ความเสี่ยง

นิคมอุตสาหกรรมอมตะทั้งสองแห่ง ตั้งอยู่ในภาคตะวันออกซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีความเครียดน้ำ (water-stress area) ดังนั้น ความต้องการใช้น้ำจากการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากการพัฒนาโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor: EEC) การเพิ่มจำนวนอย่างรวดเร็วของประชากรในพื้นที่ และการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศที่ส่งผลให้เกิดวิกฤตการขาดแคลนน้ำ ล้วนแล้วแต่ทำให้เกิดความเสี่ยงและความท้าทายในการบริหารจัดการน้ำของบริษัทฯ และอาจก่อให้เกิดผลกระทบเชิงลบที่มีนัยสำคัญต่อผู้มีส่วนได้เสียหลักของบริษัทฯ ทั้งด้านการดำเนินธุรกิจ สิ่งแวดล้อม สุขอนามัยและการใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพ ตลอดจนปัญหาการเข้าถึงน้ำและการแย่งชิงน้ำในพื้นที่หากมีการจัดการที่ไม่ดี ประเด็นการบริหารจัดการน้ำใช้และน้ำทิ้งจึงเป็นประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืนที่อยู่ในความสนใจของบริษัทฯ และผู้มีส่วนได้เสียมาโดยตลอด นอกจากนี้หากกระบวนการบริหารจัดการน้ำเสียไม่มีประสิทธิภาพหรือไม่สามารถดูแลการปล่อยน้ำเสียของโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมได้ จะเพิ่มความเสี่ยงในการรั่วไหลของน้ำเสียออกสู่ภายนอกนิคมอุตสาหกรรม ส่งผลต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อมและสุขภาวะของชุมชนและสังคมโดยรอบ ซึ่งจะมีผลกระทบอย่างมากต่อความเชื่อมั่นของผู้มีส่วนได้เสียที่มีต่อบริษัทฯ

โอกาส

การประยุกต์ใช้องค์ความรู้ตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน รวมถึงการนำนวัตกรรมด้านการบริหารจัดการน้ำมาใช้ภายในนิคมอุตสาหกรรม จะช่วยลดต้นทุนในการดำเนินงาน และสร้างความมั่นคงทางทรัพยากรน้ำให้กับผู้ใช้น้ำทั้งภายในนิคมอุตสาหกรรมและผู้ใช้น้ำที่อยู่ในชุมชนโดยรอบที่ต้องพึ่งพิงน้ำจากแหล่งน้ำธรรมชาติ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นต่อผู้มีส่วนได้เสีย และต่อนักลงทุน อีกทั้งยังช่วยเพิ่มความสามารถทางการแข่งขัน ในการเป็นนิคมอุตสาหกรรมที่มีความมั่นคงทางทรัพยากรน้ำสูง

แนวทางการบริหารจัดการ

บริษัทฯ ให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการบริหารจัดการน้ำแบบบูรณาการ จึงได้กำหนด นโยบายการบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน โดยยึดหลักการใช้ทรัพยากรน้ำอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุด ควบคู่ไปกับการประเมินและบริหารความเสี่ยงด้านน้ำอย่างเป็นระบบ เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงด้านน้ำให้แก่ภาคธุรกิจ และสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้มีส่วนได้เสียว่าการจัดการน้ำภายในนิคมอุตสาหกรรมดำเนินไปอย่างมีความรับผิดชอบ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในการปกป้องและใช้ทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน

ศึกษารายละเอียดนโยบายได้ที่นี่

บริษัทฯ กำหนดเป็นเป้าหมายขององค์กรที่จะไม่มีการปล่อยน้ำทิ้งออกสู่ภายนอกนิคมอุตสาหกรรมตามหลักการ Zero Discharge มาตั้งแต่เริ่มต้นทำธุรกิจ จึงได้มีการจัดทำแผนการบริหารจัดการน้ำที่ครอบคลุมทุกพื้นที่การดำเนินงานของบริษัท ฯ (ร้อยละ 100) ตั้งแต่การจัดหาน้ำดิบ การใช้น้ำในนิคมอุตสาหกรรม และการบริหารจัดการน้ำเสีย รวมถึงทำการตรวจวัดคุณภาพน้ำดิบ น้ำใช้เพื่อการอุตสาหกรรม และน้ำทิ้งในจุดต่างๆ ให้มีค่าตัวชี้วัดคุณภาพน้ำเป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐานที่กฎหมายกำหนดหรือดีกว่า เพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อผู้มีส่วนได้เสียทั้งในระยะสั้นและระยะยาว

บริษัทฯ ปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องภายใต้พระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2522 พระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 และมาตรฐานสิ่งแวดล้อม ISO 14001:2015 อย่างเคร่งครัด มีการตรวจวัดคุณภาพน้ำเป็นประจำโดยห้องปฏิบัติการที่ขึ้นทะเบียนกับกรมโรงงานอุตสาหกรรม และเปิดเผยผลการดำเนินงานเรื่องการบริหารจัดการน้ำใช้และน้ำเสียในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA: Environmental Impact Assessment) และนำเสนอรายงานผลการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA Monitoring Report) เป็นประจำทุก 6 เดือน ให้คณะกรรมการตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อมของนิคมอุตสาหกรรมอมตะทั้งสองแห่งรับทราบ รวมไปถึงการควบคุมดูแลลูกค้าในนิคมอุตสาหกรรมให้ปฏิบัติตามกฎระเบียบของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เพื่อป้องกันและลดผลกระทบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม

บริษัท ฯ ได้แต่งตั้งคณะทำงานบริหารจัดการน้ำ (Water Management Committee) ซึ่งประกอบด้วย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร คณะทำงานจากฝ่ายวิศวกรรม และบริษัทย่อย ได้แก่ บริษัท อมตะ ยู จำกัด และบริษัท อมตะ ฟาซิลิตี้ เซอร์วิส จำกัด ให้เป็นผู้รับผิดชอบดูแลเรื่องการบริหารจัดการน้ำภายในนิคมอุตสาหกรรมของอมตะทั้งหมด รวมถึงการส่งเสริมให้ชุมชนรอบนิคมอุตสาหกรรมมีความรู้ความเข้าใจในการดำเนินธุรกิจและการบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืนของบริษัทฯ รวมถึงใช้ความรู้ความสามารถที่บริษัทฯ มีไปช่วยพัฒนาการบริหารจัดการน้ำเสียของชุมชน โดยบูรณาการความร่วมมือระหว่างบริษัทฯ หน่วยงานราชการ และชุมชน เพื่อส่งเสริมสุขภาพและสิ่งแวดล้อมที่ดีในชุมชน

การจัดหาและพัฒนาแหล่งน้ำสำรองเพื่อการอุตสาหกรรม

ในการดำเนินธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมนั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องพึ่งพาทรัพยากรน้ำ เพื่อใช้สนับสนุนกระบวนการผลิตและดำเนินงานของโรงงานในนิคมอุตสาหกรรม บริษัทฯ ได้ทำการศึกษาผลกระทบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมจากความต้องการใช้น้ำของนิคมอุตสาหกรรมอมตะทุกแห่ง ก่อนที่จะเริ่มดำเนินกิจการ เพื่อประเมินโอกาสและความเสี่ยงจากการใช้ทรัพยากรน้ำร่วมกับชุมชน รวมถึงความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับน้ำจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพื่อกำหนดแนวทางการดำเนินงานให้เหมาะสมกับแต่ละพื้นที่

พื้นที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะทั้งหมดจำนวนสี่แห่งในประเทศไทย (ร้อยละ 100) ตั้งอยู่ในเขตภาคตะวันออกซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีภาวะความเครียดน้ำ (water-stressed areas) และมีโอกาสเกิดวิกฤตภัยแล้งค่อนข้างสูง จากการประเมินความเสี่ยงและผลกระทบ บริษัทฯ พบว่านิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ชลบุรี มีความเสี่ยงสำคัญด้านปริมาณน้ำดิบเพื่อใช้ในนิคมอุตสาหกรรม บริษัทฯ จึงได้จัดให้มีแหล่งน้ำดิบสำรองทั้งภายในและภายนอกนิคมอุตสาหกรรมอย่างเพียงพอ และเพิ่มการนำน้ำผ่านการบำบัดแล้วกลับมาใช้ประโยชน์ให้ได้มากที่สุดเพื่อลดการพึ่งพาน้ำดิบจากแหล่งน้ำธรรมชาติ

ส่วนนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ระยอง ตั้งอยู่ในส่วนต้นของพื้นที่รับน้ำ มีความเสี่ยงสำคัญคือความสมบูรณ์ของแหล่งต้นน้ำ และมีความเสี่ยงต่อความเชื่อมั่นของชุมชนโดยรอบในการกักเก็บทรัพยากรน้ำและการใช้ประโยชน์ร่วมกัน บริษัทฯ จึงได้มีการขยายอ่างเก็บน้ำดิบสำรองภายในนิคมอุตสาหกรรม ร่วมกับการจัดหาแหล่งน้ำดิบสำรองจากภายนอกนิคมอุตสาหกรรม และดำเนินโครงการอนุรักษ์ป่าริมน้ำและป่าต้นน้ำในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ระยอง รวมทั้งจัดสร้างระบบสนับสนุนน้ำประปาให้กับชุมชนเมื่อเกิดวิกฤตภัยแล้งในพื้นที่

บริษัท ฯ มอบหมายให้บริษัท อมตะ ยู จำกัด เป็นผู้จัดเตรียมน้ำดิบเพื่อนำมาผลิตเป็นน้ำเพื่อการอุตสาหกรรมจ่ายให้กับผู้ประกอบการในนิคมอุตสาหกรรมอมตะทั้งหมด ในปี 2567 มีความต้องการใช้น้ำเพื่อการอุตสาหกรรมรวมทั้งหมด 59.88 ล้านลูกบาศก์เมตร ลดลงร้อยละ 1.5 จากปี 2566 เพื่อให้สามารถผลิตน้ำเพื่อการอุตสาหกรรมได้อย่างเพียงพอต่อความต้องการใช้ของลูกค้าที่เพิ่มขึ้นและรับมือกับสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงไปได้ บริษัทฯ จึงจัดให้มีแหล่งสำรองน้ำดิบผิวดินพร้อมใช้จำนวนรวม 17 แห่ง ซึ่งมีความจุรวมทั้งสิ้น 61.2 ล้านลูกบาศก์เมตร พร้อมทั้งเพิ่มการใช้น้ำคุณภาพสูงที่ผลิตจากน้ำที่ผ่านการบำบัดแล้วด้วยระบบ water reclamation ทดแทนการใช้น้ำดิบผิวดินในการผลิตน้ำเพื่อการอุตสาหกรรม ทำให้ปัจจุบันบริษัทฯ สามารถลดสัดส่วนการใช้น้ำดิบผิวดินลงเหลือร้อยละ 63 ของความต้องการใช้น้ำของผู้ประกอบการในนิคมอุตสาหกรรมอมตะทั้งหมด  เป็นผลให้บริษัท ฯ มีน้ำดิบผิวดินสำรองใช้ในแหล่งต่างๆ มากกว่าร้อยละ 150 ของความต้องการใช้น้ำดิบผิวดินทั้งหมด ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของบริษัท ฯ ที่กำหนดไว้

บริษัทฯ รับทราบถึงความคาดหวังและความกังวลใจของผู้มีส่วนได้เสียหลายกลุ่มในเรื่องการบริหารจัดการน้ำ จากช่องทางการมีส่วนร่วมแสดงความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้เสีย โดยเฉพาะผู้ประกอบการในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ทั้งสองแห่งและชุมชนโดยรอบที่อาจได้รับผลกระทบโดยตรง บริษัทฯ จึงจัดให้มีการสื่อสารเพื่อชี้แจงสถานการณ์น้ำและแนวทางการบริหารจัดการน้ำของอมตะแก่ผู้มีส่วนได้เสียดังนี้

  • วันที่ 15 พฤษภาคม 2567 บริษัท อมตะ ยู จำกัด ได้จัดประชุมชี้แจงสถานการณ์น้ำในปี 2567 ในรูปแบบ Webinar เพื่อสร้างความมั่นใจในเรื่องของการบริหารจัดการน้ำภายในนิคมอุตสาหกรรมอมตะ ให้กับผู้ประกอบการในนิคมอุตสาหกรรมอมตะรับทราบ
  • วันที่ 13 ธันวาคม 2567 บริษัท อมตะ ยู จำกัด ได้จัดการประชุมใหญ่สมาชิกองค์กรผู้ใช้น้ำ นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ชลบุรี เพื่อรายงานผลการดำเนินการประจำปี 2567
  • วันที่ 13 ธันวาคม 2567 บริษัท อมตะ ยู จำกัด ได้จัดการประชุมใหญ่สมาชิกองค์กรผู้ใช้น้ำ นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ระยอง เพื่อรายงานผลการดำเนินการประจำปี 2567

เพื่อเสริมสร้างเสถียรภาพและความมั่นคงด้านการบริหารจัดการน้ำ ทั้งในด้านการพัฒนาแหล่งเก็บกักน้ำ การบริหารโครงข่ายระบบท่อ และการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำ รองรับการขยายตัวของนิคมอุตสาหกรรม ควบคู่ไปกับการส่งเสริมความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมและการบริหารจัดการน้ำแบบองค์รวม บริษัท อมตะ ยู จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ดูแลและบริหารจัดการน้ำทั้งหมดภายในนิคมอุตสาหกรรมอมตะ จึงได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับ บริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2567 เพื่อร่วมศึกษาแนวทางการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก โดยมีเป้าหมายในการเสริมสร้างความมั่นคงด้านน้ำ และสร้างความเชื่อมั่นในการบริหารจัดการน้ำของพื้นที่ดังกล่าวในระยะยาว

การใช้ทรัพยากรน้ำอย่างมีความรับผิดชอบ

การบริหารจัดการน้ำเสียในนิคมอุตสาหกรรม

ในกระบวนการบริหารจัดการน้ำเสียของนิคมอุตสาหกรรมนั้น บริษัทฯ มีการกำกับดูแลคุณภาพน้ำเสียที่ถูกปล่อยออกมาจากโรงงานอุตสาหกรรม โดยกำหนดให้มีการแยกระบบระบายน้ำฝนออกจากระบบระบายน้ำเสีย โดยโรงงานอุตสาหกรรมส่งน้ำเสียที่ผ่านการบำบัดเบื้องต้นเพื่อควบคุมคุณภาพจากภายในโรงงานตามระเบียบของการนิคมอุตสาหกรรม ผ่านท่อส่งน้ำเสียมายังศูนย์รวบรวมน้ำเสียส่วนกลางของนิคมอุตสาหกรรมซึ่งดูแลโดยบริษัท อมตะ ยู จำกัด

น้ำเสียที่ถูกส่งมานี้จะถูกบำบัดให้ได้ค่าตามมาตรฐานตามประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2559 และตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม พ.ศ. 2560 โดยค่ามาตรฐานของน้ำเสียที่ผ่านการบำบัดนี้จะถูกตรวจสอบคุณภาพอย่างละเอียดโดยห้องปฏิบัติการเอกชนที่ขึ้นทะเบียนโดยกรมโรงงานอุตสาหกรรม และต้องผ่านเกณฑ์มาตรฐานทุกรายการก่อนนำกลับมาใช้ประโยชน์ในรูปแบบต่าง ๆ โดยบริษัทฯ มีระบบในการควบคุมและกำกับดูแลโรงงานโดยการตรวจสอบคุณภาพน้ำเสียที่ถูกส่งออกมาจากโรงงานเป็นประจำทุกเดือน หากพบว่าคุณภาพน้ำเสียที่ถูกส่งออกมาจากโรงงานนั้นไม่เป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนด บริษัทฯ จะทำหนังสือแจ้งเตือนให้โรงงานปรับปรุงแก้ไขและเรียกเก็บค่าบริการบำบัดน้ำเสียพิเศษ

การบริหารจัดการน้ำตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน

บริษัทฯ มีนโยบายในการไม่ปล่อยน้ำทิ้ง (effluent) ออกสู่ภายนอกในทุกพื้นที่ดำเนินงานตามหลักการ Zero Discharge จึงทำให้บริษัท ฯ มีเป้าหมายในการนำน้ำที่ผ่านการบำบัดแล้วกลับมาใช้ประโยชน์ได้ทั้งหมด (ร้อยละ 100) โดยน้ำผ่านการบำบัดส่วนหนึ่งจะนำไปผลิตเป็นน้ำคุณภาพสูง เพื่อใช้ทดแทนการใช้น้ำดิบผิวดินจากแหล่งน้ำธรรมชาติ ซึ่งบริษัท ฯ กำหนดเป็นเป้าหมายในการลดสัดส่วนของน้ำดิบผิวดินที่ดึงมาใช้ต่อปริมาณความต้องการใช้น้ำของผู้ประกอบการในนิคมอุตสาหกรรมอมตะทั้งหมดให้ต่ำกว่าร้อยละ 60 ในปี 2567

จากการพัฒนาระบบบำบัดน้ำเสีย และการควบคุมคุณภาพการบริหารจัดการน้ำเสียอย่างต่อเนื่อง ทำให้น้ำเสียที่ถูกบำบัดจากระบบบำบัดน้ำเสียส่วนกลางมีคุณภาพเป็นไปตามค่ามาตรฐานตามที่กำหนดตามประกาศกระทรวงฯ และสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ทั้งหมด (ร้อยละ 100) ในปี 2567 มีน้ำเสียที่เข้าสู่ระบบบำบัดน้ำเสียส่วนกลางทั้งสิ้น 21.9 ล้านลูกบาศก์เมตร ลดลงจากปี 2566 ร้อยละ 9 บริษัทฯ สามารถนำน้ำที่ผ่านการบำบัดแล้วทั้งหมด (ร้อยละ 100) กลับมาใช้ประโยชน์ในนิคมอุตสาหกรรม โดยน้ำที่ผ่านการบำบัดแล้วร้อยละ 43 ถูกนำใช้ไปผลิตเป็นน้ำคุณภาพสูงด้วยระบบ water reclamation ด้วยเทคโนโลยี reverse osmosis เพื่อใช้ทดแทนน้ำดิบจากแหล่งน้ำธรรมชาติในการผลิตน้ำประปาเพื่อการอุตสาหกรรม ส่วนน้ำที่ผ่านการบำบัดแล้วส่วนที่เหลือถูกนำไปใช้ในระบบหล่อเย็นของโรงไฟฟ้าภายในนิคมอุตสาหกรรม และนำไปใช้ในการดูแลพื้นที่สีเขียว ร้อยละ 31 และ ร้อยละ 26 ตามลำดับ

บริษัทฯ ได้ลงทุนพัฒนากระบวนการผลิตน้ำคุณภาพสูงโดยนำน้ำที่ผ่านการบำบัดมาผลิตเป็นน้ำคุณภาพสูงโดยระบบ reclamation ด้วยเทคโนโลยี reverse osmosis ตั้งแต่ปี 2551 และได้ขยายกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันระบบ reclamation มีกำลังการผลิตน้ำคุณภาพสูงรวมทั้งสิ้น 35,360 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน  ส่งผลให้ในปี 2567 บริษัทฯ สามารถลดการดึงน้ำดิบจากแหล่งน้ำผิวดินมาใช้ลงเหลือ 38.01 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นสัดส่วนการดึงน้ำดิบผิวดินมาใช้ต่อปริมาณความต้องการใช้น้ำของผู้ประกอบการในนิคมอุตสาหกรรมอมตะทั้งหมดเท่ากับ ร้อยละ 63 ซึ่งไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ให้น้อยกว่าร้อยละ 60 ของความต้องการใช้น้ำทั้งหมด เนื่องจากในปี 2567 มีปริมาณน้ำเสียจากโรงงานเข้าสู่ระบบรวบรวมน้ำเสียส่วนกลางลดลง เพราะหลายโรงงานมีการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำ เพื่อให้สอดคล้องกับแนวทางการดำเนินงานด้านความยั่งยืนของแต่ละโรงงาน อาทิ ลดการใช้น้ำในกระบวนการผลิต หรือ มีการหมุนเวียนการใช้น้ำภายในโรงงานมากขึ้น ทำให้มีปริมาณน้ำที่ผ่านการบำบัดลดลง ซึ่งต้องนำไปใช้ในระบบหล่อเย็นในโรงไฟฟ้าส่วนหนึ่ง จึงมีน้ำที่ผ่านการบำบัดแล้วส่งเข้าระบบ water reclamation ลดลง

แต่อย่างไรก็ดี การผลิตน้ำคุณภาพสูงจากน้ำที่ผ่านการบำบัดแล้วเพื่อทดแทนการใช้น้ำดิบผิวดินจากแหล่งธรรมชาติทำให้บริษัทฯ สามารถประหยัดค่าใช้จ่ายในการจัดหาน้ำดิบได้ 73.29 ล้านบาทต่อปี และทำให้บริษัทฯ มีน้ำดิบสำรองใช้เพิ่มขึ้นได้อีก 5 เดือน ลดความเสี่ยงในการขาดแคลนน้ำ และยังสามารถช่วยสนับสนุนชุมชนท้องถิ่นหากเกิดวิกฤตภัยแล้งได้อีกทางหนึ่ง นอกจากนี้ ยังช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ลูกค้าและชุมชมรอบนิคมอุตสาหกรรมในด้านความมั่นคงของแหล่งน้ำและการบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืนภายในนิคมอุตสาหกรรม

การอนุรักษ์น้ำในสำนักงานและพื้นที่ส่วนกลาง

บริษัทฯ ตรวจสอบการรั่วซึมของน้ำในบริเวณอาคารและพื้นที่รอบอาคารเป็นประจำ ตรวจสภาพและซ่อมบำรุงอุปกรณ์และระบบการจ่ายน้ำภายในอาคารให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์อยู่เสมอ ติดตั้งก๊อกน้ำอัตโนมัติในห้องน้ำ เพื่อลดการสูญเสียน้ำโดยไม่จำเป็น นอกจากนี้ บริษัท ฯ รณรงค์และปลูกฝังจิตสำนึกให้พนักงานในสำนักงานทุกแห่งของอมตะร่วมกันอนุรักษ์น้ำและใช้น้ำอย่างรู้คุณค่า โดยจัดทำเป็นโครงการ ALL SAVE ALL WIN มีการสื่อสารด้วยป้ายประชาสัมพันธ์ในพื้นที่ต่าง ๆ และอีเมล ในการรณรงค์ให้พนักงานไม่เปิดน้ำประปาทิ้งไว้ระหว่างการทำความสะอาด และนำน้ำไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เช่น นำน้ำที่ได้จากการละลายน้ำแข็งมาใช้ทำความสะอาดสำนักงาน และใช้ทำความสะอาดขยะบรรจุภัณฑ์ที่ปนเปื้อนอาหารก่อนน้ำไปผึ่งให้แห้ง และจัดเก็บ เพื่อส่งต่อไปกำจัดอย่างถูกวิธี

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีกิจกรรมลดการใช้น้ำในพื้นที่ส่วนกลางโดยการใช้น้ำที่ผ่านการบำบัดแล้วของนิคมฯ หรือน้ำรีไซเคิล กลับมาใช้รดน้ำต้นไม้และพื้นที่สีเขียวเพื่อลดการใช้น้ำดิบ โดยการต่อเข้าระบบรดน้ำอัตโนมัติ (ระบบสปริงเกอร์) ตามแนวถนนสายหลักของนิคมฯ และการใช้รถน้ำสูบน้ำรีไซเคิล เพื่อมารดต้นไม้และพื้นที่สีเขียวในพื้นที่ส่วนกลางอื่น ๆ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังวางแผนการรดน้ำในแต่ละช่วงฤดู โดยในช่วงหน้าแล้งจะรดน้ำตามรอบการทำงานปกติ วันละ 1-2 รอบ แต่หากเป็นช่วงฤดูฝนจะลดรอบการรดน้ำให้น้อยลงกว่าปกติ เช่น งดเว้นการรดน้ำในวันที่ฝนตก เพื่อบริหารจัดการน้ำที่นำมาใช้รดพื้นที่สีเขียวให้คุ้มค่าและเกิดประสิทธิภาพสูงสุด

ในปี 2567 บริษัทฯ มีการใช้น้ำในการดำเนินธุรกิจรวมทั้งสิ้น 38.01 ล้านลูกบาศก์เมตร และมีอัตราการใช้น้ำต่อหน่วยพื้นที่ที่ดำเนินงานของปี 2567 เท่ากับ 1,128.81 ลูกบาศก์เมตรต่อไร่ หรือ 7,055.05 ลูกบาศก์เมตรต่อเฮกตาร์ แม้ว่าบริษัทฯ ได้ดำเนินกิจกรรมทั้งหมดเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำ ลดการใช้น้ำ และเพิ่มการใช้น้ำรีไซเคิล อย่างเต็มที่ แต่เนื่องจากในปี 2567 มีผู้ประกอบการในนิคมอุตสาหกรรมบางรายที่มีการขยายกำลังการผลิต เช่น โรงงานในกลุ่มอุตสาหกรรมการผลิตเครื่องดื่ม เป็นต้น รวมถึงมีการใช้น้ำในการก่อสร้างโรงงานของผู้ประกอบการรายใหม่ ทำให้อัตราการใช้น้ำต่อหน่วยพื้นที่ที่ดำเนินงานเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.9 เมื่อเทียบกับปี 2566

การส่งเสริมการดูแลรักษาทรัพยากรน้ำของผู้มีส่วนได้เสีย

บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืนที่เกิดจากการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน โดยเฉพาะการใช้น้ำของโรงงานผู้ประกอบการในนิคมอุตสาหกรรมอมตะ  บริษัท ฯ จึงได้ดำเนินการร่วมกับโรงงานนิคมอุตสาหกรรมอมตะในสองรูปแบบ ได้แก่ การส่งหนังสือขอความร่วมมือไปยังโรงงาน ให้ใช้น้ำอย่างรู้คุณค่าและมีประสิทธิภาพ ลดการใช้น้ำและการสูญเสียน้ำในโรงงาน เพื่อสนับสนุนมาตรการด้านการบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืนในภาพรวมของบริษัทฯ และลดความเสี่ยงและผลกระทบจากภัยแล้งที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งบริษัทฯ ได้เข้าไปช่วยเหลือสนับสนุนการให้คำปรึกษาเกี่ยวกับระบบน้ำหมุนเวียนจากทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการบริหารจัดการน้ำของบริษัทฯ โดยให้คำแนะนำแก่โรงงานที่ต้องการลดค่าใช้จ่ายในการจัดการน้ำเสีย ช่วยให้สามารถควบคุมคุณภาพน้ำไม่ให้เกินค่ามาตรฐาน ลดความเสี่ยงจากค่าบริการบำบัดน้ำเสียพิเศษตามประกาศของนิคมอุตสาหกรรมอมตะ ซึ่งจะทำให้โรงงานสามารถประหยัดน้ำใช้และนำน้ำเสียกลับมาใช้ประโยชน์ได้อีกทางหนึ่ง

นอกจากนี้ บริษัทฯ ต้องการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการในนิคมอุตสาหกรรม หน่วยงานภาครัฐ และชุมชนรอบนิคมอุตสาหกรรมมีความรู้ความเข้าใจในการดำเนินธุรกิจและแนวทางการบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืนของบริษัทฯ และตระหนักถึงผลกระทบต่อผู้มีส่วนได้เสียและสิ่งแวดล้อมที่อาจเกิดขึ้นจากการบริหารจัดการน้ำที่ไม่มีประสิทธิภาพ บริษัทฯ จึงได้จัดตั้งศูนย์เรียนรู้ด้านการบริหารจัดการน้ำภายในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ชลบุรี ตั้งแต่ปี 2552 เพื่อเผยแพร่องค์ความรู้จากการดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการบริหารจัดการน้ำ โดยเปิดให้ชุมชนโดยรอบและบุคคลภายนอกเข้าเยี่ยมชม เพื่อศึกษารูปแบบการบริหารจัดการน้ำของนิคมอุตสาหกรรม และปลูกฝังจิตสำนึกและความร่วมมือในการอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำให้แก่ผู้เยี่ยมชม

นับตั้งแต่ที่เปิดดำเนินการศูนย์เรียนรู้ด้านการบริหารจัดการน้ำภายในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ชลบุรี มาตั้งแต่ปี 2552 ศูนย์แห่งนี้รองรับการเยี่ยมชมของคณะศึกษาดูงานด้านการบริหารจัดการน้ำมาแล้วทั้งสิ้น 446 คณะ รวมจำนวนผู้ที่เคยมาเยี่ยมชมศูนย์บริหารจัดการน้ำทั้งสิ้น 13,420 คน บริษัทฯ มีเป้าหมายให้กลุ่มผู้มีส่วนได้เสียหลัก เช่น ลูกค้า ชุมชนท้องถิ่น มีความรู้ความเข้าใจในการบริหารจัดการน้ำของนิคมอุตสาหกรรมอมตะดียิ่งขึ้น  นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังเปิดโอกาสให้กลุ่มบุคคลทั่วไป องค์กรและหน่วยงานต่างๆ ที่มีความสนใจ เข้าเยี่ยมชมศูนย์เรียนรู้ด้านการบริหารจัดการน้ำภายในนิคมอุตสาหกรรมได้ โดยแจ้งความประสงค์มายังบริษัท อมตะ ยู จำกัด หรือผ่านทางบริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน)  และในปี 2567 มีผู้เยี่ยมชมศูนย์เรียนรู้ด้านการบริหารจัดการน้ำในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ชลบุรี ทั้งสิ้น 1,114 คน แบ่งออกเป็น ผู้สนใจทั่วไปจำนวน 10 คณะ นักเรียน นักศึกษา จำนวน 17 คณะ และหน่วยงานราชการส่วนกลางและส่วนท้องถิ่น จำนวน 12 คณะ รวมทั้งสิ้น 39 คณะ

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้ใช้ความรู้ความสามารถที่บริษัทฯ มีในการช่วยพัฒนาการบริหารจัดการแหล่งน้ำสาธารณะในพื้นที่ชุมชนที่อยู่ติดกับนิคมอุตสาหกรรมอมตะ โดยบูรณาการความร่วมมือระหว่างบริษัทฯ หน่วยงานราชการ และชุมชน ในการลดและป้องกันการปล่อยน้ำเสียและของเสียจากชุมชนลงสู่แหล่งน้ำสาธารณะ และรักษาคุณภาพแหล่งน้ำและพัฒนาสภาพแวดล้อมของชุมชนให้ดีขึ้นร่วมกัน

ร่วมสร้างอนาคต
ไปกับอมตะ

ร่วมสร้างอนาคต
ไปกับอมตะ

ติดต่อเราเพิ่มเติม

ประเทศไทย
+66 38 939 007
เวียดนาม

+84 251 3991 007 (ใต้)
+84 203 3567 007 (เหนือ)

พม่า

+95 1 230 5627

ลาว
+85 620 5758 0007