ความเสี่ยง

จากแนวโน้มของโลกที่ให้ความสนใจในเรื่องความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมของภาคอุตสาหกรรม เช่น การปล่อยก๊าซเรือนกระจกของภาคอุตสาหกรรมจากการใช้พลังงานรูปแบบต่าง ๆ ซึ่งบริษัทฯ มีการใช้พลังงานไฟฟ้าจำนวนมากในการดูแลนิคมอุตสาหกรรมทั้งหมด นอกจากนี้ บริษัทชั้นนำทั้งในประเทศและต่างประเทศที่เข้ามาลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมในปัจจุบันให้ความสนใจและมีความต้องการใช้พลังงานหมุนเวียนที่มาจากแหล่งพลังงานสะอาดมากยิ่งขึ้น หากบริษัทฯ ไม่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าปัจจุบันและลูกค้าในอนาคตได้ อาจส่งผลกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันและการสร้างรายได้ของบริษัทฯ ในระยะยาว

โอกาส

บริษัทฯ มองเห็นถึงโอกาสในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการเพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าทั้งในปัจจุบันและอนาคตได้ เช่น การผลิตและใช้พลังงานสะอาดในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม การสนับสนุนการใช้ยานพาหนะที่ใช้ไฟฟ้า และการสรรหาเทคโนโลยีที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน เป็นต้น และมุ่งสู่การเป็นเมืองที่เป็นกลางทางคาร์บอนในปี 2583 ด้วยโครงการด้านพลังงานอัจฉริยะ (Smart Energy) ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการภายใต้เมืองอัจฉริยะอมตะ  มุ่งเน้นการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับพลังงานหมุนเวียน รวมทั้งโครงการ Smart Grid เพื่อใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ มีเสถียรภาพ และส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาดที่ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม ลดผลกระทบต่อผู้คนและสังคมจากมลพิษจากการผลิตไฟฟ้าที่ใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล และลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งจะช่วยสร้างความเชื่อมั่น สร้างรายได้และความสามารถในการแข่งขันให้กับบริษัทฯ ต่อไป

แนวทางการบริหารจัดการ

บริษัทฯ มีกิจกรรมหลักในกระบวนการทางธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการใช้พลังงาน ดังนี้ 

พลังงานไฟฟ้าเป็นพลังงานหลักที่บริษัทฯ ใช้ในกิจกรรมทางธุรกิจ และเป็นแหล่งปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางอ้อม (Scope 2) ที่สำคัญ บริษัทฯ จึงกำหนดนโยบายการจัดการด้านพลังงานภายใต้ “นโยบายการจัดการกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ” เพื่อแสดงความมุ่งมั่นในการใช้พลังงานทุกประเภทอย่างมีประสิทธิภาพโดยเฉพาะพลังงานไฟฟ้า ลดการใช้พลังงานไฟฟ้าจากแหล่งที่ใช้แล้วหมดไป (Non-renewable Energy) ด้วยการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมในกระบวนการทำงาน ควบคู่ไปกับการแสวงหาแหล่งพลังงานทดแทนที่ปลอดภัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานหมุนเวียนให้มากขึ้น เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและส่งเสริมการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน

การเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการทำงานหลักเพื่อลดการใช้พลังงานไฟฟ้า

บริษัทฯ จึงได้กำหนดแนวทางการดำเนินงานเพื่อลดการใช้พลังงานไฟฟ้าในกระบวนการทำงานหลัก โดยให้พนักงานและผู้รับเหมาที่เกี่ยวข้องกับแต่ละกิจกรรมร่วมกันรับผิดชอบในการดำเนินงานให้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ ดังนี้

บริษัทฯ มุ่งมั่นดำเนินการพื่อให้มั่นใจว่าการใช้พลังงานโดยรวมของบริษัทฯ ทั้งจากพลังงานไฟฟ้าและพลังงานเชื้อเพลิงเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยการดำเนินงานเพื่อลดการใช้พลังงานดังนี้ 

การประหยัดพลังงานในอาคารสำนักงาน

บริษัทฯ มีการดำเนินโครงการ ALL SAVE ALL WIN เพื่อส่งเสริมให้พนักงานของบริษัทฯ ทั้งที่สำนักงานกรุงเทพ สำนักงานชลบุรี และสำนักงานระยอง มีความรู้เรื่องการลดการใช้พลังงานในอาคาร เน้นการปลูกจิตสำนึกและการมีส่วนร่วมของพนักงานทุกคนในการอนุรักษ์พลังงาน และใช้ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างเหมาะสม โดยได้ดำเนินการดังนี้

  • รณรงค์ให้ปิดเครื่องปรับอากาศและปิดไฟที่ไม่จำเป็นในช่วงพักกลางวันเป็นเวลา 1 ชั่วโมง
  • รณรงค์ให้พนักงานใช้บันไดแทนการใช้ลิฟต์
  • ปรับอุณหภูมิของระบบปรับอากาศภายในสำนักงานไม่ให้ต่ำกว่า 24 องศาเซลเซียส
  • ปิดหน้าจอคอมพิวเตอร์ทุกครั้งที่ไม่มีการใช้งาน
  • เปลี่ยนมาใช้หลอดไฟประหยัดพลังงาน โดยเปลี่ยนจาก หลอดฟลูออเรสเซน ขนาด 46 วัตต์ เป็นหลอด LED ขนาด 18 วัตต์
  • วางแผนซ่อมบำรุง และทำความสะอาดเครื่องปรับอากาศอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง

นอกจากนี้ ที่สำนักงานชลบุรียังมีการเพิ่มการใช้พลังงานแสงอาทิตย์เพื่อทดแทนการใช้พลังงานไฟฟ้า โดยมีการเปลี่ยนมาใช้ solar cell spotlight เพื่อให้แสงสว่างบริเวณพื้นที่จอดรถ

ในปี 2567 อาคารสำนักงานของบริษัทฯ มีปริมาณการใช้ไฟฟ้ารวมทั้งสิ้น 619,789 กิโลวัตต์-ชั่วโมง ลดลงร้อยละ 29.34 เมื่อเทียบกับปี 2566 ซึ่งเป็นผลจากการดำเนินมาตรการประหยัดพลังงานอย่างจริงจังและต่อเนื่อง เช่น การเปลี่ยนไปใช้ระบบแสงสว่าง LED ที่ประหยัดพลังงานมากขึ้น การบำรุงรักษาเครื่องปรับอากาศเป็นประจำเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน รวมถึงการรณรงค์ให้พนักงานมีส่วนร่วมในการลดการใช้พลังงานผ่านพฤติกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

การประหยัดพลังงานในพื้นที่ส่วนกลาง

ระบบไฟส่องสว่าง

บริษัทฯ มีหน้าที่บริหารจัดการพื้นที่ส่วนกลางของนิคมอุตสาหกรรมในส่วนของการดูแลระบบไฟส่องสว่างบนถนนภายในนิคมอุตสาหกรรมทั้งหมด ซึ่งในปัจจุบันไฟส่องสว่างที่ใช้ในทุกพื้นที่ส่วนกลางของนิคมอุตสาหกรรมทั้งสองแห่งได้ถูกเปลี่ยนเป็นหลอดไฟฟ้าแบบ LED ทั้งหมดแล้ว แต่เพื่อให้การใช้เพลังงานไฟฟ้าของระบบไฟฟ้าส่องสว่างมีประสิทธิภาพที่ดีขึ้น บริษัทฯ ได้ติดตั้งระบบควบคุมและติดตามการเปิด-ปิดที่ตู้ควบคุมไฟฟ้าส่องสว่างแบบอัจฉริยะ ทดแทนระบบควบคุมไฟถนนแบบเดิมที่ทำงานด้วยระบบเปิด-ปิดจากความเข้มของแสงอาทิตย์ร่วมกับ Timer ซึ่งมีโอกาสเกิดเหตุการณ์ผิดปกติของระบบจ่ายไฟฟ้าหลัก ทำให้ไฟถนนเปิดทิ้งไว้ในตอนกลางวัน หรืออาจไม่ทำงานในช่วงเวลากลางคืน ทำให้เกิดปัญหาการสูญเสียพลังงานไฟฟ้าและถูกลูกค้าร้องเรียน รวมถึงความเสี่ยงด้านความปลอดภัยจากการมีอายุการใช้งานที่มากขึ้นและไฟถนนถูกติดตั้งบนเสาไฟฟ้าของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ทำให้ระบบไฟถนนมีโอกาสเกิดการสูญเสียของไฟฟ้า (Loss) และไฟฟ้ารั่ว (Leak) ได้สูง

บริษัทฯ จึงทำการติดตั้งระบบควบคุมไฟถนนแบบอัจฉริยะที่ได้พัฒนาขึ้นเองที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ระยอง ตั้งแต่ปี 2566 จำนวน 10 ตู้ และติดตั้งเพิ่มเติมในปี 2567 จำนวน 20 ตู้ พร้อมกับมี Platform ให้สามารถบันทึกและเรียกดูข้อมูลการทำงานของโคมไฟและข้อมูลการใช้พลังงานไฟฟ้า สามารถควบคุมการสั่งเปิด-ปิดไฟถนนแบบ real time ผ่าน mobile application, computer และ tablet ได้ พร้อมมีระบบแจ้งเตือน (LINE notification) เมื่อเกิดเหตุขัดข้องทางไฟฟ้า ทำให้เจ้าหน้าที่ศูนย์ควบคุมความปลอดภัยส่วนกลาง (AMATA Command Center : ACC) สามารถติดตามตรวจสอบสถานการณ์ทำงานของไฟถนนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นอกจากนี้ ในปี 2567 บริษัทฯ มีการเปลี่ยนและติดตั้งอุปกรณ์ที่ใช้พลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Cell) เพิ่มเติมในพื้นที่ส่วนกลางของนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ชลบุรี และนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ระยอง ได้แก่

  • การติดตั้งโคมไฟพลังงานแสงอาทิตย์ในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม อมตะซิตี้ ชลบุรี จำนวนทั้งหมด 47 โคม และนิคมอุตสาหกรรม อมตะซิตี้ ระยอง จำนวนทั้งหมด 62 โคม ทำให้มีการใช้โคมไฟพลังงานแสงอาทิตย์รวมทั้งหมด 214 โคม
  • การติดตั้งไฟกระพริบแบบใช้พลังงานแสงอาทิตย์ (solar traffic light) ทั้งหมดจำนวน 190 จุด

จากการดำเนินงานทั้งหมดทำให้ระบบไฟส่องสว่างบนถนนภายในนิคมอุตสาหกรรมมีการใช้พลังงานไฟฟ้ารวม 587,224.84 กิโลวัตต์-ชั่วโมง ในปี 2567  ลดลงร้อยละ 18.84 เปรียบเมื่อเทียบกับปี 2566 ซึ่งมีปริมาณการใช้ไฟฟ้า 723,575.5 กิโลวัตต์-ชั่วโมง

ระบบควบคุมสถานีอุตุนิยมวิทยาแบบออนไลน์ (smart weather station)

บริษัทฯ ติดตั้งสถานีอุตุนิยมวิทยาแบบออนไลน์ (smart weather station) ที่ใช้พลังงานแสงอาทิตย์ในระบบควบคุมการทำงาน รวม 11 จุด เพื่อช่วยในการติดตามสภาพอากาศแบบ Real time และบริหารจัดการเรื่องน้ำได้อย่างทันท่วงที

ระบบส่งจ่ายน้ำประปา 

ในปี 2567 บริษัทฯ ได้มีการปรับปรุงระบบส่งจ่ายน้ำประปา  สถานีสูบน้ำเขาตาแป๊ก ซึ่งเป็นสถานีเพิ่มแรงดันหลักในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ระยอง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจ่ายน้ำประปาให้กับลูกค้าที่อยู่ในนิคมอุตสาหกรรม พร้อมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานไฟฟ้า โดยหลังจากการปรับปรุง บริษัทฯ สามารถลดการใช้พลังงานไฟฟ้าสำหรับส่งจ่ายน้ำประปาจาก 0.249 กิโลวัตต์ชั่วโมง/ลูกบาศก์เมตร เป็น 0.142 กิโลวัตต์ชั่วโมง/ลูกบาศก์เมตร หรือลดลงร้อยละ 43

จากการดำเนินงานทั้งหมดข้างต้น ทำให้ในปี 2567 บริษัทฯ สามารถลดการใช้พลังงานไฟฟ้าที่ซื้อมาจากแหล่งผลิตที่ไม่หมุนเวียนในกระบวนการทางธุรกิจทั้งหมดลงเหลือ 26.21 ล้านกิโลวัตต์-ชั่วโมง ลดลงร้อยละ 24.98 เมื่อเทียบจากปีฐาน 2562 และลดลงร้อยละ 19.86 เมื่อเทียบจากปี 2566

การส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียนในระบบสาธารณูโภคของบริษัทฯ

นอกจากการดำเนินงานตามแนวทางการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานและการลดการใช้พลังงานในกระบวนการทางธุรกิจแล้ว บริษัทฯ ยังส่งเสริมให้มีการใช้พลังงานหมุนเวียนในกิจกรรมต่างๆ ให้มากขึ้น โดยเฉพาะระบบน้ำเพื่อการอุตสาหกรรมซึ่งเป็นกิจกรรมที่ใช้พลังงานมากที่สุด บริษัทฯ มอบหมายให้บริษัท อมตะ ยู จำกัด ซึ่งมีหน้าที่ดูแลรับผิดชอบการบริหารจัดการน้ำและน้ำเสียในนิคมอุตสาหกรรมอมตะให้ดำเนินการศึกษาวิธีการนำพลังงานทดแทนจากแสงอาทิตย์มาใช้ทดแทนพลังงานไฟฟ้าในกระบวนการทำงาน และได้เริ่มติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์บนหลังคาของอาคารผลิตน้ำด้วยระบบผลิตน้ำหมุนเวียน (Water Reclamation System) ตั้งแต่ปี 2560 และในปี 2562 ได้เริ่มพัฒนาวางแผนติดตั้งแผงโซลาร์ลอยน้ำ (Floating Solar) ในอ่างเก็บน้ำของบริษัทฯ โดยปัจจุบันสามารถผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์มาทดแทนการใช้ไฟฟ้าในระบบรวมทั้งหมด 4.47 ล้านกิโลวัตต์-ชั่วโมงต่อปี คิดเป็นร้อยละ 8.73 ของปริมาณการใช้ไฟฟ้าทั้งหมดของระบบการผลิตน้ำประปา ระบบบำบัดน้ำเสีย ระบบ Reclamation และ ระบบสูบน้ำดิบ  ทำให้สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ 2,237 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี

การใช้พลังงานทุกประเภททั้งภายในและภายนอกองค์กร

ในปี 2567 บริษัทฯ มีการใช้พลังงานทุกประเภททั้งภายในและภายนอกองค์กรในกิจกรรมหลักที่อยู่ในห่วงโซ่อุปทานรวมทั้งสิ้น 187,178.49 กิกะจูล ลดลงร้อยละ 11.85 เมื่อเทียบกับปี 2566 และมีอัตราการใช้พลังงานต่อหน่วยพื้นที่ที่ดำเนินงาน ของปี 2567 เท่ากับ 5.56 กิกะจูลต่อไร่ หรือ 34.74 กิกะจูลต่อเฮกตาร์ ลดลงจากปี 2566 ร้อยละ 13.08 และลดลงจากปีฐาน 2562 ร้อยละ 11.76 ซึ่งการลดลงของการใช้พลังงานดังกล่าวเป็นผลมาจากการปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงานไฟฟ้าของอุปกรณ์ในระบบสาธารณูปโภคต่าง ๆ โดยเฉพาะการปรับปรุงระบบสูบจ่ายน้ำเพื่อการอุตสาหกรรม และบริษัทฯ มีสัดส่วนการใช้พลังงานทดแทนในกระบวนการทางธุรกิจทั้งหมดเทียบกับปีฐาน 2562 เท่ากับร้อยละ 8.61 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 6.79 ในปี 2566 ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ บริษัทฯ จะยังคงมุ่งมั่นในการเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานหมุนเวียน ลดการใช้พลังงาน และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานอย่างเต็มความสามารถต่อไป

ร่วมสร้างอนาคต
ไปกับอมตะ

ร่วมสร้างอนาคต
ไปกับอมตะ

ติดต่อเราเพิ่มเติม

ประเทศไทย
+66 38 939 007
เวียดนาม

+84 251 3991 007 (ใต้)
+84 203 3567 007 (เหนือ)

พม่า

+95 1 230 5627

ลาว
+85 620 5758 0007