่า 85% 

ในปี 2567 บริษัทฯ ได้ดำเนินกิจกรรมและโครงการจำนวนทั้งสิ้น 25 โครงการ โดยใช้งบประมาณในการลงทุนทางสังคม (ไม่รวมเงินบริจาค) รวม 5.40 ล้านบาท  มีผู้เข้าร่วมกิจกรรมทั้งสิ้น 15,061 คน  และผู้ที่ได้รับประโยชน์ทั้งทางตรง และทางอ้อมจากกิจกรรมและโครงการที่บริษัทฯ ดำเนินการจำนวนกว่า 134,262 คน

  • การพัฒนาเศรษฐกิจชุมชน

    การเติบโตของนิคมอุตสาหกรรมนั้นส่งผลกระทบทั้งเชิงบวกและเชิงลบต่อระบบเศรษฐกิจของชุมชนท้องถิ่น เช่น การกระจายรายได้ การเพิ่มขึ้นของความต้องการแรงงาน หรือ การเกิดขึ้นของความต้องการสินค้าหรือบริการ ในขณะที่การเติบโตของเมืองทำให้ค่าครองชีพของชุมชนสูงขึ้น ปัญหาด้านเศรษฐกิจชุมชนจึงเป็นเรื่องที่ชุมชนคาดหวังให้บริษัทฯ ช่วยจัดการ สอดคล้องกับปรัชญาการดำเนินธุรกิจ “ALL WIN” ของบริษัทฯ ที่ให้ความสำคัญต่อการพัฒนาชุมชนท้องถิ่นให้พัฒนาไปพร้อมกับการเติบโตของนิคมอุตสาหกรรม บริษัทฯ จึงใช้กลยุทธ์ในการสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจให้กับผู้มีส่วนได้เสียในชุมชนทุกกลุ่ม เช่น ผู้ประกอบการท้องถิ่น กลุ่มวัยแรงงาน กลุ่มผู้สูงอายุ และกลุ่มผู้ด้อยโอกาสทางสังคม โดยสนับสนุนการจ้างงานในท้องถิ่น และพัฒนาโครงการเพื่อตอบสนองความต้องการ และพัฒนากลุ่มผู้มีส่วนได้เสียในชุมชนดังกล่าว ให้สามารถสร้างอาชีพ สร้างรายได้ และพึ่งพิงตัวเองได้อย่างยั่งยืน

    โครงการ Farm to Factory

    จากผลการสำรวจชุมชนท้องถิ่นของบริษัทฯ พบว่า ชุมชนมีผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร และสินค้าแปรรูปจำนวนมากที่ต้องการเพิ่มช่องทางการตลาด บริษัทฯ มองเห็นว่าโรงงานจำนวนมากในนิคมอุตสาหกรรม และพนักงานที่ทำงานในโรงงานเป็นตลาดใหญ่ที่มีความต้องการผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรจำนวนมาก  ดังนั้น บริษัทฯ จึงได้จัดทำโครงการ “Farm to Factory” ขึ้นตั้งแต่ปี 2561 โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมให้มีการซื้อขายระหว่างโรงงานในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะทั้งสองแห่งกับชุมชนท้องถิ่น เป็นการสนับสนุนให้ชุมชนท้องถิ่นได้มีโอกาสขายสินค้าได้ในระยะยาวโดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรและสินค้าแปรรูป สามารถสร้างเศรษฐกิจท้องถิ่นให้เติบโตได้อย่างยั่งยืน และผู้ซื้อได้รับสินค้าที่สดใหม่และมีคุณภาพจากผู้ผลิตโดยตรง

    บริษัทฯ ได้เริ่มต้นทำโครงการ Farm to Factory ร่วมกับการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยในปี 2561 โดยใช้นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ชลบุรี เป็นพื้นที่นำร่อง เพื่อให้กลุ่มวิสาหกิจชุมชนที่อยู่ในชุมชนเป้าหมายโดยรอบพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ชลบุรี ที่ผลิตและพัฒนาสินค้าของชุมชน ได้มีช่องทางในการจัดจำหน่ายสินค้า และสร้างรายได้ให้กับสมาชิกของกลุ่มฯ  ทั้งนี้ บริษัทฯ ทำหน้าที่เป็นตัวกลางระหว่างชุมชนท้องถิ่นกับโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมในการซื้อขายผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร โดยบริษัทฯ และการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยได้เข้าไปช่วยยกระดับมาตรฐานสินค้าให้ตรงตามความต้องการของผู้ซื้อด้วย โดยแบ่งการดำเนินงานออกเป็น 2 รูปแบบ ได้แก่

    • ครัวโรงงาน – การจัดส่งสินค้าทางการเกษตร เช่น ผักสด ข้าวสาร และไข่ไก่ ให้กับโรงงานเพื่อนำไปใช้เป็นสวัสดิการอาหารของพนักงาน
    • ตลาดโรงงาน – การเปิดพื้นที่ภายในโรงงาน ให้ชุมชนนำสินค้าเข้ามาจำหน่ายตามวันและเวลาที่กำหนด โดยได้รับความร่วมมือจากโรงงานในพื้นที่

    ในปี 2567 มีโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ชลบุรี และอมตะซิตี้ ระยอง เข้าร่วมโครงการ “Farm to Factory” จำนวน 43 โรงงาน (ข้อมูล ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567) และ ชุมชนท้องถิ่นจากจังหวัดฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยอง จำนวน 60 ชุมชน เข้าไปจำหน่ายสินค้าให้กับโรงงานทั้งหมด 268 ครั้ง และมีเงินรายได้จากการจำหน่ายสินค้าในปี 2567 จำนวนรวม 9.07 ล้านบาท คิดเป็นรายได้เฉลี่ยกว่า 151,000 บาทต่อชุมชนต่อปี

    กิจกรรม “อมตะชวนช้อปของดีเพื่อนบ้านชุมชน”

    บริษัทฯ ได้จัดกิจกรรม “อมตะชวนช้อปของดีเพื่อนบ้านชุมชน” ผ่านช่องทางไลฟ์สด เฟซบุ๊ก เพื่อเพิ่มพื้นที่ประชาสัมพันธ์สินค้าชุมชนให้เป็นที่รู้จักในวงกว้างยิ่งขึ้น โดยจัดกิจกรรมในเดือนเมษายน และเดือนธันวาคม 2567 ณ ลานโชว์เคส ตึกอมตะเซอร์วิส เซนเตอร์ อมตะซิตี้ ชลบุรี สินค้าที่ร่วมกิจกรรมจากชุมชนโดยรอบจาก 13 ชุมชน รวมรายได้จากการจำหน่ายสินค้าทั้งหมดกว่า 58,783 บาท

    การพัฒนาช่องทางการขายสินค้าออนไลน์

    บริษัทฯ ยังได้พัฒนาช่องทางการขายสินค้าออนไลน์ของชุมชนบนเว็บไซต์ https://amatachuanshop.com/  เพื่อเพิ่มช่องทางการขายให้กับสินค้าชุมชนให้เข้าถึงผู้ซื้อได้มากยิ่งขึ้น ซึ่งปัจจุบันมีสินค้าจากชุมชนทั้งอมตะซิตี้ ชลบุรี และอมตะซิตี้ ระยอง จำนวนกว่า 16 รายการ บนเว็บไซต์ดังกล่าว

    การพัฒนาอาชีพเสริมเพิ่มรายได้ให้ชุมชน

    โครงการพัฒนาอาชีพเสริมเพิ่มรายได้ให้ชุมชน เป็นโครงการที่บริษัทฯ ได้ริเริ่มจัดขึ้นมาตั้งแต่ปี 2565 และยังคงจัดขึ้นอย่างต่อเนื่องให้แก่ชุมชนที่อยู่โดยรอบนิคมอุตสาหกรรมอมตะ ทั้งอมตะซิตี้ ชลบุรี และ อมตะซิตี้ ระยอง ด้วยเล็งเห็นความสำคัญด้านการส่งเสริมเศรษฐกิจท้องถิ่นและเกิดการสร้างรายได้ให้แก่คนในชุมชน บริษัทฯ จึงได้จัดหลักสูตรอบรมให้ความรู้แก่ชุมชนเพื่อสามารถนำไปสู่การต่อยอดสร้างรายได้จากการประกอบอาชีพเสริมต่าง ๆ ได้ อาทิ การทำอาหาร การทำของใช้ในครัวเรือน งานสิ่งประดิษฐ์ต่าง ๆ เป็นต้น ที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้จัดอบรมอาชีพไปแล้วมากกว่า 10 อาชีพ อาทิ การผูกผ้าจับจีบ การทำไม้กวาดทางมะพร้าว การทำสลัดโรล การทำแคบหมู การทำเต้าหู้นมสด การเพาะเห็ดนางฟ้า การทำตุ๊กตาผ้า การทำยาดมสมุนไพร ฯลฯ มีผู้มาเข้าร่วมรับการอบรมแล้วกว่า 300 คน

     

    ในปี 2567 บริษัทฯ ได้มีการจัดฝึกอบรมความรู้สร้างอาชีพเพิ่มเติมอีก 3 อาชีพ โดยแบ่งเป็น 2 พื้นที่ ได้แก่

    • ชุมชนรอบพื้นที่อมตะซิตี้ ชลบุรี จัดกิจกรรมอบรมอาชีพเสริมเพิ่มรายได้ ขึ้น 3 ครั้ง ดังนี้

    ครั้งที่ 1/2567 จัดอบรมอาชีพ“การทำหมูฝอย” ให้แก่ชุมชนตำบลหนองกะขะ อ.พานทอง จ.ชลบุรี
    มีผู้เข้าร่วมกิจกรรมจำนวน
    30 คน

    ครั้งที่ 2/2567 จัดอบรมอาชีพ “การทำหมูฝอย” ให้แก่ชุมชนตำบลคลองบ้านโพธ์ อ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา
    มีผู้เข้าร่วมกิจกรรมจำนวน
    41 คน

    ครั้งที่ 3/2567 จัดอบรมอาชีพ “การทำหมูฝอย” ให้แก่ชุมชนตำบลบ้านเซิด อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี
    มีผู้เข้าร่วมกิจกรรมจำนวน
    48 คน

    • ชุมชนรอบพื้นที่อมตะซิตี้ ระยอง จัดกิจกรรมอบรมอาชีพเสริมเพิ่มรายได้ ขึ้น 3 ครั้ง ดังนี้

    ครั้งที่ 1/2567 จัดอบรมอาชีพ “การทำยาดมสมุนไพร และแซนด์วิช” ให้แก่ชุมชนตำบลบ่อวิน จ.ชลบุรี
    มีผู้เข้าร่วมกิจกรรมจำนวน
    40 คน

    ครั้งที่ 2/2567 จัดอบรมอาชีพ “การทำยาดมสมุนไพร และแซนด์วิช” ให้แก่ชุมชนตำบลพนานิคม จ.ระยอง
    มีผู้เข้าร่วมกิจกรรมจำนวน
    40 คน

    ครั้งที่ 3/2567 จัดอบรมอาชีพ “การทำสลัดโรล” ให้แก่ชุมชนตำบลเขาไม้แก้ว จ.ชลบุรี
    มีผู้เข้าร่วมกิจกรรมจำนวน
    40 คน  

    การสนับสนุนการพัฒนาสินค้าชุมชน กลุ่มแม่บ้านอ่างเก็บน้ำดอกกราย

    กลุ่มแม่บ้านอ่างเก็บน้ำดอกกราย ต.พนานิคม อ.นิคมพัฒนา จ.ระยอง ซึ่งเป็นชุมชนที่อยู่ใกล้กับนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ระยอง ได้รวมตัวจัดตั้งกลุ่มชุมชน จัดทำน้ำพริกปลาป่น ทอดมันปลากราย และปลาส้มดอกกราย เพื่อจัดจัดหน่าย

    ในปี 2567 บริษัทฯ สนับสนุนงบประมาณ 100,000 บาท เพื่อดำเนินการก่อสร้างโรงเรือนผลิตอาหารขนาด 5x12 เมตร เพื่อพัฒนายกระดับและรักษามาตรฐานการผลิต ผลิตภัณฑ์แปรรูปจากสัตว์น้ำของกลุ่มต่อไป

    โครงการคาราวานอมตะ สร้างรอยยิ้ม

    โครงการคาวานอมตะ สร้างรอยยิ้ม เป็นกิจกรรมที่บริษัทฯ จัดขึ้นเพื่อช่วยลดค่าใช้จ่ายในครัวเรือนของชุมชนโดยรอบนิคมอุตสาหกรรมอมตะโดยหมุนเวียนพื้นที่เพื่อกระจายความช่วยเหลืออย่างทั่วถึง โดยบริษัทฯ ร่วมกับพันธมิตรจากโรงงานผู้ประกอบการในนิคมอุตสาหกรรมอมตะ และหน่วยงานภายนอก อาทิ วิทยาลัยเทคโนโลยีภาคตะวันออก (อี.เทค) ชลบุรี สำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้ประจำจังหวัดชลบุรี วิทยาลัยเทคนิคบ้านค่าย จ.ระยอง บริษัท ฮอนด้าเอเซีย สาขาบ่อวิน จ.ชลบุรี เจ้าหน้าที่อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) หรือ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ออกหน่วยเคลื่อนที่ไปยังตำบลต่าง ๆ โดยรอบนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ชลบุรี และ อมตะซิตี้ ระยอง ร่วมกันให้บริการขั้นพื้นฐานแก่ประชาชนโดยไม่มีค่าใช้จ่าย เช่น บริการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องรถจักรยานยนต์ บริการตัดผม ซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้า เปิดบูธกิจกรรมเกมสันทนาการ เลี้ยงอาหารกลางวันแก่ผู้มาร่วมกิจกรรม เป็นต้น รวมถึงการให้บริการตรวจสุขภาพเบื้องต้นได้แก่ โรคความดัน และโรคเบาหวาน ซึ่งกิจกรรมคาราวานอมตะได้รับความสนใจจากชุมชนเป็นอย่างมาก

    กิจกรรมดังกล่าวได้จัดมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2562 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2567 ให้บริการแก่ชุมชนมาแล้วรวม 65 ชุมชน สามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายให้คนในชุมชนได้รวมกว่า 4,550,000 บาท มีประชาชนเข้ารับบริการกว่า 6,500 คน

    ในปี 2567 ที่ผ่านมานิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ชลบุรี ได้จัดโครงการคาราวานอมตะ สร้างรอยยิ้ม เคลื่อนที่ให้บริการชุมชนรวม 10 พื้นที่ใน 2 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดชลบุรี และจังหวัดฉะเชิงเทรา โดยร่วมกับหน่วยงานท้องถิ่นดังนี้ เทศบาลตำบลบางปะกง อบต.ท่าสะอ้าน อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา อบต.โคกเพลาะ อบต.วัดโบสถ์ อบต.บ้านเซิด อบต.หน้าพระธาตุ อบต.หนองขยาด อบต.กุฏโง้ง อำเภอพนัสนิคม จังหวัดชลบุรี อบต.หนองหงษ์ อบต.พานทองหนองกะขะ อำเภอพานทอง จังหวัดชลบุรี

    นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ระยอง  ได้จัดโครงการคาราวานเคลื่อนที่ให้บริการชุมชนรวม 3 พื้นที่ โดยร่วมกับหน่วยงานท้องถิ่นดังนี้ อบต.บ่อวิน จ.ชลบุรี  อบต. ปลวกแดง และ อบต.มาบยางพร จ.ระยอง    

  • ดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม

    โครงการชุมชนต้นแบบด้านการจัดการน้ำและขยะอย่างยั่งยืน

    นอกจากบริษัทฯ จะให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการน้ำและขยะที่เกิดขึ้นภายในนิคมฯ แล้ว บริษัทฯ ยังตระหนักถึงการดูแลชุมชนโดยรอบนิคมอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบจากการดำเนินงานของบริษัทฯ ด้วย  เนื่องจากการขยายธุรกิจของบริษัทฯ ส่งผลให้มีประชากรอยู่อาศัยกันอย่างหนาแน่นในชุมชนโดยรอบนิคมอุตสาหกรรม บริษัทฯ จึงได้จัดทำโครงการชุมชนต้นแบบด้านการจัดการน้ำและขยะอย่างยั่งยืนขึ้นตั้งแต่ปี 2560 โดยใช้ความชำนาญและประสบการณ์ในการบริหารจัดการน้ำและขยะของบริษัทฯ  ในการพัฒนาชุมชนต้นแบบ ให้ประชาชนในชุมชนเกิดความรู้และความเข้าใจในการกำจัดขยะมูลฝอยอย่างถูกวิธี และสามารถคัดแยกขยะตามหลัก 3Rs  เพื่อนำขยะไปใช้ประโยชน์อย่างคุ้มค่าและสร้างมูลค่าเพิ่มตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน ช่วยลดผลกระทบต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะลดผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อแหล่งน้ำชุมชน จากการทิ้งขยะและปล่อยน้ำเสียครัวเรือนลงในแหล่งน้ำ บริษัทฯ ได้รับความร่วมมือจากหลายหน่วยงานในการดำเนินโครงการ อาทิ เทศบาลหนองไม้แดง ผู้ประกอบการตลาดนินจา ผู้ประกอบการตลาดนัดกำนันดำ โรงเรียนบ้านห้วยสาลิกา โรงเรียนอนุบาลวัดอู่ตะเภา เทศบาลตำบลคลองตำหรุ เป็นต้น

    โครงการชุมชนต้นแบบด้านการจัดการน้ำและขยะอย่างยั่งยืนได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง ระยะที่ 1 เริ่มดำเนินการในปี 2561 – 2563 ในพื้นที่คลองรับน้ำ-คลองตำหรุ ของเทศบาลตำบลหนองไม้แดง เป็นพื้นที่กลางน้ำซึ่งเชื่อมต่อนิคมอุตสาหกรรม และระยะที่ 2 ดำเนินการในปี 2565 – 2566 ในพื้นที่คลองรับน้ำ-คลองหัวทองหลาง ในเขตพื้นที่เทศบาลตำบลคลองตำหรุเป็นพื้นที่เชื่อมต่อกับโครงการระยะที่ 1 เป็นพื้นที่ปลายน้ำก่อนไหลลงสู่ทะเล

    ปัจจุบันโครงการอยู่ในระยะที่ 3 มีระยะเวลาดำเนินการตั้งแต่ปี 2566-2568 ดำเนินการในพื้นที่คลองรับน้ำ “คลองสันตะไพร” ซึ่งอยู่ในเขตพื้นที่เทศบาลตำบลดอนหัวฬ่อและเทศบาลตำบลหนองไม้แดง มีต้นน้ำส่วนหนึ่งมาจากพื้นที่เทศบาลตำบลนาป่า โดยในระยะที่ 3 นี้บริษัทฯ ได้รับความร่วมมือจาก 9 หน่วยงานพันธมิตร ได้แก่ เทศบาลตำบลดอนหัวฬ่อ เทศบาลตำบลหนองไม้แดง เทศบาลตำบลนาป่า การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) บริษัท อมตะ ยู จำกัด บริษัท อมตะ ฟาซิลิตี้ เซอร์วิส จำกัด บริษัท อมตะ บี.กริม เพาเวอร์ 1 จำกัด บริษัท อาควา นิชิฮาร่า คอร์ปอเรชั่น จำกัด และบริษัท ยูไนเต็ด แอนนาลิสต์ แอนด์ เอ็นจิเนียริ่ง คอนซัลแตนท์ จำกัด สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของภาคอุตสาหกรรมในการสนับสนุนการบริหารจัดการทรัพยากรอย่างยั่งยืน โดยการบูรณาการการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานภาครัฐ ราชการส่วนท้องถิ่น ผู้พัฒนานิคมอุตสาหกรรม บริษัทเอกชน และชุมชนโดยรอบอย่างแท้จริง เพื่อช่วยกันดูแล รักษาและฟื้นฟูคุณภาพของสิ่งแวดล้อมบริเวณชุมชนในพื้นที่โดยรอบของนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ชลบุรี ให้มีคุณภาพที่ดีขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน

    บริษัท อมตะ ยู จำกัด และบริษัท อมตะ ฟาซิลิตี้ เซอร์วิส จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) ได้ร่วมกับสำนักงานนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ชลบุรี จัดกิจกรรมอบรมให้ความรู้ด้านการจัดการน้ำและขยะโดยผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการน้ำเสียและขยะมูลฝอยของบริษัทฯ ภายใต้ “โครงการพัฒนาชุมชนต้นแบบด้านการจัดการน้ำและขยะอย่างยั่งยืน” ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาศักยภาพเจ้าหน้าที่จากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ร่วมโครงการ โดยมีการจัดอบรมทั้งสิ้น 2 ครั้ง

    • ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2567 ณ ห้องประชุมศูนย์การเรียนรู้ด้านการจัดการน้ำเสียของนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ชลบุรี และ โรงคัดแยกขยะมูลฝอย โดยมีผู้เข้าร่วมจาก 3 องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จำนวน 27 คน
    • ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2567 ณ ห้องประชุมราชพฤกษ์ ชั้น 1 อาคารอมตะเซอร์วิส เซ็นเตอร์ นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ชลบุรี โดยมีผู้เข้าร่วมจาก 5 องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จำนวน 45 คน

    การดำเนินงานอย่างต่อเนื่องในโครงการชุมชนต้นแบบด้านการจัดการน้ำและขยะอย่างยั่งยืนส่งผลให้ผลการตรวจวัดค่า BOD ของแหล่งน้ำในชุมชนที่ดำเนินโครงการ ณ จุดวัดคุณภาพน้ำบริเวณประตูระบายน้ำคลองตำหรุในปี 2567 มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 6.2 mg/L ซึ่งลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2560 บรรลุเป้าหมายที่บริษัทฯ กำหนดไว้ให้คุณภาพของน้ำจากแหล่งน้ำชุมชนมีค่า BOD (Biochemical Oxygen Demand)ไม่เกิน 10 mg/L ซึ่งเป็นค่าที่ดีกว่าค่ามาตรฐานของกรมควบคุมมลพิษที่กำหนดไว้ที่ไม่เกิน 20 mg/L

    โครงการอุทยานพี่อุทยานน้องร่วมแบ่งปันทรัพยากรและองค์ความรู้ (SPARK)

    มูลนิธิอมตะได้ดำเนินโครงการอุทยานพี่อุทยานน้องร่วมแบ่งปันทรัพยากรและองค์ความรู้ (Sister Parks Arrangement for Resources and Knowledge Sharing: SPARK) ร่วมกับกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และองค์กร International Conservation Caucus Foundation (ICCF) ประเทศสหรัฐอเมริกา อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2556 เพื่อช่วยยกระดับอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่สู่มาตรฐานอุทยานระดับโลก และใช้เป็นอุทยานฯ นำร่องเพื่อเป็นต้นแบบการเรียนรู้ด้านการบริหารจัดการแก่อุทยานแห่งชาติอื่น ๆ ในประเทศไทยและในภูมิภาคอาเซียน

    จากผลการศึกษาของผู้เชี่ยวชาญจาก ICCF เมื่อปี 2558 พบว่ามีประเด็นเร่งด่วนประเด็นหนึ่งที่ควรต้องเร่งดำเนินการในทันที ได้แก่ การจัดการน้ำเสีย เพื่อให้มั่นใจว่าคุณภาพน้ำในแหล่งน้ำทั้งภายในและภายนอกอุทยานจะไม่ได้รับผลกระทบเชิงลบจากการใช้น้ำของนักท่องเที่ยวและเจ้าหน้าที่อุทยาน เนื่องจากผืนป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่เป็นแหล่งต้นน้ำที่สำคัญของไทย ซึ่งไหลลงสู่แม่น้ำสายหลักทั้ง 5 ของประเทศ ได้แก่ แม่น้ำนครนายก แม่น้ำปราจีนบุรี แม่น้ำลำตะคอง แม่น้ำมวกเหล็ก และแม่น้ำมูล การจัดการน้ำเสียในอุทยานแห่งชาติจึงเป็นเรื่องที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง

    มูลนิธิอมตะ และบริษัท อมตะ ยู จำกัด ซึ่งมีความรู้ความชำนาญในด้านการบริหารจัดการน้ำ ร่วมกับพันธมิตรคู่ค้าของบริษัทฯ ผู้เชี่ยวชาญจาก ICCF และเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จึงได้เข้าไปช่วยพัฒนาการจัดการน้ำเสียบนอุทยานฯ โดยมีการดำเนินงานในปี 2567 ดังนี้

    1. ติดตั้งมิเตอร์วัดปริมาณน้ำ เพิ่มเติมจากปี 2566 จำนวน 3 ตัว เพื่อสามารถเก็บสถิติปริมาณการใช้น้ำได้ในจุดที่จำเป็น (ได้รับการสนับสนุนมิเตอร์วัดปริมาณน้ำจาก บริษัท อมตะ ยู จำกัด)
    2. เก็บสถิติปริมาณการใช้น้ำ และจำนวนนักท่องเที่ยว ณ ลานกางเต็นท์ลำตะคอง และศูนย์บริการนักท่องเที่ยวตลอดทั้งปี เพื่อคำนวณและออกแบบระบบที่มีความเหมาะสม คุ้มค่า และมีประสิทธิภาพมากที่สุด
    3. สำรวจสภาพพื้นดิน และระดับความชัน เพื่อหาจุดในการวางผังระบบบำบัดน้ำเสียที่เหมาะสมที่สุด
    4. ร่างแบบระบบบำบัดน้ำเสีย ณ ลานกางเต็นท์ลำตะคองร่วมกับทีมผู้เชี่ยวชาญจาก ICCF ให้เหมาะสมกับพื้นที่ สามารถบำรุงรักษาง่าย และมีประสิทธิภาพ เพื่อเสนอต่อคณะกรรมการที่ปรึกษาอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เพื่อให้เกิดการมีส่วนร่วม และเป็นไปตามระเบียบกรมอุทยานแห่งชาติ

    นอกจากนี้ การพัฒนาและยกระดับศักยภาพของเจ้าหน้าที่อุทยานและเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเป็นอีกหนึ่งโครงการที่สำคัญ มูลนิธิอมตะ และพันธมิตรทั้งจากสหรัฐอเมริกาและไทย ตลอดจน บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) จึงร่วมดำเนิน “โครงการฝึกอบรมหลักสูตร การพัฒนาสมรรถนะด้านการจัดการอุทยานแห่งชาติ” ตามโครงการอุทยานพี่อุทยานน้องร่วมแบ่งปันทรัพยากรและองค์ความรู้ขึ้น ตั้งแต่ปี 2565 โดยมีผู้ร่วมอบรมแล้วร่วม 400 คน ซึ่งเป็นหัวหน้าและผู้ช่วยจากอุทยานแห่งชาติและเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทั่วทั้งประเทศไทย ตลอดจนหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าจากประเทศลาว อาทิ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าน้ำปุย เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเซียงทอง เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าน้ำทา รวมถึงเจ้าหน้าที่จากกระทรวงเกษตรกรรมของลาว และกระทรวงสิ่งแวดล้อมจากกัมพูชา ทั้งนี้เพราะทั้งสองประเทศเป็นประเทศยุทธศาสตร์สำคัญในการอนุรักษ์อย่างมีนัยสำคัญเพราะมีเขตพื้นที่อนุรักษ์ติดต่อกับประเทศไทย นอกจากนี้ ยังเป็นการสร้างความสัมพันธ์เพื่อขยายและสร้างความร่วมมือด้านการอนุรักษ์ระหว่างกันต่อไปในอนาคต ในปี 2567 ได้จัดฝึกอบรมปีละ 2 รุ่น จำนวนรุ่นละ 5 วัน ณ ศูนย์ฝึกอบรม (เขาใหญ่) อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่

  • สนับสนุนความปลอดภัยและการมีสุขภาพที่ดี

    โครงการส่งเสริมความปลอดภัยบนท้องถนน

    นิคมอุตสาหกรรมอมตะทั้งสองแห่ง มีพนักงานที่ทำงานภายในพื้นที่กว่า 300,000 คน จากผลการสำรวจข้อมูลการใช้รถใช้ถนนภายในนิคมอุตสาหกรรมอมตะทั้งสองแห่งในปี 2567 พบว่า นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ชลบุรี มียานพาหนะที่ใช้เส้นทางสัญจรภายในพื้นที่กว่า 119,400 คันต่อวัน จำแนกเป็นรถโดยสารรับ-ส่งพนักงาน จำนวน 1,900 คัน รถยนต์โดยสารส่วนบุคคลจำนวน 49,000 คัน และรถจักรยานยนต์จำนวน 68,500 คัน ส่วนนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ระยอง มียานพาหนะที่ใช้เส้นทางสัญจรเข้า-ออกภายในพื้นที่กว่า 69,809 คันต่อวัน จำแนกเป็นรถโดยสารรับ-ส่งพนักงาน จำนวน 1,200 คัน รถยนต์โดยสารส่วนบุคคลจำนวน 18,000 คัน และรถจักรยานยนต์จำนวน 50,609 คัน ส่งผลให้เกิดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุทางท้องถนนค่อนข้างสูง บริษัทฯ จึงได้มีการบริหารจัดการจราจรอย่างเข้มงวด และจัดให้มีแผนบริหารจัดการความปลอดภัยทางท้องถนนที่มีการบูรณาการทุกภาคส่วนในการร่วมกันบริหารจัดการจราจรภายในนิคมอุตสาหกรรมอมตะและถนนสาธารณะในพื้นที่ต่อเนื่องกับนิคมอุตสาหกรรมอมตะ ตามแนวทาง ‘6E Concept’ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่หัวข้อ การสร้างสังคมแห่งความปลอดภัย

    บริษัทฯ ได้นำข้อมูลสถิติการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน เช่น สาเหตุ และรูปแบบของการเกิดอุบัติเหตุ มาวิเคราะห์เพื่อใช้ในกระบวนการบริหารจัดการ และแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นจากโครงสร้างของถนนและรูปแบบของช่องทางเดินรถ  และรณรงค์สร้างความตระหนักในการปฏิบัติตามกฎหมายจราจร การสวมหมวกนิรภัย การคาดเข็มขัดนิรภัย การขับขี่ตามกฎหมายจราจร และน้ำใจบนท้องถนน โดยดำเนินการเชิงรุก ในการสร้างความตระหนักในด้านความปลอดภัยทางท้องถนนทั้งในนิคมอุตสาหกรรมและในชุมชนและโรงเรียนในพื้นที่ใกล้เคียง

    โครงการ AMATA Safety Road

    บริษัทฯ ร่วมกับสำนักงานนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ระยอง หน่วยงานภาครัฐ หน่วยงานท้องถิ่น และชุมชนบ้านเขามะพูด ต.พนานิคม จัดโครงการ AMATA SAFTY ROAD รณรงค์ขับขี่ปลอดภัยบ้านเขามะพูด ขึ้น ณ บริเวณบ้านเขามะพูด ต.พนานิคม อ.นิคมพัฒนา จ.ระยอง ซึ่งมีพื้นที่ติดกับอมตะซิตี้ ระยอง และมีถนนเพื่อเข้า-ออก นิคมฯ มีทั้งสถานประกอบการและชุมชนใช้สัญจรเป็นจำนวนมาก ซึ่งมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นอยู่เสมอ บริษัทฯ จึงจัดทำป้ายรณรงค์รวม 20 ป้าย ติดตั้งบริเวณแยกอันตรายในชุมชน และมอบหมวกกันน็อค รวม 50 ใบ ให้กับชุมชนที่มาร่วมอบรมความรู้เบื้องต้นในการขับขี่รถจักรยานยนต์ให้ปลอดภัยอีกด้วย เพื่อรณรงค์ลดอุบัติเหตุในชุมชนและพัฒนาเครือข่ายการป้องกันอุบัติเหตุในชุมชนให้มีความยั่งยืนต่อไป

    โครงการฝึกอบรมให้ความรู้ด้านการจราจรให้กับสถานศึกษา

    บริษัทฯ ร่วมโครงการฝึกอบรมให้ความรู้ด้านการจราจรให้กับสถานศึกษา พื้นที่ อบต.บ่อวิน จัดโดยองค์การบริหารส่วนตำบลบ่อวิน ในงานมีทั้งการให้ความรู้ด้านการจราจรโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรบ่อวิน และการฝึกในสถานการณ์การจราจรจำลอง โดยบริษัท เอเชีย ซิตี้ มอเตอร์ จำกัด ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้ออกบูธเล่นเกมส์เกี่ยวกับป้ายสัญลักษณ์ที่น่ารู้ เพื่อรณรงค์และส่งเสริมให้เด็กและเยาวชน ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการใช้รถใช้ถนนได้อย่างปลอดภัย

    โครงการครูอาสาให้ความรู้หลักสูตรการดับเพลิงเบื้องต้น

    บริษัทฯ ได้จัดการอบรมการดับเพลิงเบื้องต้น ซึ่งหลักสูตรนี้เป็นหนึ่งในวิชาเรียนของโครงการครูอาสาที่บริษัทฯ ได้จัดขึ้น ให้กับโรงเรียนวัดศรีพโลทัย ต.หนองไม้แดง อ.เมืองชลบุรี จ.ชลบุรี ซึ่งอยู่ห่างจากนิคมฯ ประมาณ 3 กิโลเมตร และโรงเรียนวัดหนองแช่แว่น ต.มาบโป่ง อ.พานทอง จ.ชลบุรี ซึ่งอยู่ห่างจากนิคมฯ ประมาณ 5 กิโลเมตร เพื่อให้นักเรียนและคณะครูได้เข้าใจและเรียนรู้ถึงวิธีการดูแลและช่วยเหลือตนเองในกรณีเกิดอัคคีภัย และมีทักษะในการใช้เครื่องดับเพลิงชนิดต่าง ๆ ได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิผล สามารถลดการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินได้

    โครงการบริจาคโลหิต “100 ล้านซีซี โลหิตชาวอมตะเพื่อสภากาชาดไทย”

    นิคมอุตสาหกรรมอมตะทั้งสองแห่ง เป็นนิคมอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่มีพนักงานทำงานอยู่ภายในจำนวนมาก ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ มีจำนวนพนักงานที่ทำงานในนิคมอุตสาหกรรมและประชาชนที่อาศัยอยู่ในชุมชนรอบนิคมอุตสาหกรรมรวมทั้งหมดกว่า 1.33 ล้านคน จึงเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพสูงในการรับบริจาคโลหิตเพื่อเป็นแหล่งโลหิตสำรองให้กับสภากาชาดไทย

    บริษัทฯ จึงได้จัดกิจกรรมรับบริจาคโลหิตจากพนักงานภายในสถานประกอบการและประชาชนทั่วไปที่อยู่โดยรอบมาอย่างต่อเนื่องรวมระยะเวลากว่า 12 ปี โดยในปี 2565 เป็นต้นมา บริษัทฯ ได้ตั้งเป้าหมายเพื่อเพิ่มการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้เสียในการบริจาคโลหิตให้ได้ปริมาณเพิ่มขึ้นโดยได้ดำเนินการภายใต้ชื่อ โครงการ “100 ล้านซีซี โลหิตชาวอมตะเพื่อสภากาชาดไทย” ซึ่งได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ภาคบริการโลหิตแห่งที่ 3 จังหวัดชลบุรี เหล่ากาชาดจังหวัดระยอง และผู้ประกอบการภายในนิคมอุตสาหกรรมอมตะทั้งสองแห่ง โดยมีเป้าหมายร่วมกันคือการเพิ่มปริมาณโลหิตสำรองให้แก่สภากาชาดไทยเพื่อให้พร้อมใช้งานในการนำไปช่วยเหลือรักษาชีวิตผู้ป่วยตามความเร่งด่วนและเพียงพอต่อความต้องการ

    ในปี 2567 โครงการนี้สามารถจัดหาโลหิตสำรองให้แก่สภากาชาดไทยได้จำนวน 4.28 ล้านซีซี โดยมาแบ่งเป็นจากนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ชลบุรี รวม จำนวน 3,881,600 ซีซี นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ระยอง จำนวน 394,150 ซีซี โดยโครงการนี้มีปริมาณโลหิตสะสมที่ได้รับบริจาครวมตลอดระยะเวลา 12 13 ปี จำนวน 29.67 ล้านซีซี แบ่งเป็น อมตะซิตี้ ชลบุรี 26.97 ล้านซีซี อมตะซิตี้ ระยอง 2.70 ล้านซีซี (ข้อมูล ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567) สามารถนำไปช่วยเหลือผู้ป่วยได้รวมกว่า 222,000 คน (ที่มา: สมาคมโลหิตวิทยาแห่งประเทศไทย การบริจาคโลหิต 1 คน  จำนวน 450 ซีซี สามารถช่วยเหลือผู้ป่วยได้ 3 คน)

    กีฬาเพื่อมิตรภาพอมตะ AMATA FRIENDSHIP SPORT

    บริษัทฯ มีนโยบายการจัดกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพที่ดีให้แก่คนในชุมชนและสังคมอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี เพื่อเสริมสร้างความสามัคคี ความมีน้ำใจนักกีฬา มีพลานามัยที่ดี ของคนในชุมชนทั้งในและนอกนิคมอุตสาหกรรม รวมถึงการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ โดยเฉพาะพนักงานที่ทำงานในโรงงานผู้ประกอบการในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ให้ได้มีโอกาสทำกิจกรรมแสดงความสามารถและสานสัมพันธ์กับเพื่อนต่างโรงงานโดยใช้กีฬาเป็นสื่อกลาง

    บริษัทฯ จึงได้จัดให้มีการแข่งขัน "กีฬาเพื่อมิตรภาพ อมตะ" ขึ้นภายในนิคมอุตสาหกรรมอมตะทั้ง 2 แห่ง อย่างต่อเนื่องรวมระยะเวลากว่า 20 ปี ซึ่งในการจัดการแข่งขันของแต่ละปีมีทีมนักกีฬาจากสถานประกอบการภายในนิคมฯ เข้าร่วมแข่งขันรวมกว่า 400 ทีม นับได้ว่าเป็นการจัดการแข่งขันกีฬาที่มีผู้เข้าร่วมมากที่สุดในกลุ่มผู้ประกอบการนิคมอุตสาหกรรม

    โดยในปี 2567 นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ชลบุรี ได้จัดการแข่งขันขึ้นในวันที่ 12 พฤษภาคม 2567 ถึง 6 ตุลาคม 2567 มีการแข่งขัน 8 ประเภทกีฬา ได้แก่ ฟุตบอลชาย 11 คน ฟุตบอลหญิง 7 คน วอลเลย์บอลชาย – หญิง บาสเกตบอลชาย เซปัคตะกร้อชาย แบดมินตัน ชายคู่ หญิงคู่ และคู่ผสม เทเบิลเทนนิส ชายเดี่ยว หญิงเดี่ยว และคู่ผสม และเปตอง ชายคู่ มีผู้สมัครเข้าร่วมการแข่งขันทั้งสิ้นจำนวน 222 ทีม จาก 70 สถานประกอบการ รวมมีนักกีฬาเข้าร่วมมากกว่า 5,200 คน

    นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ระยอง ได้จัดการแข่งขันขึ้นในวันที่ 1 ตุลาคม ถึง 3 พฤศจิกายน 2567 มีการจัดการแข่งขัน 7 ประเภทกีฬา ได้แก่ ฟุตบอล 7 คน ชาย-หญิง วอลเล่ย์บอล ชาย-หญิง เปตองคู่ ชาย-หญิง และตะกร้อชาย มีผู้สมัครเข้าร่วมการแข่งขันทั้งสิ้นจำนวน 131 ทีม จาก 53 สถานประกอบการ รวมมีนักกีฬาเข้าร่วมมากกว่า 1,500 คน

    กีฬาเยาวชน เพื่อมิตรภาพ “อมตะ จูเนียร์ลีค”

    การจัด “การแข่งขันกีฬาอมตะจูเนียร์ลีค” เป็นอีกหนึ่งโครงการที่บริษัทฯ ได้จัดขึ้นอย่างต่อเนื่องรวมระยะเวลากว่า 13 ปี ให้แก่เยาวชนที่อยู่โดยรอบนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ชลบุรี และ อมตะซิตี้ ระยอง โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อสนับสนุนและส่งเสริมทักษะความสามารถทางกีฬาให้แก่กลุ่มเยาวชน รวมถึงช่วยส่งเสริมการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ รู้จักใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ มีน้ำใจนักกีฬา รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย ไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด และมีสุขภาพร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ ถือเป็นกิจกรรมการสนับสนุนศักยภาพเยาวชนด้านกีฬาที่ใหญ่สุดในภาคธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม

    โดยในปี 2567 นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ชลบุรี ได้จัดการแข่งขันกีฬา “อมตะ จูเนียร์ลีค” ขึ้นเป็นครั้งที่ 12 มีการแข่งขันกีฬา 4 ประเภท ได้แก่ ฟุตบอลชาย 7 คน วอลเลย์บอลหญิง เซปักตระกร้อชาย และเปตองทีมชาย-หญิง แบ่งการแข่งขันออก 2 ระดับ ได้แก่ ระดับประถมศึกษาตอนปลาย ป.4 ถึง ป.6 และระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ม.1 ถึง ม.3 มีทีมนักกีฬาและโรงเรียนรอบนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ชลบุรี สนใจเข้าร่วมการแข่งขัน รวม 185 ทีม จาก 48 โรงเรียน รวมมีผู้เข้าร่วมกิจกรรมกว่า 1,000 คน

    นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ระยอง ได้จัดการแข่งขันกีฬา “อมตะ จูเนียร์ลีคขึ้นเป็นครั้งที่ 13 มีการแข่งขันกีฬา 4 ประเภทเช่นเดียวกับอมตะซิตี้ ชลบุรี  และแบ่งการแข่งขันออก 2 ระดับ ได้แก่ ระดับประถมศึกษาตอนปลาย ป.4 ถึง ป.6 และระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ม.1 ถึง ม.3 ซึ่งมีทีมนักกีฬาและโรงเรียนรอบนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ระยอง สนใจเข้าร่วมการแข่งขัน รวม 158 ทีม จาก 33 โรงเรียน รวมมีผู้เข้าร่วมกิจกรรมกว่า 1,200 คน

    บริษัทฯ ได้ให้การสนับสนุนแก่โรงเรียนและเยาวชนที่มาร่วมกิจกรรมเพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้แก่โรงเรียนและผู้ปกครอง อาทิ เสื้อกีฬา อาหารกลางวัน ค่าเดินทาง และอื่นๆ ทีมที่ชนะการแข่งขันในประเภทกีฬาต่าง ๆ จะได้รับ ทุนการศึกษา ถ้วยรางวัล และเหรียญรางวัลเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจอีกด้วย

  • ส่งเสริมการเรียนรู้

    บริษัทฯ และผู้มีส่วนได้เสียให้ความสำคัญในเรื่องการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เป็นอย่างมาก เนื่องจากภาคอุตสาหกรรมมีความต้องการบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถ และแรงงานที่มีทักษะเพิ่มมากขึ้นในปัจจุบัน ตามการพัฒนาของเทคโนโลยีในกระบวนการผลิต และตอบสนองความต้องการของภาคอุตสาหกรรมที่จะเข้ามาลงทุนในโครงการ EEC ในอนาคต บริษัทฯ จึงได้พัฒนา และดำเนินโครงการด้านการศึกษาต่าง ๆ เพื่อช่วยยกระดับขีดความสามารถของบุคลากรในโรงงานและแรงงานท้องถิ่น โดยเปิดโอกาสให้ทุกคนได้เข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพอย่างทั่วถึงและส่งเสริมการเรียนรู้อย่างไม่หยุดนิ่ง

         กิจกรรม อมตะชวนน้อง ปลูกพืชผักรักษ์สมุนไพร

    ในปี 2567 บริษัทฯ จัดกิจกรรม อมตะชวนน้อง ปลูกพืชผักรักษ์สมุนไพร ร่วมกับโรงเรียนที่อยู่โดยรอบนิคมอุตสาหกรรมอมตะ จำนวน 1 ครั้ง บริษัทอมตะ ร่วมกับสำนักงานนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ชลบุรี และผู้ประกอบการในนิคมฯ ได้จัดโครงการ "อมตะชวนน้อง ปลูกพืชผักรักษ์สมุนไพร" เพื่อเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดาฯ พระบรมราชินี และเสริมสร้างการเรียนรู้ให้กับเยาวชนในโรงเรียนนาป่ามโนรถ จ.ชลบุรี ซึ่งเป็นโรงเรียนที่ตั้งอยู่ใกล้กับนิคมอุตสาหกรรมอมตะ มีผู้เข้าร่วมกิจกรรมจาก 33 บริษัท รวมกว่า 200 คน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างการมีส่วนร่วมการพัฒนาชุมชนโดยรอบนิคมฯร่วมกับผู้ประกอบการ ผ่านการดำเนินกิจกรรมที่มุ่งเน้นให้เกิดความยั่งยืนและชุมชนสามารถนำไปต่อยอดได้ เช่น การได้วัตถุดิบที่ปลอดภัยในการประกอบอาหารกลางวัน หากมีมากพอจะสามารถขายสร้างรายได้ ทั้งยังเป็นการเสริมสร้างความรู้ และสร้างประสบการณ์ในการปลูกพืชผักให้เยาวชน ประกอบด้วย 3 กิจกรรมได้แก่ 1 ) การปลูกพืชผักสมุนไพรลงแปลงดิน 2) การปลูกผักกะละมัง 3) เรียงก้อนเห็ดเข้าโรงเรือน

    โครงการนี้ไม่เพียงส่งเสริมการเรียนรู้ให้กับเยาวชนในโรงเรียนเท่านั้น แต่ยังสามารถนำผลผลิตที่จะได้รับในอนาคตไปใช้ในโครงการอาหารกลางวันของโรงเรียนโดยไม่ต้องกังวลเรื่องสารเคมี และหากมีผลผลิตเหลือก็สามารถนำไปจำหน่ายเพื่อสร้างรายได้ อีกทั้งยังเป็นการเสริมสร้างความรู้และประสบการณ์ในการปลูกพืชผักให้กับเยาวชนอีกด้วย

    โครงการตามรอยพ่อเพื่อโรงเรียนพอเพียง

    บริษัทฯ ดำเนินโครงการ “ตามรอยพ่อเพื่อโรงเรียนพอเพียงโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนวัตถุดิบในการประกอบอาหารกลางวันของโรงเรียนและลดค่าใช้จ่ายของโรงเรียน ทั้งยังสามารถขายเป็นรายได้เสริมให้แก่โรงเรียนได้ นอกจากนี้ยังเป็นการเรียนรู้แนวทางเศรษฐกิจพอเพียงตามรอยในหลวงรัชกาลที่ 9 บริษัทฯ ได้จัดกิจกรรมเรียนรู้การเพาะเห็ด ณ โรงเรียนบ้านเขาหิน ตำบลบ่อวิน อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี เพื่อส่งเสริมให้นักเรียนได้เรียนรู้ทักษะต่าง ๆ ของการเพาะเห็ดโดยการฝึกปฏิบัติจริง ตั้งแต่กระบวนการบรรจุก้อน หยอดเชื้อเห็ด และการดูแลโรงเรือนเพาะ และได้จัดกิจกรรมปลูกผักสวนครัวเพื่อครัว ประกอบด้วย การทำแปลงปลูกผัก การปลูกผักต่าง ๆ การเพาะเห็ดนางฟ้า และการทดลองปลูกถั่วงอกในกล่องพลาสติก เพื่อส่งเสริมให้นักเรียนได้เรียนรู้และทดลองการปลูกผักจริง เช่น ผักบุ้งจีน มะเขือ พริก เป็นต้น

    บริษัทฯ ได้รับความร่วมมือจากโรงงานผู้ประกอบการในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ระยอง ได้แก่ บริษัท ซูมิโตโม รับเบอร์ (ประเทศไทย) จำกัด และ บริษัท อมตะ บี.กริม เพาเวอร์ (ระยอง) จำกัด มาร่วมทำกิจกรรมในครั้งนี้

    โครงการพัฒนาโรงเรียนโดยรอบนิคมฯ

    บริษัทฯ และชมรมอมตะจิตอาสา ระยอง ได้ร่วมกันดำเนิน “โครงการพัฒนาโรงเรียนบ้านหนองระกำ” ต.พนานิคม อ.นิคมพัฒนา จ.ระยอง มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยพัฒนาโรงเรียนและส่งเสริมการเรียนรู้นอกห้องเรียนให้แก่นักเรียนโรงเรียนบ้านหนองระกำ อ.นิคมพัฒนา จ.ระยอง กว่า 150 คน โดยจัดกิจกรรมฐานให้ความรู้ด้านความปลอดภัย และสุขอนามัยแก่นักเรียน ร่วมกันสร้างพื้นที่เรียนรู้นอกห้องเรียน หรือการวาดภาพ Brain-based learning (BBL) ปรับปรุงห้องพยาบาลโดยมอบเตียงนอนทดแทนเตียงเก่าที่ชำรุดและชุดยาปฐมพยาบาลเบื้องต้น พัฒนาห้องสมุด รวมไปถึงการมอบอุปกรณ์การเรียนการสอน อุปกรณ์กีฬา และอื่นๆ โครงการนี้ช่วยส่งเสริมความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างบริษัทฯ และโรงงานผู้ประกอบการในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ระยอง ในการทำกิจกรรมพัฒนาชุมชนท้องถิ่นร่วมกันเพื่อประโยชน์ต่อสังคมโดยรวม ซึ่งในปี 2567 มีพนักงานจากสถานประกอบการในนิคมฯ กว่า 80 คน จาก 10 บริษัท ร่วมกิจกรรม

    นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้ร่วมกับการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และชมรม CSR อมตะซิตี้ ชลบุรี จัดโครงการพัฒนาโรงเรียน ณ โรงเรียนวัดบ้านไร่ ต.มาบโป่ง อ.พานทอง จ.ชลบุรี เพื่อช่วยพัฒนาโรงเรียนและส่งเสริมเยาวชนให้การเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพ ผ่านกิจกรรมวาดรูป BBL ที่ทำเป็นลู่วิ่งเพื่อช่วยส่งเสริมทักษะทางด้านกีฬาให้แก่นักเรียนและเรียนรู้ภาษาอังกฤษระดับพื้นฐานผ่านคำศัพท์ที่นิยมใช้ในชีวิตประจำวันในหมวดสัตว์และผลไม้ นอกจากนี้ยังจัดฝึกอบรมดับเพลิงขั้นพื้นฐานเพื่อเสริมสร้างความรู้ในการดำเนินชีวิต (นอกห้องเรียน) ให้แก่นักเรียนด้วย

    โครงการครูอาสาอมตะ

    บริษัทฯ ร่วมกับผู้ประกอบภายในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ชลบุรี และอมตะซิตี้ ระยอง จัดกิจกรรม “ครูอาสาอมตะ” เพื่อสร้างความสัมพันธ์กับชุมชนและกลุ่มโรงเรียนรอบนิคมฯ สนับสนุนการเสริมสร้างทักษะความรู้รอบตัวให้กับเยาวชนด้วยหลักสูตร การลดเวลาเรียนเพิ่มเวลารู้โดยในปี 2567 ได้จัดกิจกรรมในพื้นที่ 4 โรงเรียน ได้แก่ โรงเรียนวัดศรีพโลทัย จ.ชลบุรี โรงเรียนวัดหนองแช่แว่น จ.ชลบุรี  โรงเรียนบ้านมาบยางพร จ.ระยอง และโรงเรียนบ้านโป่งสะเก็ด ต.เขาไม้แก้ว อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี

    กลุ่มเป้าหมายได้แก่เด็กนักเรียนในระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4-6 ระยะเวลาการดำเนินกิจกรรมระหว่างเดือน มิถุนายน ถึง กันยายน 2567 โดยทำการเรียนการสอนโรงเรียนละ 8 ชั่วโมงเรียน (สัปดาห์ละ 1 ชั่วโมงเรียน) มีนักเรียนเข้าร่วมกิจกรรมรวมจำนวน 304 คน

    กิจกรรมงานวันเด็กแห่งอมตะซิตี้

    บริษัทฯ  จัดกิจกรรม “วันเด็กแห่งอมตะซิตี้” มาอย่างต่อเนื่อง เป็นประจำทุกปี เพื่อมอบความสุข และความสนุกสนานให้กับเด็กๆ ที่อยู่ในพื้นที่โดยรอบนิคมอุตสาหกรรม อมตะซิตี้ ชลบุรี และ อมตะซิตี้ ระยอง ได้มาร่วมสนุกกับกิจกรรมหลากหลายรูปแบบ พร้อมกับสอดแทรกความรู้ไว้ในกิจกรรม อาทิ การแข่งขันการแสดงบนเวที การประกวดวาดภาพ การมอบทุนการศึกษา การจับสลากลุ้นของรางวัลบนเวที รวมถึงมีซุ้มกิจกรรมให้ความรู้ ซุ้มเกมแจกของรางวัล และอาหาร เครื่องดื่มฟรี อีกมากมาย ในแต่ละปีมีเด็ก ๆ มาเข้าร่วมกิจกรรมรวมกว่า 2,500 คน รวมมูลค่าการจัดงานของขวัญของรางวัลและทุนการศึกษาที่มอบให้แก่เด็กๆ รวมกว่า 700,000 – 800,000 บาทต่อปี

    ในปี 2567 บริษัทฯ ได้จัดงานวันเด็กที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ชลบุรี เมื่อวันที่ 10 มกราคม 2567 โดยได้รับความร่วมมือจากสำนักงานนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ชลบุรี ผู้ประกอบการภายในนิคมอุตสาหกรรมรวม 41 บริษัท นำทุนการศึกษา ของรางวัลจับสลากบนเวที ซุ้มกิจกรรมเกม ซุ้มอาหาร มามอบความสุขให้แก่เด็ก ๆ ที่มาร่วมกิจกรรมรวมกว่า 1,747 คน

    และที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ระยอง บริษัทฯ ได้จัดงานวันเด็กที่ เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2567 โดยได้รับความร่วมมือจากสำนักงานนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ระยอง ผู้ประกอบการภายในนิคมอุตสาหกรรมรวม 38 บริษัท นำทุนการศึกษา ของรางวัลจับสลากบนเวที ซุ้มกิจกรรมเกม ซุ้มอาหาร มามอบความสุขให้แก่เด็ก ๆ ที่มาร่วมกิจกรรมรวมกว่า 1,000 คน

    นอกจากนี้ ยังมีการจัดแสดงผลงานของนักเรียนที่ได้รางวัล จากโครงการ “นักประดิษฐ์น้อยอมตะ” ประกวดสิ่งประดิษฐ์จากวัสดุเหลือใช้ด้วย

  • ส่งเสริมวัฒนธรรมประเพณีท้องถิ่น

    บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการสนับสนุน และการมีส่วนร่วมกับกิจกรรมทางวัฒนธรรมและประเพณีท้องถิ่นของชุมชน เพื่อสืบสานประเพณีที่ดีงาม และสร้างความสัมพันธ์และทัศนคติที่ดีกับชุมชน โดยบริษัทฯ ร่วมกับการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย บริษัทผู้ประกอบการในนิคมอุตสาหกรรมอมตะทั้งสองแห่ง และชุมชนโดยรอบนิคมอุตสาหกรรมอมตะทั้งสองแห่ง เข้าร่วมและสนับสนุนกิจกรรมทางวัฒนธรรมและประเพณีท้องถิ่นของชุมชน อย่างต่อเนื่อง

    ในปี 2567 ผู้บริหารและพนักงานของบริษัทฯ ได้ร่วมทำกิจกรรมกับชุมชนท้องถิ่นในพื้นที่โดยรอบนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ชลบุรี ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ 31 ตำบล 5 อำเภอ 2 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดชลบุรี และจังหวัดฉะเชิงเทรา โดยมีกิจกรรมที่เข้าร่วม อาทิ งานทอดผ้าป่ามหากุศล งานทอกฐินสามัคคี ประเพณีสงกรานต์ งานวันผู้สูงอายุ งานลอยกระทง งานบุญประจำปี และงานทำบุญสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำท้องถิ่น เป็นต้น

    • งานอนุรักษ์ประเพณีวัฒนธรรมพื้นบ้านประเพณีทำบุญศาลแม่งอบและป่าชายเลน ต.คลองตำหรุ อ.เมือง จ.ชลบุรี
    • งานสืบสานประเพณีศาลเจ้าแม่ทับทิม ชุมชนบ้านหัวแหลม ม.1 ต.ท่าข้าม อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา
    • งานบุญประจำปี วัดโคกท่าเจริญ ต.พานทอง จ.ชลบุรี
    • งานบุญประจำปี วัดอินทาราม ต.หนองตีนนก อ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา
    • งานบุญประจำปี วัดบ้านโพธิ์ ต.บ้านโพธิ์ อ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา
    • งานบุญประจำปี วัดโป่งตามุข ต.หนองหงษ์ อ.พานทอง จ.ชลบุรี
    • งานประเพณีสงกรานต์และวันผู้สูงอายุ
    • งานสืบสานประเพณีวันลอยกระทง ต.ดอนหัวฬ่อ อ.เมือง จ.ชลบุรี

    ในพื้นที่ของนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ระยอง ได้ร่วมกิจกรรมประเพณีสงกรานต์และวันผู้สูงอายุของ อบต. โดยมอบของที่ระลึกและของอุปโภคบริโภคให้แก่ผู้สูงอายุในตำบลเขาไม้แก้ว อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี อบต.บ่อวิน อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี อบต.ปลวกแดง อบต.มาบยางพร อำเภอปลวกแดง  และ อบต.พนานิคม อำเภอนิคมพัฒนา จังหวัดระยอง

5. การติดตามและประเมินผลอย่างต่อเนื่อง

การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยได้ทำการสำรวจความพึงพอใจของชุมชนประจำปีที่มีต่อนิคมอุตสาหกรรมทั่วประเทศ จำนวน 46 แห่ง เป็นประจำทุกปี โดยร่วมกับบริษัทฯ ดำเนินการสำรวจความพึงพอใจของชุมชนรอบนิคมอุตสาหกรรมอมตะทั้งสองแห่ง ในปี 2567 นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ชลบุรี ได้รับคะแนนความพึงพอใจเฉลี่ย ที่คะแนน 94% และนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ระยอง ได้รับคะแนนความพึงพอใจเฉลี่ยที่คะแนน 89.6% สูงกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้ที่ 85%

นอกจากนี้ ฝ่ายงานชุมชนสัมพันธ์และกิจกรรมความรับผิดชอบเพื่อสังคมของบริษัทฯ ได้ลงพื้นที่เพื่อสัมภาษณ์เชิงลึกถึงประเด็นปัญหา และความคาดหวังของชุมชนต่อบริษัทฯ เพื่อนำมาเป็นข้อมูลพื้นฐานในการดำเนินกิจกรรมต่อไปในอนาคต และทำการสำรวจความพึงพอใจของชุมชนโดยรอบนิคมอุตสาหกรรมอมตะทั้งสองแห่ง ได้แก่ อมตะซิตี้ ชลบุรี และอมตะซิตี้ ระยอง เป็นประจำทุกปี ร่วมกับคณะนิเทศศาสตร์  มหาวิทยาลัยศรีปทุม วิทยาเขตชลบุรี เพื่อศึกษาข้อมูลความพึงพอใจของชุมชนที่มีต่อโครงการพัฒนาชุมชนด้านต่าง ๆ ของบริษัทฯ ในเชิงลึกรวมถึงศึกษาความต้องการและความคาดหวังของชุมชนให้ชัดเจนยิ่งขึ้น โดยผลการสำรวจในปี 2567 พบว่านิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ชลบุรี ได้รับคะแนนความพึงพอใจเฉลี่ยที่คะแนน 93.8% และนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ระยอง ได้รับคะแนนความพึงพอใจเฉลี่ยที่คะแนน 93.0%

ซึ่งบริษัทฯ ได้รวบรวมข้อเสนอแนะจากการประเมินความพึงพอใจของชุมชนโดยรอบนิคมอุตสาหกรรมอมตะทั้งสองแห่ง จากการดำเนินการของทั้งการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยและของบริษัทฯ เอง นำมาวิเคราะห์และวางแผนการดำเนินกิจกรรมเพื่อสนับสนุนและพัฒนาชุมชนในปีถัดไป

จากผลสำรวจความพึงพอใจของชุมชนของปี 2567 ชุมชนในพื้นที่โดยรอบนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ชลบุรี ต้องการให้บริษัทฯ ให้สนับสนุนกิจกรรมที่ช่วยสร้างและกระจายรายได้สู่ชุมชนมากขึ้น รวมถึงการส่งเสริมการจ้างงานในพื้นที่ นอกจากนี้ ยังมีความต้องการให้บริษัทฯ ดูแลด้านความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาจราจร การป้องกันอาชญากรรม และมาตรการควบคุมปัญหายาเสพติด เพื่อเสริมสร้างความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน

สำหรับชุมชนในพื้นที่โดยรอบนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ระยอง พบว่า ชุมชนมีความต้องการให้อมตะส่งเสริมทางด้านเศรษฐกิจ เช่น สนับสนุนการจ้างงานคนในชุมชนโดยเพิ่มโอกาสในการจ้างงาน ส่งเสริมอาชีพและสินค้าในชุมชน ตลอดจนกระจายรายได้ไปสู่ชุมชนโดยรอบนิคมฯ นอกจากนี้ ชุมชนยังต้องการให้บริษัทฯ มีส่วนร่วมมากขึ้นในการช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิต โดยเฉพาะด้านสุขภาพ การศึกษา และมีการส่วนร่วมในการพัฒนาชุมชนด้านต่าง ๆ

บริษัทฯ ได้นำข้อเสนอแนะจากแบบสำรวจมาใช้ในการวางแผนการดำเนินงานโดยให้ความสำคัญกับการดำเนินกิจกรรมเพื่อให้เกิดความสอดคล้องกับแบบสำรวจที่จัดทำขึ้น รวมถึงวางแผนงานในการจัดทำโครงการ ต่าง ๆ อาทิโครงการ Farm to Factory นำสินค้าชุมชนเข้าสู่ครัวโรงงาน ประสานขอพื้นที่ภายในสถานประกอบการเปิดเป็นตลาดนัดขนาดเล็กให้ชุมชนได้นำสินค้าเข้าไปจำหน่าย เพื่อส่งเสริมกระตุ้นเศรษฐกิจให้เกิดการกระจายรายได้ในชุมชน การนำชุมชนศึกษาดูงานต้นแบบความสำเร็จด้านการสร้างอาชีพเสริมรายได้ในพื้นที่ต่าง ๆ เพื่อเป็นแนวทางการสนับสนุนการจัดตั้งวิสาหกิจชุมชน การจัดฝึกอบรมอาชีพ รวมถึงการเพิ่มช่องทางการประชาสัมพันธ์ทางออนไลน์ให้สินค้าชุมชนเพิ่มขึ้น จากเว็บไซต์อมตะชวนช้อป และจัดการไลฟ์สดขายสินค้าชุมชน เป็นต้น

ในส่วนการดำเนินงานด้านการพัฒนาการศึกษา บริษัทฯ ได้จัดให้มีกิจกรรมครูอาสาอมตะ ด้วยความร่วมมือกับสถานประกอบการที่อยู่ภายในนิคมอุตสาหกรรมทั้งสองแห่ง และพนักงานในกลุ่มอมตะ เข้าร่วมทำกิจกรรมกับโรงเรียนที่อยู่โดยรอบนิคมฯ นอกจากนี้ยังมีการร่วมมอบทุนการศึกษาให้กับนักเรียนที่ครอบครัวขาดแคลนเพื่อเพิ่มโอกาสทางการศึกษาให้แก่เยาวชน

ในส่วนการดำเนินงานด้านการแก้ไขปัญหาการจราจร บริษัทฯ ได้มีการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านการดูแลงานจราจรอย่างต่อเนื่อง และมีการจัดโครงการร่วมกันกับชุมชน อาทิ โครงการ “เดินทางปลอดภัย สวมหมวกนิรภัยนั่งรถจักรยานยนต์" โครงการ AMATA SAFTY ROAD รณรงค์ขับขี่ปลอดภัยบ้านเขามะพูด โครงการฝึกอบรมให้ความรู้ด้านการจราจรให้กับสถานศึกษา เป็นต้น และในส่วนของการป้องกันปัญหาอาชญากรรม ยาเสพติด และความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน บริษัทฯ ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในคณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับอำเภอ (พชอ.) อำเภอพานทอง จ.ชลบุรี ซึ่งเป็นที่พื้นที่ตั้งของนิคมฯ ร่วมกับผู้ประกอบการในนิคมฯ และมีส่วนร่วมในการเฝ้าระวังยาเสพติดในพื้นทึ่อย่างต่อเนื่องตามนโยบายของรัฐ

ด้านการส่งเสริมสุขภาพ บริษัทฯ ได้มีส่วนร่วมสนับสนุนการดำเนินกิจกรรมด้านต่าง ๆ อาทิ การจัดประชุมให้ความรู้ชุมชน การเชิญร่วมออกหน่วยให้บริการประชาชนในกิจกรรมคาราวานอมตะสร้างรอยยิ้ม หรือร่วมสนับสนุนการดำเนินงานของกลุ่ม อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ในการให้บริการและดูแลสุขภาพให้แก่ชุมชนในพื้นที่ เป็นต้น

จากโครงการต่าง ๆ ที่บริษัทฯ ได้ดำเนินการ แสดงให้เห็นถึงพลังของความร่วมมือ ระหว่างภาคอุตสาหกรรม องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และชุมชน ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการขับเคลื่อนสังคมไปสู่ความยั่งยืน บริษัทฯ มุ่งมั่นที่จะสานต่อเจตนารมณ์ในการเป็นองค์กรที่เติบโตไปพร้อมกับสังคม โดยคำนึงถึงทั้ง มิติทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม เราเชื่อมั่นว่าความสำเร็จของธุรกิจจะเกิดขึ้นอย่างยั่งยืน ก็ต่อเมื่อชุมชนรอบข้างเติบโตไปพร้อมกัน

ร่วมสร้างอนาคต
ไปกับอมตะ

ร่วมสร้างอนาคต
ไปกับอมตะ

ติดต่อเราเพิ่มเติม

ประเทศไทย
+66 38 939 007
เวียดนาม

+84 251 3991 007 (ใต้)
+84 203 3567 007 (เหนือ)

พม่า

+95 1 230 5627

ลาว

(+856) 21 810007
(+856) 20 5710007 (ภาษาจีน)
(+856) 20 57550007 (ภาษาอังกฤษ)